Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1032

ตอนที่ 1032

บทที่ 1032 ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน

หางตาฉินซีสังเกตเห็น เสี่ยวหลี่เก็บของเรียบร้อยแล้ว กำลังเฝ้าดูรอบข้างอย่างระมัดระวังที่ประตูทางเข้า

เสียงเธอพูดเร็วขึ้นหน่อย “จ้าวจิ้ง เธอตั้งใจฟังนะ มีบางเรื่องฉันต้องบอกให้ชัดเจน”

จ้าวจิ้งฟังออกว่าน้ำเสียงเธอจริงจัง รีบตอบทันที “เธอพูดมา”

“สิ่งที่สำคัญที่สุด ในเมื่อพวกเขาสืบได้ว่าฉันอยู่ที่นี่ ก็สืบได้ว่าฉันกับเธออยู่ด้วยกัน ดังนั้นเธอระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย” ฉินซีพูดขณะที่เก็บข้าวของบนโต๊ะไปด้วย “ตอนนี้เธอยังอยู่ที่สำนักงานอัยการอยู่ไหม?”

จ้าวจิ้งพูด “ใช่”

ฉินซีเก็บกระดาษไม่กี่แผ่นในมือเรียบร้อยแล้ว พูดกำชับขึ้น “โอเค งั้นเธออย่าเพิ่งออกมาตอนนี้นะ คนตระกูลฉินไม่กล้าไปสร้างเรื่องที่สำนักงานอัยการหรอก สำนักงานอัยการถือว่าปลอดภัยอยู่ พอวางสายฉันเสร็จ เธอโทรหาลุงลู่เลยนะ ให้เขาส่งคนของตระกูลลู่มารรับเธอ”

“เสี่ยวเฉินคนเดียวไม่พอเหรอ?” จ้าวจิ้งถามอย่างสงสัย

“ไม่แน่ใจ” ฉินซีทำความสะอาดเอกสารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว “ตอนนี้คนตระกูลฉินมาเยอะแค่ไหน ฉันก็ไม่มั่นใจ ถ้ามาเยอะ เสี่ยวเฉินคนเดียวเกรงว่าจะไม่มีทางรับประกันความปลอดภัยของเธอ”

“แล้วทางด้านเธอ ก็มีแค่เสี่ยวหลี่คนเดียวไม่ใช่เหรอ?” จ้าวจิ้งตอบกลับอย่างรวดเร็ว “คนตระกูลฉินต้องพุ่งเป้าไปที่เธอเป็นหลักแน่ๆ ทางด้านฉันมีแค่บอดี้การ์ดคนเดียวไม่พอ แล้วทางด้านเธอล่ะจะทำยังไง?”

ฉินซีปลอบด้วยเสียงทุ้ม “ฉันจะรีบติดต่อคนตระกูลลู่ทันที เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”

“เธอบอกว่าฉันอยู่ที่สำนักงานอัยการปลอดภัยอยู่ ฉันจะให้เสี่ยวเฉินกลับไปอยู่กับเธอ” จ้าวจิ้งยืนกราน

“ไม่ทันแล้ว” ฉินซีส่ายศีรษะ “ตอนนี้ฉันกับเสี่ยวหลี่จะออกจากโรงแรมแล้ว รอเสี่ยวเฉินมาไม่ได้ และเธอต้องมีคนคอยดูอยู่ข้างๆ ในเมื่อฉันสัญญากับพ่อเธอว่าจะพาเธอออกมา ฉันต้องมั่นใจว่าเธอจะกลับไปได้อย่างปลอดภัย”

จ้าวจิ้งยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่โดนฉินซีขัดจังหวะ “เอาล่ะ ฉันต้องรีบไป ไม่ต้องเถียงกันแล้ว และมีอีกเรื่องหนึ่ง หลังจากที่คนตระกูลลู่มาแล้ว เธอรีบเอาหลักฐานที่เห้อเสียงบอกออกมา แล้วไปฝากให้ลุงลู่ดูแลอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว”

จ้าวจิ้งหยุดไปหนึ่งวินาที และตอบตกลง “โอเค”

“อืม แค่สองเรื่องนี้แหละ จำไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อันดับแรกตัวเองต้องปลอดภัยไว้ก่อน” ฉินซีรีบสั่ง “แค่นี้แหละ ฉันวางก่อนนะ”

จ้าวจิ้งจับโทรศัพท์แน่น “พี่ฉินซี เธอ……ก็ต้องระวังความปลอดภัยด้วยนะ”

ฉินซีพูด “อืม” เบาๆ แล้ววางสายไป

มือจ้าวจิ้งที่จับมือถือห้อยลงมา ขมวดคิ้วแน่น

ไม่กี่วันมานี้ เธอรู้ดีกว่าใคร สืบชัดเจนแล้วว่าเรื่องของเหยาหมิ่นสำคัญมากแค่ไหนสำหรับฉินซี

และตอนนี้ แม้แต่หลักฐานเธอก็ไม่สามารถไปรับด้วยตัวเองได้ เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าสถานการณ์เธอในตอนนี้เร่งด่วนมากแค่ไหน

จ้าวจิ้งหายใจเข้าลึกๆ

ในเมื่อฉินซีมอบเรื่องนี้ให้กับเธอ เธอต้องทำให้สำเร็จเป็นอย่างดี

เธอเลยบังคับให้ตัวเองสงบขึ้นมาหน่อย ยกมือขึ้นแล้วโทรออก

“ประธานลู่ ฉันเอง จ้าวจิ้ง คืองี้นะคะ ตอนนี้ฉันมีปัญหานิดหน่อย……”

……

วางสายจ้าวจิ้งไปแล้ว ฉินซีก็ไม่ลังเล ส่งข้อความหนึ่งไปหาลู่เหวยทันที อธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้

ลู่เหวยไม่ได้ตอบกลับทันที อาจจะกำลังคุยโทรศัพท์กับจ้าวจิ้งอยู่

ฉินซีก็ไม่ได้รีบร้อน ยัดเอกสารสองสามฉบับสุดท้ายลงในกระเป๋า มองไปรอบๆ แน่ใจแล้วว่าไม่ทิ้งสิ่งสำคัญอะไรไว้

แต่น่าเสียดายนิดหน่อยที่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่พ่อบ้านเตรียมมาอย่างพิถีพิถัน สิ่งของแทบทั้งหมดต้องทิ้งไว้ที่นี่

ฉินซีถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง

การแสดงออกที่มุ่งมั่นบนใบหน้าเมื่อครู่นี้ เกิดความลังเลนิดหน่อยที่หาได้ยาก

เธอ……ควรบอกลู่เซิ่นสักหน่อยไหม?

ถ้าไม่บอก ถ้าเขารู้ว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายแล้วไม่บอกเขา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะโวยวายอย่างไร แต่ถ้าบอกเขา ตอนนี้ลู่เซิ่นยังอยู่ที่เมืองหนาน เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาทันที ถ้ารู้ข่าวก็จะมีแต่เพิ่มความวิตกกังวล

แต่ก่อนที่ฉินซีจะได้ข้อสรุป ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเสี่ยวหลี่

เธอยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋า ถือกระเป๋ารีบเดินไปที่ห้องรับแขก เงยศีรษะขึ้นถามเสี่ยวหลี่ “เกิดอะไรขึ้น?”

สีหน้าเสี่ยวหลี่เคร่งขรึมกว่าเมื่อครู่นี้นิดหน่อย “รูมเซอร์วิสเมื่อกี้นี้ ไม่ได้กดออดทุกห้อง แต่เลือกแค่ไม่กี่ห้อง”

รูมเซอร์วิสทั่วไป เป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกห้องได้เยอะ

สีหน้าฉินซีเคร่งขรึม พูดเสียงเบา “……แน่ใจแล้วเหรอว่าเธอมาด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์?”

เสี่ยวหลี่มองสายตาฉินซีที่มีความชื่นชมเล็กน้อย “แน่ใจ”

เขาเป็นบอดี้การ์ดมาหลายปีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นบอดี้การ์ดลำดับต้นๆ ของบริษัทลู่ซื่อ

ตอนรูมเซอร์วิสมาเมื่อครู่นี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายโดยสัญชาตญาณ

แต่สุดท้ายเขาก็มีความเด็ดขาดน้อยกว่าฉินซีนิดหน่อย

ถ้าอิงตามความคิดเขา สังเกตจนถึงตอนนี้ แน่ใจแล้วอีกฝ่ายออกไปด้วยเจตนาไม่ดี เกรงว่าทั้งสองคนจะเสียเวลาในการเตรียมตัว

เขารู้ดีว่าทำไมฉินซียืนกรานที่จะออกไปทันที ถึงแม้ออกไปตอนนี้อาจจะไม่ปลอดภัย แต่อยู่ที่นี่ ก็อาจจะถูกพบได้ไม่ช้าก็เร็ว

และตอนนั้น สิ่งที่พวกเขาสองคนต้องเผชิญ ก็คือชะตากรรมที่ถูกจับในไห

ในเมื่อรู้แล้วว่าร่องรอยตัวเองโดนเปิดเผย แทนที่จะนั่งรอความตาย สู้ลองดูสักตั้งดีกว่า ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะออกไปอย่างปลอดภัยไหม

“ตอนนี้ รูมเซอร์วิสไปไหนแล้ว?” ฉินซีถาม

เสี่ยวหลี่สังเกตจากตาแมวอีกรอบ “เดินไปไกลแล้ว ไม่ได้อยู่ละแวกนี้แล้ว”

ฉินซีมองกระเป๋าเดินทางเรียบง่ายในมือเขา พยักหน้า “โอเค เราไปกันเถอะ”

ในมือเธอมีเพียงกระเป๋าเอกสารเท่านั้น และเสี่ยวหลี่สะพายกระเป๋าเดินทางที่ไม่สะดุดตา ดูแล้วท่าทางเหมือนออกไปข้างนอกทำธุระธรรมดาๆ

ฉินซีรู้ เวลานี้ถ้าออกไปแบบครึกโครม จะต้องดึงดูดความสนใจของคนตระกูลฉินแน่ๆ

ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงออกไปอย่างสำรวมมากที่สุด ภาวนาให้คนของตระกูลฉินไม่ได้สังเกตเห็น

สองคนเดินตามกันมา เดินไปหน้าลิฟต์อย่างรวดเร็ว

ลิฟต์หยุดที่ชั้นหนึ่ง และพวกเขาอยู่ชั้นที่สิบหก

เป็นครั้งแรกที่ฉินซีรู้สึกค่อนข้างกังวลเพราะลิฟต์มาช้าเกินไป

เธออยู่ในแสงสว่าง คนของตระกูลฉินอยู่ในความมืด

เธอไม่รู้ว่าคนของตระกูลฉินจัดเตรียมคนมาสอดส่องกี่คน ไม่รู้ว่ารูมเซอร์วิสท่านนั้นจะโผล่ออกมาอย่างกะทันหันหรือไม่ ไม่รู้ว่าวินาทีต่อมาจะมีใครโผล่ออกมาจากมุมเพื่อขวางกั้นเธอหรือไม่

อยู่ที่นี่รออีกหนึ่งวินาที ความอันตรายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีก

แต่เธอไม่สามารถแสดงความวิตกกังวลบนใบหน้าได้ ทำได้เพียงแสดงออกถึงความไม่แยแสให้มากที่สุด หักห้ามตัวเองไม่ให้เงยศีรษะขึ้นจ้องมองป้ายแสดงชั้นลิฟต์

เธอรู้สึกได้ เสี่ยวหลี่ด้านหลังน่าจะอยู่ในสภาวะตึงเครียดมาก

เธอถึงขั้นรู้สึกได้ถึงสายตาตึงเครียดของเสี่ยวหลี่ที่มองสำรวจไปรอบๆ

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ฉินซีถึงขั้นรู้สึกเหมือนผ่านไปสิบนาที เสียงลิฟต์ดังขึ้น “ติ๊ง” หยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาสองคน

โชคดีที่ โรงแรมชั้นนี้ว่างเปล่า สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครโผล่ออกมาอยู่รอบๆ พวกเขา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท