บทที่ 1020 ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว
หลังจากวางสายไปจ้าวจิ้งก็หันไปมองฉินซี “ทนายที่พวกคุณพูดถึง เป็นลูกศิษย์ของพ่อฉันใช่ไหมคะ”
ฉินซีเลิกคิ้ว “คุณรู้จักอย่างนั้นเหรอ”
รอยยิ้มของจ้าวจิ้งแฝงไปด้วยความเหยียดหยามอยู่หลายส่วน “มีใครบ้างที่ไม่รู้จักเขา”
คิด ๆ ดูแล้วจ้าวจิ้งกับทนายจ้าวน่าจะมีความคิดแบบเดียวกัน เกรงว่าคงจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของทนายที่อยู่ข้างกายฉินซึ่งเทียนคนนั้นเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้เธอยังอายุน้อย การแสดงอารมณ์จึงค่อนข้างที่จะชัดเจนกว่าทนายจ้าว
“ไม่พูดแล้วดีกว่า” จ้าวจิ้งโบกมือ ราวกับว่าถ้าให้พูดมากกว่านี้อีกสักสองสามประโยคเธอก็คงจะพ่นคำพูดดูถูกออกมาแทน “คุณดูซิว่าพ่อของฉันส่งอีเมลมาหรือยัง”
ฉินซีเองก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรมากพอดี เธอจึงเปิดเข้าไปค้นดูในกล่องข้อความ ก็พบอีเมลฉบับหนึ่งอย่างที่คิดไว้จริง ๆ
ทนายจ้าวมีประสิทธิภาพมาก เขาจัดเรียงหลักฐานที่ได้รับมาทั้งหมดตามลำดับเวลา
หลังจากที่ฉินซีดาวน์โหลดไฟล์เสร็จแล้ว เธอก็เปิดมันดูพร้อมกับจ้าวจิ้ง
ความจริงแล้วคดีนี้ค่อนข้างง่ายกว่าที่คิดไว้
เห้อเสียงตั้งใจจะอพยพไปที่ประเทศM เขาจึงเปิดบริษัทเพื่อเตรียมถ่ายโอนทรัพย์สินบางส่วน ฉินซึ่งเทียนที่บังเอิญรู้เรื่องนี้เข้าพอดีจึงเสนอว่าจะร่วมทำธุรกิจกับเขา
เงื่อนไขของเขาดีมาก เห้อเสียงจึงอดไม่ได้ที่ไม่จะเปลี่ยนใจ
แต่สิ่งที่เรียกว่าธุรกิจของฉินซึ่งเทียนนั้นเป็นการหลอกลวงทั้งหมด
ตอนที่เห้อเสียงกำลังเตรียมเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจำนวนมากกลับมาด้วยความยินดี ทันใดนั้นเขาก็ถูกการตรวจสอบอย่างกะทันหันทำให้ตื่นตระหนก
หลังจากตำรวจบอกเขาว่าเขาถูกสงสัยว่าการฟอกเงิน เห้อเสียงก็สูญเสียจิตวิญญาณและความรู้สึกไป
เขารีบไปถามฉินซึ่งเทียน แต่อีกฝ่ายกลับทำสีหน้าเหมือนกับว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ บอกว่าเขาก็เป็นเหยื่อเช่นกัน ทั้งยังเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาสามารถจัดหาทนายความให้ได้ หากเห้อเสียงต้องการ
เห้อเสียงถูกคำขอโทษที่เต็มไปด้วยความจริงใจพวกนั้นหลอกเข้าให้แล้ว จึงยอมรับทนายที่เขาส่งมาให้
แต่ทั้งหมดนี้กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ
ในมุมมองของเห้อเสียง ทนายคนนั้นได้ทุ่มเทเพื่อเขาอย่างสุดชีวิต ตอนที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน ทนายคนนั้นก็มักจะตอบคำถามทั้งหมดอย่างอดทน
แต่หลังจากที่ปะทะกับตำรวจครั้งแล้วครั้งเล่า ความสงสัยในตัวเขาก็ดูเหมือนจะร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดตอนที่เห้อเสียงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เขาก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว
ท้ายที่สุดตอนที่กำลังฟังผู้พิพากษาตัดสินความผิดของตนเองอยู่ เห้อเสียง ก็ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของฉินซึ่งเทียน จากนั้นก็เข้าใจในทันทีว่า ทนายข้างกายที่ดูเหมือนว่าจะคิดทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของเขาคนนี้ แท้จริงแล้วเป็นคนที่ฉินซึ่งเทียนส่งมา
เพียงแต่ตอนนี้ทรัพย์สินของเขาถูกตรวจสอบเพื่ออายัดไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจ้างทนายดี ๆ มาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่แน่ใจว่าฉินซึ่งเทียนแทรกแซงศาลด้วยหรือไม่
ดังนั้นเขาจึงยกเลิกการอุทธรณ์
เขาถูกตัดสินให้ลงโทษจำคุกสิบปี แต่การประพฤติของเขาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจมาก จึงลดลงไปอีกสี่ปี หลังจากนั้นอีกห้าปีเขาก็จะสามารถออกจากคุกได้แล้ว
แต่ตอนที่เห้อเสียงเข้ามาอยู่ในคุก เขายังอยู่ในวัยฉกรรจ์ เวลาห้าปีผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ ตอนที่เขาออกมาก็ยากที่จะบอกได้ว่าจะต้องเผชิญกับโลกแบบไหน
หลังจากอ่านไฟล์เอกสารทั้งหมดจบทั้งสองคนก็เงียบอยู่นาน
ฉินซีคิดมาตลอดว่าตนเองมองเห็นบาร์ต่ำสุดของฉินซึ่งเทียนอยู่เสมอ แต่เธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าฉินซึ่งเทียนจะสามารถดึงบาร์นั้นให้ต่ำลงได้อีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จ้าวจิ้งอ่านข้อมูลทั้งหมดซ้ำอีกครั้งก่อนจะหันไปมองฉินซี “ฉินซึ่งเทียน…ลงมือกับเห้อเสียงหนักขนาดนี้เพียงเพราะเรื่องของโรงแรมน่ะเหรอ”
เธอขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
ฉินซีพยักหน้า “ใช่”
จ้าวจิ้งอายุน้อยกว่าเธอเล็กน้อย หลังจากที่เรียนจบปริญญาโทเธอก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทลู่ซื่อทันที ถึงแม้ว่าในฐานะทนายความเธอจะได้คบค้าสมาคมกับด้านมืดของคนจำนวนไม่น้อย แต่พอเจอคนแบบฉินซึ่งเทียนแล้วก็ยังรู้สึกว่าเข้าใจยาก ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ฉินซีมองข้อมูลช่วงเวลาที่ฉินซึ่งเทียนใช้ปั่นหุ้นของเห้อเสียง พบว่าเป็นตอนที่เหยาหมิ่นจากโลกนี้ไปพอดี ในหัวใจของเธอก็ยิ่งรู้สึกชัดเจนแจ่มแจ้ง
ฉินซีต้องบีบแก้วที่ถืออยู่ในมือแน่น จึงสามารถทำให้น้ำเสียงของตัวเองเรียบนิ่งได้สักนิด “เขาต้องการเงิน ต้องการมอบฐานะที่เหมาะสมให้กับนางเมียน้อย เขาจึงวางแผนสร้างกับดักขึ้นมาเพื่อถ่ายโอนหนี้ และทำลายคู่ชีวิตเดิมของตัวเอง หลังจากที่กับดักถูกสร้างขึ้นเสร็จแล้ว มันก็ถูกใช้งาน แต่คิดไม่ถึงว่าคู่ชีวิตของเขาจะทนรับความอับอายไม่ได้ เลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง เขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะลบร่องรอยของแผนการทั้งหมดทิ้ง คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือไม่ได้มีประโยชน์อะไร มีความเป็นไปได้ที่จะเข้ามาขัดขวาง จึงจำเป็นต้องสลัดทิ้งไปให้ไกล ๆ ”
หลังจากที่จ้าวจิ้งฟังจบก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “ทำไมถึงมีคนประเภทนี้ได้นะ!”
ฉินซีมองเธอเหมือนมองเห็นตัวเองเมื่อปีก่อน
ใช่ เธอก็เคยถามตัวเองประโยคนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ว่าทำไมถึงมีคนแบบนี้อยู่ได้นะ ทำไมคนแบบนี้ถึงได้กลายมาเป็นพ่อของเธอ
แต่คงไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้
ความเห็นแก่ตัวทั้งหมดนี้ของฉินซึ่งเทียนไม่สามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมใด ๆ มาอธิบายได้ ฉินซีเองก็ไม่อยากที่จะหาคำอธิบายอะไรมาพูดให้เขาเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใดก็ตาม แต่เรื่องร้าย ๆ ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว
ฉินซึ่งเทียนจำเป็นต้องชดใช้ให้กับเรื่องทั้งหมดนี้
จ้าวจิ้งสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งกว่าจะบังคับให้ตัวเองสงบลงได้ จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงอ่านข้อมูลอีกรอบ
ฉินซีถามขึ้นมาว่า “มีความหวังที่จะลดโทษหรือเปล่า”
ที่ผ่านมาสำหรับเรื่องนี้ ความจริงแล้วเธอไม่ได้เพียงแต่คิดจะใช้เรื่องการช่วยลดโทษให้เห้อเสียงมาเป็นตัวต่อรองเท่านั้น ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งนั่นก็คือเธออยากจะช่วยคนที่ต้องได้รับความยากลำบากเพราะถูกฉินซึ่งเทียนทำร้าย
เห้อเสียงก็ไม่ได้บริสุทธิ์เสียหมด เขาควรที่จะได้รับการลงโทษ แต่ก็ไม่ควรจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ
จ้าวจิ้งพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ยังมีความหวังอยู่ เป็นไปได้ว่าสามารถที่จะพลิกคดีได้”
ฉินซีเลิกคิ้วเล็กน้อย “พลิกคดีอย่างนั้นเหรอ”
จ้าวจิ้งชี้ไปที่บันทึกการถอดเสียง “ฉันรู้สึกได้ว่าการพิจารณาคดีในครั้งนั้นค่อนข้างใหญ่ ถ้ามีโอกาสได้เปิดศาลใหม่อีกครั้ง ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถพลิกคดีได้”
ฉินซีพยักหน้า
ตอนที่กำลังทำงานสีหน้าของจ้าวจิ้งแสดงออกถึงความทุ่มเท ทำให้ฉินซีรู้สึกว่าหากถามอะไรมากกว่านี้อีกสักสองสามคำถามก็จะเป็นการรบกวนเธอ
จ้าวจิ้งอ่านข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นเธอก็บันทึกอะไรลงไปในกระดาษที่พกมาด้วยไม่น้อย แต่อยู่ ๆ เธอก็หันไปมองฉินซี “ถ้าฉันโทรหาพ่อที่นี่คุณจะถือสาไหม”
ฉินซีส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่”
ด้วยเหตุนี้จ้าวจิ้งจึงโทรศัพท์ไปหาทนายจ้าว
“พ่อคะ” เธอรีบตรงเข้าประเด็นโดยไม่แม้แต่จะกล่าวคำทักทาย “หนูมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่อยากจะถามพ่อดูว่าควรจัดการกับมันยังไง”
ทางฝั่งทนายจ้าวน่าจะตอบตกลง ดังนั้นจ้าวจิ้งจึงเริ่มพูดคุยปรึกษากับเขา
ฉินซีไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ทั้งยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ฟังทั้งสองคนพูดคุยด้วยคำศัพท์เทคนิคทางกฎหมาย เหมือนกับการฟังหนังสือที่อ่านเข้าใจยาก
เธอยิ้มแล้วส่ายหน้า ก่อนจะก้าวถอยหลังเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงบนเตียงแล้วเปิดโทรศัพท์
หลังจากใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง เธอก็ค้นหาเรื่องหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
ผลลัพธ์เป็นไปตามที่เธอต้องการทั้งหมด บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปยังคงเปิดตลาดต่อให้จะซื้อขายหุ้นไม่ได้ก็ตาม ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำธุรกิจได้แล้ว แต่ข่าวก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง มีบริษัทไหนบ้างที่ถอนทรัพย์สินออกจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นจำนวนมาก หรือว่าบริษัทไหนบ้างที่ยุติสัญญากับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
การหยุดการซื้อขายราคาหุ้นเป็นอะไรที่ร้ายแรงมาก การชะงักกิจการสามารถทำลายรากฐานของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้เลย
ฉินซีมั่นใจมาก ว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ถ้าหากการซื้อขายยังคงถูกระงับจนไม่สามารถทำธุรกิจได้ต่อไปละก็ กระแสเงินสดที่อยู่ในมือจะต้องอยู่ได้ไม่นานแน่