Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 998

ตอนที่ 998

บทที่ 998 ไม่เคยไม่เสียดาย

หลินหยังปิดประตูลง อาการขี้เล่นหยอกล้อบนใบหน้าหลินยี่หายไปสิ้น เขายัดเก็บปืนในมือเข้ากระเป๋า เอื้อมมือรับแก้วไวน์จากลู่เซิ่น : “ฉันไม่เคยเห็นผู้ช่วยคนนี้ของแกมาก่อน”

ลู่เซิ่นเอ่ยเสียงเรียบ : “เขาไว้ใจได้ ฉันถึงกล้าปล่อยเขาให้มาเจอแก”

หลินยี่จิบไวน์ในมือ ก่อนเอ่ยอย่างเชื่องช้า : “รู้แล้ว”

ลู่เซิ่นยักไหล่ พร้อมเอ่ยในใจ รู้แล้วยังจะเอายืนขึ้นมาหลอกให้เขาตกใจกลัว

แต่ยังไงก็สหายของตน เขาไม่เอ่ยประโยคออกมา เพียงเปลี่ยนประเด็น : “ทำไมถึงไปเมืองหนานกะทันหัน?”

หลินยี่จ้องมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ด้วยใบหน้าไร้กะจิตกะใจ : “มีธุระ ไม่ไปไม่ได้”

ลู่เซิ่นไม่เอ่ยถามไปมากกว่านี้

เขาและหลินยี่รู้จักกันตั้งแต่เขาเริ่มจำความได้ ทั้งคู่เคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อครั้งก่อนฉินซีแอบสะกดรอยตามคนอื่นที่โรงแรม หลินยี่พบเข้าโดยบังเอิญ จึงช่วยเธอเอาไว้ได้ทัน

การเดินทางของลู่เซิ่นในครั้งนี้ ครึ่งหนึ่งเพราะฉินซี อีกครึ่งหนึ่งเพราะหลินยี่

หากไม่ใช่เพราะหลินยี่ที่ส่งข้อความหาเขา ถามเขาว่ามีวิธีช่วยให้เขาได้ไปเมืองหนานโดยด่วนไหม เขาก็คงไม่รีบเร่งเช่นนี้

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเที่ยง ลู่เซิ่นกลับวุ่นวายขึ้นมา

เมื่อทั้งคู่ดื่มไวน์ในมือจนหมด หลินยี่จับจ้องลู่เซิ่น ก่อนเอ่ย : “เป็นอะไร มีเรื่องอะไรกวนใจ?”

ลู่เซิ่นหันมองเขา : “ชัดเจนขนาดนั้นเชียว?”

หลินยี่เอ่ยตอบ : “เหลือแต่เขียนคำว่า’ฉันลังเล’ลงบนหน้า”

ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ พร้อมรินไวน์ลงแก้ว กลืนรสเผ็ดร้อนลงท้อง เขาถึงได้เอ่ยปาก : “เมียฉัน”

หลินยี่ยกคิ้วขึ้น : “เมีย? ทำไมฉันถึงได้ข่าวว่า…..อดีตภรรยา?”

ใบหน้าขบขันของลู่เซิ่นหายไป : “แกรู้ได้ไง?”

หลินยี่เอื้อมมือหยิบแก้วไวน์ : “พ่อบ้านบอกฉัน”

“พ่อบ้าน?” ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว

หลินยี่โบกไม้โบกมือ : “ไม่ใช่ที่รีสอร์ทชิงหยวน ที่คฤหัสถ์ลู่ เรื่องที่แกหย่ากับเมียแก ถึงแกไม่ได้บอกใคร แต่แม่แกต้องการประกาศให้ประชาชนได้รับรู้จะแย่ คนใช้ในบ้านก็ต้องทำตามความประสงค์ของแม่แก”

ลู่เซิ่นพยักหน้า ไม่ไล่ถามต่อ

หลินยี่นิ่งอยู่พักหนึ่ง เมื่อเขาไม่เอ่ยใดๆ เขาจึงไล่ต้อน : “แล้ว แกกับเมียแกเป็นอะไร?”

ลู่เซิ่นกระดกไวน์ลงคอ พร้อมหัวเราะเยาะตน : “ฉันนี่มัน…..”

ไม่เสียแรงที่เป็นสหายของเขานานหลายปี เห็นเขามีอาการเช่นนี้ เขาเผยสีหน้าเริงรื่น : “ทำไม? จะหย่าแล้ว? เสียดาย?”

ลู่เซิ่นส่ายหน้า เอ่ยเสียงแผ่ว : “ไม่ใช่ว่าหย่าแล้วเสียดาย ไม่เคยไม่เสียดายเลยต่างหาก”

หลินยี่ขมวดคิ้ว : “ว้าว หมดสภาพแล้วหรือ!”

ลู่เซิ่นถลึงตาโตใส่เขา แต่กลับไม่ตอบรับ

หลินยี่วางแก้วไวน์ในมือ ก่อนเดินเข้าไปด้วยทีท่าเข้มแข็ง : “เกิดอะไรขึ้น? หวั่นไหวแล้ว เธอเป็นของนายแล้ว ทำไมถึงหย่า?”

ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปากแน่น เพียงรู้สึกว่าระหว่างเขาและฉินซีเกิดเรื่องมากมายวกไปวนมา อธิบายยากในเวลาอันสั้น จึงเลือกเอ่ยประเด็นหลัก : “ฉันชอบเธอ แต่ฉันรู้สึกว่าตัวเธอเองยังไม่รู้ตัวว่าชอบฉัน เลยหย่า”

หลินยี่ได้ยินเช่นนี้ เขากัดฟันกรอด : “นายท่องสุนทรพจน์อะไร รักๆใคร่ๆอะไรกัน สร้างปัญหาไม่น้อย”

ความในใจลู่เซิ่นถูกเขามัดรวมเช่นนี้ เขาไม่สามารถเสียใจได้อีกต่อไป พลางเอื้อมมือผลักเขา : “อะไรของแก ถ้าแกอยากรู้มากนัก ฉันไปรับลู่โยวโยวของแกมานี่ได้นะ พวกแกนัดเจอกันที่สนามบินเมืองหนาน แกจะได้รู้รสชาติรักๆใคร่ๆ”

หลินยี่จินตนาการทีท่าห้าวหาญของลู่โยวโยว เขาลูบไล้พวงแก้มราวปวดฟัน : “อย่า สหาย เห็นแก่ที่ฉันเคยช่วยชีวิตนายและเมียของนายเอาไว้ ปล่อยฉันไปเถอะ”

ลู่เซิ่นระเบิดหัวเราะออกมา พร้อมเอื้อมมือแตะแก้วไวน์ : “พอได้แล้ว ดื่มหมดนี่ไปพักผ่อนเถอะ ถึงแล้ว ฉันเรียกแกเอง”

หลินยี่แหงนหน้าขึ้นกระดกไวน์จนหมดในรวดเดียว ก่อนสะบัดไม้สะบัดมือใส่ลู่เซิ่น พร้อมเดินหายไปอีกห้อง

เครื่องบินลำนี้ไม่ถือว่าใหญ่มากนัก ห้องรับแขกไม่ใหญ่ แต่หลังหลินยี่และหลินหยังกลับเข้าห้องตัวเองไป ลู่เซิ่นเหล่มองไปทั่วกลับรู้สึกโล่งหวิว

เขาดื่มไวน์ในแก้วจนหมด นั่งริมหน้าต่างคนเดียว

ความมืดมนราวหมึกดำข้างนอก ห้อมล้อมเขาเอาไว้

หลินยี่พูดไม่ผิดหลอก รักๆใคร่ๆ สร้างปัญหาไม่น้อย

ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ลังเลเช่นนี้

เขาไม่ต้องการมีสัญญากระดาษใดๆกับฉินซี เพียงแค่อยากเป็นเหมือนคู่รักทั่วไป แต่กลับหวั่นเกรงอย่างควบคุมไม่ได้ หากไร้สัญญานัดหมายใดๆต่อกัน ฉินซีอาจไม่ได้เคียงข้างเขา

กลัวว่าความรักที่ฉินซีมีต่อตนจะไม่มากพอ กลัวตนจะดีไม่มากพอ

ไม่มีใครคาดคิด คนอย่างลู่เซิ่นเอง มีช่วงเวลาที่เขาจะเสียความมั่นใจ

ทุกคนเมื่อเผชิญกับความรัก ไม่ว่าตนจรัสแสงเพียงใด ก็ต้องกังวลอย่างเสียการควบคุมทั้งนั้น ตนคู่ควรกับฝ่ายตรงข้ามหรือไม่

เพียงแค่ต่างจากคนรอบข้าง ลู่เซิ่นไม่ถูกการเสียความมั่นใจควบคุม

เขาสามารถทำให้ฉินซีอยู่เคียงข้างตนได้ และสามารถทำให้ฉินซีรักตนขึ้นมาได้

ปีกว่าแล้ว เขามั่นใจว่าตนเห็นสายตาที่เปี่ยมด้วยความพร่างพราว เพียงแต่เขารู้สึกว่า ตัวฉินซีเองอาจยังไม่รู้ตัว

สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ คือการบีบบังคับให้ฉินซีรู้ใจตนเอง

ขณะที่ตนเตรียมออกจากรีสอร์ทชิงหยวน ประโยคที่ฉินซีเอ่ยนั้น เพียงพอแล้วที่จะทำให้ลู่เซิ่นตระหนก

แต่นั่นยังไม่พอ

นิ้วมือเรียวของลู่เซิ่นจรดลงบนที่พับเก้าอี้ซ้ำไปมา

เขาต้องการมากกว่านี้

ทำให้ฉินซีชอบตน เหมือนกับที่ตนชอบฉินซี

ต้องการให้เธอรักตน จนมิอาจจากไปไหนได้อีก

ลู่เซิ่นก้มหน้าลง ขบขันในความโลภของตน แต่เขาหุบรอยยิ้มนั้นลงอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ฉินซี…..ทำอะไรอยู่กันนะ?

เพิ่งจากมาเพียงครู่เดียวแท้ๆ ตนกลับรู้สึก…..คิดถึง

…..

ในท้องฟ้าใบเดียวกัน ห่างไกลหมื่นแสน ฉินซีที่นอนเล่นอยู่บนเตียง ยังไม่ได้หลับพักผ่อน

เมื่อก่อนลู่เซิ่นยุ่งมากแท้ๆ เหมือนใช้ชีวิตบนเครื่องบิน เธอเองก็อยู่คนเดียวบ่อยครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหน ที่เหมือนกับวันนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าห้องนอนกว้างใหญ่เหลือเกิน เตียงก็ด้วย

ไม่เช่นนั้น ทำไมเธอถึงรู้สึกหนาวเหน็บเช่นนี้ล่ะ?

ลู่เซิ่นไม่อยู่แท้ๆแต่การมีอยู่ของเขากลับถูกขยายใหญ่ขึ้น

หมอนใบที่เขาใช้หนุน มีกลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้ติดอยู่ ผ้าที่เขาใช้ห่มกายหลงเหลืออุณหภูมิของเขา

ฉินซีหลับตาลง เคลื่อนกายไปยังเตียงอีกด้านที่เป็นของลู่เซิ่น

ซุกหัวเข้ากับหมอนใบที่ลู่เซิ่นใช้หนุน กลิ่นน้ำหอมของเขาห้อมล้อมรอบตัวเธอ ฉินซีพบว่า ตนกลับสบายใจขึ้นมา

ก่อนที่เธอ จะเข้าสู่ห้วงนิทรา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท