Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1005

ตอนที่ 1005

บทที่ 1005 หนทางยังอีกยาวไกล

แต่ลู่เซิ่นก็ไม่คิดเลยว่า ตัวเองจะปล่อยไก่ออกไปแบบนั้น

เมื่อบันไดเครื่องบินกางลง ลู่เซิ่นก็ลุกขึ้นแล้วเดินลงไป

ถ้ามองให้ดี ก็จะพบว่าเขากำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น

เพียงแต่ใครก็คงคิดไม่ถึง ว่าเขาไม่ได้กำลังรอสายจากคู่ค้าทางธุรกิจคนสำคัญ และไม่ได้กำลังรอลุ้นผลการทำสัญญาอะไรทั้งสิ้น

เขาก็แค่รอสายจากฉินซี ก็เท่านั้น

……

อีกด้านหนึ่ง เมื่อฉินซีเห็นหน้าจอพลันดับสนิท ก็ยืนค้าง

ตอนแรกที่เห็นว่าลู่เซิ่นโทรมา เดิมทีเธอว่าจะพูดทักทายกันพอเป็นมารยาทสักสองสามประโยค หลังจากนั้นค่อยขอตัววางสายไป แต่ไม่คิดเลยว่าจู่ๆลู่เซิ่นจะพูดประโยคนั้นออกมา

มากไปกว่านั้นคือลืมคิดไปเลยว่าเมื่อคืนเธอลืมชาร์จแบตโทรศัพท์ วันนี้ตอนเช้าก็รีบออกไปข้างนอกด้วย จึงไม่ได้สนใจเรื่องแบตโทรศัพท์มากนัก แบตถึงได้หมดไปดื้อๆแบบนี้

แต่ฉินซีไม่ได้เดินเข้าห้องนอนไปหาที่ชาร์จ และไม่ได้จะขาดการติดต่อไปเฉยๆเช่นเดียวกัน เธอเลือกที่จะหันกายเดินไปหาพ่อบ้าน ให้พ่อบ้านส่งข้อความไปบอกลู่เซิ่นให้

ถ้าปล่อยให้เขาไม่รู้ ก็คงคิดไปเองว่าเธอจงใจวางสายใส่ แบบนั้นคงเข้าใจผิดไปกันใหญ่

เธอฟังออก ว่าในน้ำเสียงของลู่เซิ่นมีแววหยั่งเชิง

เธอไม่รู้ว่าลู่เซิ่นคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่คำพูดของเขาเมื่อสักครู่ ถ้าเธอไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับไปเขาคง……เสียหน้าแย่

โชคดีที่เธอคิดได้ ไม่อย่างนั้นถ้าไม่มีข้อความจากพ่อบ้านส่งไปบอก บางทีเขาอาจจะบินกลับมาทันทีเลยก็ได้

เมื่อส่งข้อความเสร็จ และแน่ใจว่าลู่เซิ่นได้รับแล้ว เธอถึงได้ขึ้นชั้นบนเพื่อกลับไปยังห้องนอน

ฉินซีไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่าการชาร์จแบตโทรศัพท์ให้เต็มจะยาวนานขนาดนี้

คิดไม่ถึงว่าเธอจะอยากคุยกับลู่เซิ่นเร็วๆขนาดนี้

เธออยากถามให้เข้าใจ ว่าที่ลู่เซิ่นถามออกมานี่คิดดีแล้วหรือยัง? ให้คำนิยามความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนี้ได้แล้วเหรอ? เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าระหว่างทั้งสองคนสามารถไปกันได้โดยที่ไม่ต้องมีเงินและข้อตกลงเข้ามาเกี่ยวข้อง?

คำถามมากมายค้างอยู่ในใจ เธอแทบอยากจะถามมันออกไปซะเดี๋ยวนี้

ในเวลาไม่กี่นาที มันมากพอที่จะทำให้เธอรู้ตัวว่าความรู้สึกที่เธอมีให้ลู่เซิ่นมันมากกว่าที่จินตนาการไว้หรือเปล่า เธอถึงได้อยากรู้คำตอบของเขาเร็วๆแบบนี้

ซึ่งในวินาทีที่เปิดโทรศัพท์ขึ้นมา เธอก็กดเข้าไปในวีแชท แล้วกดวิดีโอคอลกลับไปหาลู่เซิ่น

ส่วนลู่เซิ่นก็ไม่ปล่อยให้เธอรอนาน กดรับสายแทบทันที

“ชาร์จแบตแล้ว?” ในน้ำเสียงของลู่เซิ่นมีแววล้อๆ

เห็นได้ชัดว่า ความอึดอัดระหว่างทั้งสองคนมลายหายไปจนไม่มีเหลือ

เมื่อฉินซีปล่อยไก่ออกมาขนาดนี้ จึงทำได้แค่พยักหน้า ไม่อาจหาข้อแก้ตัวได้เลย

แต่เมื่อเห็นท่าทางของลู่เซิ่น คำถามเต็มหัวเมื่อสักครู่นี้ ก็พลันหายวับไปจนไม่เหลือร่องรอย

ต่อให้เป็นฮีโร่ ต้องบินตั้งสิบชั่วโมงกว่าๆขนาดนั้นก็คงมีเหนื่อยบ้างล่ะ อีกอย่างลู่เซิ่นก็ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ระหว่างที่อยู่บนเครื่องด้วย ดังนั้นบนใบหน้าของเขาจึงไม่สามารถซ่อนความเหนื่อยล้าเอาไว้ได้เลย

เธอกำลังจะถามสิ่งที่อยากถามออกไปแต่จู่ๆเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ “คุณลงเครื่องแล้ว?”

ฉินซีมองภาพในหน้าจอ ก็เห็นแสงวูบๆวาบๆ ที่ส่งกระทบลงบนใบหน้าด้านข้างของลู่เซิ่นเป็นระยะๆ จึงสังเกตได้ว่าเขาไม่ได้อยู่บนเครื่องบินแล้ว

“อืม” ลู่เซิ่นพยักหน้า “ขึ้นรถแล้ว ตอนนี้กำลังไปโรงแรม”

เพราะเวลาต่างกันสิบสองชั่วโมง ทางฝั่งลู่เซิ่นจึงยังมืดอยู่

…….พอคำนวณดูแล้ว ทางนั้นยังตีสามอยู่เลย

ฉินซียิ้มเยาะกับตัวเอง คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะมีช่วงที่ไร้เหตุผลขนาดนี้

ลู่เซิ่นเดินทางตั้งนาน มีคำถามอะไร รอให้เขาได้พักผ่อนแล้วค่อยถามก็ได้นี่นา ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนี้

ถึงยังไงลู่เซิ่นก็ไม่หายไปไหนหรอก

ดังนั้นเธอจึงกักเก็บคำถามทั้งหมดเอาไว้ ทว่าชั่วขณะกลับไม่รู้ควรพูดอะไรแทน

ทางลู่เซิ่นที่ถูกขัดจังหวะด้วยแบตโทรศัพท์เจ้าปัญหาของเธอ เวลาก็ผ่านไปนานขนาดนี้ อารมณ์อ่อนไหวที่มาจากคำพูดในความฝันก็ลดลงไปเยอะพอสมควร

เมื่อเห็นแววตาห่วงใยของฉินซี เขาจึงเลือกเก็บคำถามเหล่านั้นเอาไว้ก่อน

หนทางยังอีกยาวไกล เรื่องของความรู้สึก มันบังคับและเร่งรัดกันไม่ได้หรอก

เพราะฉะนั้น เมื่อทั้งสองมีความคิดเหมือนกัน ปลายสายทั้งสองฝั่งจึงพากันเงียบลงไปโดยไม่ได้นัดหมาย

สิบชั่วโมงก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกเขาแยกกัน ฉินซีดึงชายเสื้อของลู่เซิ่นเอาไว้ บรรยากาศก็ดูตึงเครียด

ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมองกันผ่านหน้าจอเงียบๆ บรรยากาศนิ่งสงบ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

หลินหยังส่งเอกสารมาให้ลู่เซิ่น ลู่เซิ่นจึงหันไปพูดกับเขา เสียงพูดคุยของพวกเขาดังขึ้นมาในสายพอให้ได้ยินรางๆ จากนั้นก็เป็นเสียงการเคลื่อนไหวจากการเปิดหน้ากระดาษ

แต่ลู่เซิ่นกลับไม่ได้วางสาย

ฉินซีก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงได้ถือสายเอาไว้ตลอด พร้อมกับหันหน้าไปเปิดคอมพิวเตอร์ แล้วจัดการเอกสารในอีเมล

ทั้งๆที่อยู่ห่างกัน ต่างคนก็ต่างจัดการงานของตัวเอง บางครั้งก็โต้ตอบกันบ้าง แต่ทั้งสองกลับเหมือนอยู่ในพื้นที่เดียวกันอยากแปลกประหลาด

ราวกับว่าทั้งสองเป็นคู่รักนักเรียนมัธยม ที่อยู่กันคนละบ้านแล้วไม่สามารถมาอ่านหนังสือด้วยกันได้ ทำได้แค่โทรหากันผ่านวิดีโอคอล ทำทีเป็นอ่านหนังสือด้วยกัน เพื่ออยู่เป็นเพื่อนกัน

แต่ไม่ว่าจะเป็นอายุหรือประสบการณ์ พวกเขาต่างก็ห่างไกลจากนักเรียนมัธยมมากโข

แต่เมื่อได้ทำอะไรที่ดูบริสุทธิ์และใสๆอย่างนี้ บรรยากาศระหว่างทั้งสองก็ไม่มีอะไรแปลกไปเลยสักนิด

กลับกันเป็นหลินหยังที่แอบลอบมองอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาในทันที

ไม่อยากห่างกันขนาดนี้…….ทำไมต้องมาทำงานนอกสถานที่ด้วยตัวเองด้วยล่ะ

จนเมื่อลู่เซิ่นจัดการเอกสารเสร็จ และทางฉินซีก็ตอบกลับอีเมลเรียบร้อย อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงโรงแรมแล้ว

เมื่อฉินซีเห็นแสงไฟค่อยๆสว่างขึ้นมาผ่านหน้าจอ ก็พอจะรู้ว่าลู่เซิ่นน่าจะเข้าใกล้เขตโรงแรมแล้ว จึงโบกมือแล้วพูดว่า “คุณไปพักผ่อนเถอะ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า ขยับเข้าใกล้หน้าจอแล้วพูดกระซิบเสียงเบาว่า “คุณอยู่คนเดียว ก็นอนดีๆล่ะ”

เสียงของเขาจากปลายสายสะท้อนเข้ามาในหู ฉินซีรู้สึกว่าหูของตัวเองเริ่มแดงขึ้นมาแล้ว

“อืม” ฝั่งเธอมีแสงสว่างมากพอ จึงกลัวว่าลู่เซิ่นจะเห็นถึงความผิดปกติ จึงไม่รอให้เสียเวลา เตรียมจะกดวางสายอย่างเร่งรีบ

แต่ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นเห็นแล้วหรือเปล่า ถึงได้หัวเราะเสียงต่ำออกมา ทั้งๆที่บอกลากันแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมวางสาย ทำแค่จ้องมองเธอนิ่งๆ จนเธอกดวางสาย

เมื่อหน้าจอเปลี่ยนเป็นสีดำ ฉินซีถึงได้ถอนหายใจออกมายาวๆ

ตอนที่ลู่เซิ่นไป เธอตัดสินใจไว้แล้วแท้ๆ ว่าต้องใจแข็งจนกว่าลู่เซิ่นจะเป็นฝ่ายสารภาพกับเธอก่อน จนกว่าเขาจะพูดออกมาชัดๆว่าเขาคิดยังไงกันแน่ ทำไมถึงได้วกวนซับซ้อนขนาดนี้ ฉินซีคาดเดาความรู้สึกของเขาทีไร ก็เหมือนต้องมองดูดอกไม้ในสายหมอกทุกที

แต่พอลู่เซิ่นเป็นฝ่ายโทรมาก่อน ความตั้งใจของเธอก็ถูกเบี่ยงเบนโดยไม่รู้ตัว เธอถึงได้หลุดพูด……คำพูดห่วงเป็นใยพวกนั้นออกไป

เธอเม้มริมฝีปาก ดวงตายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ว่าควรทำยังไง

เธอไม่รู้ว่าลู่เซิ่นคิดยังไง แต่เธอรู้ความคิดตัวเองเป็นอย่างดี

เธอไม่สามารถทำใจยอมรับการที่ต้องตัดขาดกับลู่เซิ่นได้

หย่ากันแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะกลับมาคบกันไม่ได้

แต่ว่าจะกลับมาได้ยังไงนั้น……เธอยังต้องรอต่อไป

รอจนกว่าเธอจะแน่ใจในความรู้สึกของลู่เซิ่น ถึงจะกล้าตัดสินใจ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท