Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1020

ตอนที่ 1020

บทที่ 1020 ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว

หลังจากวางสายไปจ้าวจิ้งก็หันไปมองฉินซี “ทนายที่พวกคุณพูดถึง เป็นลูกศิษย์ของพ่อฉันใช่ไหมคะ”

ฉินซีเลิกคิ้ว “คุณรู้จักอย่างนั้นเหรอ”

รอยยิ้มของจ้าวจิ้งแฝงไปด้วยความเหยียดหยามอยู่หลายส่วน “มีใครบ้างที่ไม่รู้จักเขา”

คิด ๆ ดูแล้วจ้าวจิ้งกับทนายจ้าวน่าจะมีความคิดแบบเดียวกัน เกรงว่าคงจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของทนายที่อยู่ข้างกายฉินซึ่งเทียนคนนั้นเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้เธอยังอายุน้อย การแสดงอารมณ์จึงค่อนข้างที่จะชัดเจนกว่าทนายจ้าว

“ไม่พูดแล้วดีกว่า” จ้าวจิ้งโบกมือ ราวกับว่าถ้าให้พูดมากกว่านี้อีกสักสองสามประโยคเธอก็คงจะพ่นคำพูดดูถูกออกมาแทน “คุณดูซิว่าพ่อของฉันส่งอีเมลมาหรือยัง”

ฉินซีเองก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรมากพอดี เธอจึงเปิดเข้าไปค้นดูในกล่องข้อความ ก็พบอีเมลฉบับหนึ่งอย่างที่คิดไว้จริง ๆ

ทนายจ้าวมีประสิทธิภาพมาก เขาจัดเรียงหลักฐานที่ได้รับมาทั้งหมดตามลำดับเวลา

หลังจากที่ฉินซีดาวน์โหลดไฟล์เสร็จแล้ว เธอก็เปิดมันดูพร้อมกับจ้าวจิ้ง

ความจริงแล้วคดีนี้ค่อนข้างง่ายกว่าที่คิดไว้

เห้อเสียงตั้งใจจะอพยพไปที่ประเทศM เขาจึงเปิดบริษัทเพื่อเตรียมถ่ายโอนทรัพย์สินบางส่วน ฉินซึ่งเทียนที่บังเอิญรู้เรื่องนี้เข้าพอดีจึงเสนอว่าจะร่วมทำธุรกิจกับเขา

เงื่อนไขของเขาดีมาก เห้อเสียงจึงอดไม่ได้ที่ไม่จะเปลี่ยนใจ

แต่สิ่งที่เรียกว่าธุรกิจของฉินซึ่งเทียนนั้นเป็นการหลอกลวงทั้งหมด

ตอนที่เห้อเสียงกำลังเตรียมเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจำนวนมากกลับมาด้วยความยินดี ทันใดนั้นเขาก็ถูกการตรวจสอบอย่างกะทันหันทำให้ตื่นตระหนก

หลังจากตำรวจบอกเขาว่าเขาถูกสงสัยว่าการฟอกเงิน เห้อเสียงก็สูญเสียจิตวิญญาณและความรู้สึกไป

เขารีบไปถามฉินซึ่งเทียน แต่อีกฝ่ายกลับทำสีหน้าเหมือนกับว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ บอกว่าเขาก็เป็นเหยื่อเช่นกัน ทั้งยังเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาสามารถจัดหาทนายความให้ได้ หากเห้อเสียงต้องการ

เห้อเสียงถูกคำขอโทษที่เต็มไปด้วยความจริงใจพวกนั้นหลอกเข้าให้แล้ว จึงยอมรับทนายที่เขาส่งมาให้

แต่ทั้งหมดนี้กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ

ในมุมมองของเห้อเสียง ทนายคนนั้นได้ทุ่มเทเพื่อเขาอย่างสุดชีวิต ตอนที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน ทนายคนนั้นก็มักจะตอบคำถามทั้งหมดอย่างอดทน

แต่หลังจากที่ปะทะกับตำรวจครั้งแล้วครั้งเล่า ความสงสัยในตัวเขาก็ดูเหมือนจะร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดตอนที่เห้อเสียงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เขาก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว

ท้ายที่สุดตอนที่กำลังฟังผู้พิพากษาตัดสินความผิดของตนเองอยู่ เห้อเสียง ก็ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของฉินซึ่งเทียน จากนั้นก็เข้าใจในทันทีว่า ทนายข้างกายที่ดูเหมือนว่าจะคิดทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของเขาคนนี้ แท้จริงแล้วเป็นคนที่ฉินซึ่งเทียนส่งมา

เพียงแต่ตอนนี้ทรัพย์สินของเขาถูกตรวจสอบเพื่ออายัดไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจ้างทนายดี ๆ มาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่แน่ใจว่าฉินซึ่งเทียนแทรกแซงศาลด้วยหรือไม่

ดังนั้นเขาจึงยกเลิกการอุทธรณ์

เขาถูกตัดสินให้ลงโทษจำคุกสิบปี แต่การประพฤติของเขาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจมาก จึงลดลงไปอีกสี่ปี หลังจากนั้นอีกห้าปีเขาก็จะสามารถออกจากคุกได้แล้ว

แต่ตอนที่เห้อเสียงเข้ามาอยู่ในคุก เขายังอยู่ในวัยฉกรรจ์ เวลาห้าปีผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ ตอนที่เขาออกมาก็ยากที่จะบอกได้ว่าจะต้องเผชิญกับโลกแบบไหน

หลังจากอ่านไฟล์เอกสารทั้งหมดจบทั้งสองคนก็เงียบอยู่นาน

ฉินซีคิดมาตลอดว่าตนเองมองเห็นบาร์ต่ำสุดของฉินซึ่งเทียนอยู่เสมอ แต่เธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าฉินซึ่งเทียนจะสามารถดึงบาร์นั้นให้ต่ำลงได้อีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จ้าวจิ้งอ่านข้อมูลทั้งหมดซ้ำอีกครั้งก่อนจะหันไปมองฉินซี “ฉินซึ่งเทียน…ลงมือกับเห้อเสียงหนักขนาดนี้เพียงเพราะเรื่องของโรงแรมน่ะเหรอ”

เธอขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

ฉินซีพยักหน้า “ใช่”

จ้าวจิ้งอายุน้อยกว่าเธอเล็กน้อย หลังจากที่เรียนจบปริญญาโทเธอก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทลู่ซื่อทันที ถึงแม้ว่าในฐานะทนายความเธอจะได้คบค้าสมาคมกับด้านมืดของคนจำนวนไม่น้อย แต่พอเจอคนแบบฉินซึ่งเทียนแล้วก็ยังรู้สึกว่าเข้าใจยาก ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ฉินซีมองข้อมูลช่วงเวลาที่ฉินซึ่งเทียนใช้ปั่นหุ้นของเห้อเสียง พบว่าเป็นตอนที่เหยาหมิ่นจากโลกนี้ไปพอดี ในหัวใจของเธอก็ยิ่งรู้สึกชัดเจนแจ่มแจ้ง

ฉินซีต้องบีบแก้วที่ถืออยู่ในมือแน่น จึงสามารถทำให้น้ำเสียงของตัวเองเรียบนิ่งได้สักนิด “เขาต้องการเงิน ต้องการมอบฐานะที่เหมาะสมให้กับนางเมียน้อย เขาจึงวางแผนสร้างกับดักขึ้นมาเพื่อถ่ายโอนหนี้ และทำลายคู่ชีวิตเดิมของตัวเอง หลังจากที่กับดักถูกสร้างขึ้นเสร็จแล้ว มันก็ถูกใช้งาน แต่คิดไม่ถึงว่าคู่ชีวิตของเขาจะทนรับความอับอายไม่ได้ เลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง เขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะลบร่องรอยของแผนการทั้งหมดทิ้ง คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือไม่ได้มีประโยชน์อะไร มีความเป็นไปได้ที่จะเข้ามาขัดขวาง จึงจำเป็นต้องสลัดทิ้งไปให้ไกล ๆ ”

หลังจากที่จ้าวจิ้งฟังจบก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “ทำไมถึงมีคนประเภทนี้ได้นะ!”

ฉินซีมองเธอเหมือนมองเห็นตัวเองเมื่อปีก่อน

ใช่ เธอก็เคยถามตัวเองประโยคนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ว่าทำไมถึงมีคนแบบนี้อยู่ได้นะ ทำไมคนแบบนี้ถึงได้กลายมาเป็นพ่อของเธอ

แต่คงไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้

ความเห็นแก่ตัวทั้งหมดนี้ของฉินซึ่งเทียนไม่สามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมใด ๆ มาอธิบายได้ ฉินซีเองก็ไม่อยากที่จะหาคำอธิบายอะไรมาพูดให้เขาเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใดก็ตาม แต่เรื่องร้าย ๆ ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว

ฉินซึ่งเทียนจำเป็นต้องชดใช้ให้กับเรื่องทั้งหมดนี้

จ้าวจิ้งสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งกว่าจะบังคับให้ตัวเองสงบลงได้ จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงอ่านข้อมูลอีกรอบ

ฉินซีถามขึ้นมาว่า “มีความหวังที่จะลดโทษหรือเปล่า”

ที่ผ่านมาสำหรับเรื่องนี้ ความจริงแล้วเธอไม่ได้เพียงแต่คิดจะใช้เรื่องการช่วยลดโทษให้เห้อเสียงมาเป็นตัวต่อรองเท่านั้น ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งนั่นก็คือเธออยากจะช่วยคนที่ต้องได้รับความยากลำบากเพราะถูกฉินซึ่งเทียนทำร้าย

เห้อเสียงก็ไม่ได้บริสุทธิ์เสียหมด เขาควรที่จะได้รับการลงโทษ แต่ก็ไม่ควรจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ

จ้าวจิ้งพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ยังมีความหวังอยู่ เป็นไปได้ว่าสามารถที่จะพลิกคดีได้”

ฉินซีเลิกคิ้วเล็กน้อย “พลิกคดีอย่างนั้นเหรอ”

จ้าวจิ้งชี้ไปที่บันทึกการถอดเสียง “ฉันรู้สึกได้ว่าการพิจารณาคดีในครั้งนั้นค่อนข้างใหญ่ ถ้ามีโอกาสได้เปิดศาลใหม่อีกครั้ง ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถพลิกคดีได้”

ฉินซีพยักหน้า

ตอนที่กำลังทำงานสีหน้าของจ้าวจิ้งแสดงออกถึงความทุ่มเท ทำให้ฉินซีรู้สึกว่าหากถามอะไรมากกว่านี้อีกสักสองสามคำถามก็จะเป็นการรบกวนเธอ

จ้าวจิ้งอ่านข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นเธอก็บันทึกอะไรลงไปในกระดาษที่พกมาด้วยไม่น้อย แต่อยู่ ๆ เธอก็หันไปมองฉินซี “ถ้าฉันโทรหาพ่อที่นี่คุณจะถือสาไหม”

ฉินซีส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่”

ด้วยเหตุนี้จ้าวจิ้งจึงโทรศัพท์ไปหาทนายจ้าว

“พ่อคะ” เธอรีบตรงเข้าประเด็นโดยไม่แม้แต่จะกล่าวคำทักทาย “หนูมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่อยากจะถามพ่อดูว่าควรจัดการกับมันยังไง”

ทางฝั่งทนายจ้าวน่าจะตอบตกลง ดังนั้นจ้าวจิ้งจึงเริ่มพูดคุยปรึกษากับเขา

ฉินซีไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ทั้งยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ฟังทั้งสองคนพูดคุยด้วยคำศัพท์เทคนิคทางกฎหมาย เหมือนกับการฟังหนังสือที่อ่านเข้าใจยาก

เธอยิ้มแล้วส่ายหน้า ก่อนจะก้าวถอยหลังเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงบนเตียงแล้วเปิดโทรศัพท์

หลังจากใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง เธอก็ค้นหาเรื่องหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

ผลลัพธ์เป็นไปตามที่เธอต้องการทั้งหมด บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปยังคงเปิดตลาดต่อให้จะซื้อขายหุ้นไม่ได้ก็ตาม ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำธุรกิจได้แล้ว แต่ข่าวก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง มีบริษัทไหนบ้างที่ถอนทรัพย์สินออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นจำนวนมาก หรือว่าบริษัทไหนบ้างที่ยุติสัญญากับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

การหยุดการซื้อขายราคาหุ้นเป็นอะไรที่ร้ายแรงมาก การชะงักกิจการสามารถทำลายรากฐานของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้เลย

ฉินซีมั่นใจมาก ว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ถ้าหากการซื้อขายยังคงถูกระงับจนไม่สามารถทำธุรกิจได้ต่อไปละก็ กระแสเงินสดที่อยู่ในมือจะต้องอยู่ได้ไม่นานแน่

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท