Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1019

ตอนที่ 1019

บทที่ 1019 พูดจนหมดเปลือก

การบันทึกเสียงสิ้นสุดลงที่ตรงนี้

ฉินซีหันไปมองจ้าวจิ้ง เธอจึงเก็บปากกาบันทึกเสียงกลับมา แล้วอธิบายกับฉินซีว่า “พวกเราพูดกันเยอะขนาดนี้ เวลาเยี่ยมก็เลยหมดแล้ว”

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

จากเสียงที่บันทึกไว้ฟังออกเลยว่าหลังจากที่เขารู้ว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปกำลังจะสูญสิ้นอำนาจ ท่าทีของเห้อเสียงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ฉันมีแนวโน้มว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น” จ้าวจิ้งพูด “หลังจากที่ได้เห็นข่าวนี้ สีหน้าของเขาก็ดูมีความสุขขึ้นมาก ร่างกายของเขายังโน้มมาข้างหน้า ทำท่าทางราวกับว่าอยากจะพูดทุกอย่างออกมาจนหมดเปลือก”

แต่ฉินซีกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีแบบนั้น “แต่ว่า..ท่าทีแบบนี้ของเขาไม่น่าจะให้ข้อมูลพวกเราโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน”

จ้าวจิ้งพยักหน้า “ก็ใช่ เห้อเสียงเจ้าหมอนี่ดูแล้ว…ค่อนข้างที่จะปลิ้นปล้อน ไม่ใช่คนที่จะตบตาได้ง่าย ๆ ถ้าหากไม่มีผลประโยชน์มาแลกเปลี่ยน เกรงว่าเขาคงไม่มีทางที่จะช่วยเหลือใคร”

ฉินซีใช้มือทั้งสองข้างจับคาง จากนั้นก็จมเข้าไปอยู่ในห้วงความคิด

ดูเหมือนเหตุการณ์จะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นเสียแล้ว

ยังต้องรอผลของคดีของเห้อเสียงออกมาเสียก่อน จึงจะดำเนินการขั้นต่อไปได้

จ้าวจิ้งก็กำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างอยู่

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นเงียบไปชั่วขณะ

จนกระทั่งเสียงออดบาดหูจากหน้าประตูทำลายความเงียบนี้ลง

ฉินซีรีบลุกยืนขึ้นทันที มองสำรวจไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง

ใครมากันนะ

เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวหลี่และเสี่ยวเฉินได้ยินเสียงออด พวกเขาจึงรีบเปิดประตูออกมาจากห้อง เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นหยุดพูดคุยกันแล้วก็เดินออกมา

“ผมจะออกไปดูเองครับ” เสี่ยวเฉินเป็นคนพูดออกมา

ฉินซีพยักหน้า

เสี่ยวเฉินโน้มตัวไปใกล้ตาแมวแล้วมองอยู่พักหนึ่ง “ทางโรงแรมส่งอาหารมาให้ครับ”

ฉินซีถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วโบกมือ “ให้เขาเข้ามา”

จ้าวจิ้งเก็บข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในห้องนั่งเล่นเสร็จหมดแล้ว จากนั้นเธอก็กดเปิดโทรทัศน์ ถ้าคนนอกเข้ามาเห็นฉากนี้เข้า ก็คงจะคิดว่าเธอกับฉินซีเป็นพี่สาวน้องสาวที่กำลังนั่งดูละครน้ำเน่าด้วยกันอย่างสนิทสนม

ด้วยเหตุนี้พนักงานของโรงแรมจึงไม่ได้สนใจพวกเธอมากนัก เขาวางอาหารเสร็จก็กลับไปทันที

จ้าวจิ้งรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร “สั่งอะไรมาอย่างนั้นเหรอ”

เสี่ยวหลี่ติดตามเธอมาตลอดทั้งช่วงเช้า เขาจึงสนิทสนมกับเธอไม่น้อย เลยพูดขึ้นมาว่า “สั่งอาหารจานแนะนำของโรงแรมมาสองสามอย่างครับ”

ฉินซีเองก็โน้มตัวไปดู

หน้าตาดูไม่เลวเลยทีเดียว

หวังว่ารสชาติจะดีกว่าอาหารเช้านะ

ฉินซีอธิษฐานจากก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนจะนั่งลงที่ข้างโต๊ะอาหารเงียบ ๆ

จากนั้นก็ค่อย ๆ เลือกข้าวอบที่ดูหน้าตาไม่เลวมาหนึ่งจาน ใช้ช้อนตักเข้าปากอย่างนั้นระมัดระวัง คิ้วของฉินซีก็คลายออกอย่างช้า ๆ

อาหารขึ้นชื่อพวกนี้รสชาติดีเลยทีเดียว

ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เธอคงไม่สามารถกินอาหารเช้าแบบจีนของโรงแรมนี้ได้อีกแล้ว

ฉินซีแอบตัดสินอยู่ในใจ

จ้าวจิ้งเองก็ลองกินไปคำหนึ่ง เธอเลิกขมวดคิ้วก่อนจะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “รสชาติดีกว่าอาหารเมื่อตอนเช้าเยอะเลย”

หลังจากที่ทั้งสี่คนกินเสร็จ จ้าวจิ้งก็บิดตัวอย่างขี้เกียจ “เมื่อเช้าฉันตื่นเช้ามากเกินไป ตอนนี้อยากจะพักผ่อนอีกสักหน่อย ถ้ามีเรื่องอะไรก็ไปเรียกฉันแล้วกันนะคะ”

ฉินซีพยักหน้า หลังจากนั้นเธอก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง

เสี่ยวเฉินและเสี่ยวหลี่เก็บของบนโต๊ะอาหารอย่างงุ่มง่าม ฉินซีเหมือนจะไม่มีอะไรต้องทำจึงกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ถึงแม้ว่าเธอจะมาเพื่อเรื่องเห้อเสียง แต่เธอก็เอางานของตัวเองมาด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถออกไปถ่ายรูปได้ แต่ถ้าให้ฝืนเลือกรูปภาพออกมาสักสองสามภาพก็ยังพอทำได้

เธอรู้ดีว่าต่อให้ตัวเองงีบหลับก็คงหลับไม่สนิท จึงเปิดคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มทำงาน

ทันทีที่จมดิ่งอยู่กับงาน เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น เธอก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

แต่ก็ยังยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มา ตอนที่พบว่าทนายจ้าวเป็นคนโทรมา สติของเธอก็แจ่มชัดขึ้น รีบกดรับสายทันที

“ฉินซีเหรอ” เสียงของทนายจ้าวดังขึ้น “จ้าวจิ้งอยู่กับเธอไหม”

“เธอกำลังพักผ่อนอยู่ที่ห้องข้าง ๆ ค่ะ” ฉินซีตอบ

“ฉันมีความคืบหน้าในเรื่องของเห้อเสียงแล้ว ไปเรียกหล่อนมาเถอะ จะได้พูดทีเดียว” ทนายจ้าวพูด

ฉินซีตอบรับก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องข้างๆ แล้วเคาะประตูห้องของจ้าวจิ้ง

ดูเหมือนว่าจ้าวจิ้งจะตื่นนอนแล้ว เธอเดินมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

ฉินซีชี้ไปที่โทรศัพท์ในมือ “พ่อของคุณโทรมาบอกว่ามีความคืบหน้า”

“จริงเหรอคะ” สีหน้าของจ้าวจิ้งสดใสขึ้นทันที เธอหันไปหยิบกระดาษมาสองสามแผ่น ก่อนจะเดินตามฉินซีกลับไปที่ห้อง

“เมื่อกี้ทนายที่รับผิดชอบคดีของเห้อเสียงก่อนหน้านี้ เอาคดีของเขามาจัดการกับฉัน” ไม่รู้ว่าทำไมน้ำเสียงของทนายจ้าวถึงได้ดูแผ่วเบานัก “ฉันจะสรุปให้ฟังสั้น ๆ ตอนนี้เอกสารกำลังสแกนอยู่ หลังจากที่เสร็จแล้วก็จะส่งเข้าไปในอีเมลของเธอฉินซี”

ฉินซีและจ้าวจิ้งต่างก็ตอบรับ

“เห้อเสียงเป็นคนเปิดบริษัทปลอม แต่คนที่ฟอกเงินไม่ใช่เขา” ทนายจ้าวพูดขึ้นมาทันที “มีคนเอาเงินของคนอื่นไปโยนใส่หัวเขา”

“อะไรนะคะ” จ้าวจิ้งสูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าไป

แต่ฉินซียังคงนับว่าใจเย็น เธอเพียงถามขึ้นมาว่า “เป็นฉินซึ่งเทียนอย่างนั้นเหรอคะ”

ทนายจ้าวเงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะตอบรับเบา ๆ

จ้าวจิ้งหันไปมองฉินซีทันทีอย่างไม่รู้ตัว ทว่าใบหน้าของเธอกลับไม่ได้แฝงความประหลาดใจเอาไว้เลยสักนิด

“เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ …” ฉินซีพึมพำเสียงเบา

“สรุปสั้น ๆ ว่าความจริงแล้วคดีไม่ได้ซับซ้อน แต่ทีมทนายของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแข็งแกร่งมาก ส่วนทนายความของเห้อเสียงก็ยังไม่ดีพอ เขาถูกยัดข้อหาที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนทำ ทั้งยังต้องเข้าไปอยู่ในคุกโดยเปล่าประโยชน์” ทนายจ้าวพูดต่อ

ดวงตาของจ้าวจิ้งเป็นประกายวาววาบ “ถ้าอย่างนั้นนี่ก็หมายความว่ามีโอกาสที่คดีจะพลิกไม่น้อยใช่ไหมคะ”

ทนายจ้าวตอบ “ใช่ พอเธอได้เห็นเอกสารที่ถูกจัดการจนเป็นหมวดหมู่แล้ว เธอก็จะรู้เองว่าควรจะทำยังไง”

เห็นได้ชัดว่าทนายจ้าวไว้วางใจกับความสามารถในการทำงานของจ้าวจิ้งเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็กำลังจะวางสายไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

ฉินซีกลับยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ตอนที่ทนายจ้าวกำลังจะวางสาย ทันใดนั้นฉินซีก็ฉุกคิดถึงคำพูดสองสามประโยคของทนายจ้าวขึ้นมาได้

“ทีมทนายของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแข็งแกร่งมาก…”

“ทนายที่จัดการคดีของเห้อเสียงค่อนข้างที่จะสนิทกับฉัน…”

คนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ทั้งยังรู้จักกับทนายจ้าวอีก บนโลกมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้ด้วยเหรอ

คงไม่ใช่ว่า…

เมื่อเห็นว่าทนายจ้าวกำลังจะวางสายไป อยู่ ๆ ฉินซีก็พูดขึ้นว่า “ทนายจ้าวคะ ทนายที่รับผิดชอบคดีของเห้อเสียง เป็นคนที่อยู่ข้างกายของฉินซึ่งเทียนคนนั้นใช่ไหมคะ

ทนายจ้าวไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะนึกถึงคำถามนี้ออกมา เขาจึงเงียบไปชั่วขณะ

แต่ความเงียบนี้เป็นถือเป็นการยอมรับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

“เป็นเขา” หลังจากนั้นไม่นานทนายจ้าวก็ถอนหายใจ แล้วตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา

ถึงตอนนี้ฉินซีจึงเข้าใจได้ทันที

ว่าทำไมทั้งที่ตรวจสอบคดีความของเห้อเสียงได้ชัดเจนแล้ว แต่น้ำเสียงของทนายจ้าวกลับดูอ่อนแรงขนาดนี้

แล้วก็ทำไมวันที่เธอไปจัดการเรื่องการซื้อขายหุ้นด้วยตัวเอง ทนายของฉินซึ่งเทียนถึงได้มีท่าทีร้อนรนตอนที่เห็นเธอ

ความจริงแล้วทุกอย่างล้วนมีเหตุและมีผล

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เหรอ” จ้าวจิ้งไม่เข้าใจ ดังนั้นเธอจึงได้แต่ดูพวกเขาเล่นปริศนาคำทายกัน

“ไม่มีอะไรหรอก” ฉินซีส่ายหน้าแล้วพูดกับโทรศัพท์ว่า “ฉันเข้าใจแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะค่ะ”

จ้าวจิ้งเองก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอเพียงคุยโทรศัพท์อย่างตื่นเต้นว่า “ใช่ค่ะ ทางนี้ส่งต่อให้หนูได้เลย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท