Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1054

ตอนที่ 1054

บทที่ 1054 ฟ้องมันให้ย่อยยับ

ไม่นาน จ้าวจิ้งก็มาถึง

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรีสอร์ทชิงหยวนจำรถของตระกูลลู่ได้และให้รถตรงเข้าไปในอาคารหลัก

จ้าวจิ้งลงจากรถพลางมองไปรอบๆ เธออ้าปากค้างสีหน้าประหลาดใจ “พี่ฉินซี บ้านของพี่…หรูหรามาก”

ฉินซียิ้มและส่ายหัว “ไม่เท่าไหร่หรอก เข้ามานั่งสิ”

เธอไม่คัดค้านแม้แต่น้อยที่จ้าวจิ้ง เรียกที่นี่ว่า “บ้านของเธอ”

จ้าวจิ้งยื่นตะกร้าผลไม้ในมือให้กับพ่อบ้านและตามฉินซีเข้าไป เธอกวาดสายตาเช็คฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า “พี่ไม่เป็นไรนะ ฉันอ่านข้อความในเน็ตแล้วมันน่ากลัวมาก ถ้าประธานลู่ไม่บอกฉันว่าพี่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ฉันคงกลัวแทบตายเลย”

น้ำเสียงของเธอดูเวอร์เกินจริงจนฉินซีอดที่จะยิ้มไม่ได้ “ไม่เป็นไร แค่มือซ้ายเข้าเฝือก ไม่กี่วันก็หายแล้ว”

จ้าวจิ้งพยักหน้าอย่างสงสัย แต่เมื่อเห็นว่าสภาพจิตใจและการเคลื่อนไหวต่างๆของเธอปกติดี จึงคลายความสงสัย

เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นจ้าวจิ้งก็เห็นว่าอานหยันนั่งอยู่ในห้อง

เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฉินซีอย่างไม่รู้ตัว “พี่ฉินซี…”

ฉินซียิ้มพลางแนะนำ “นี่เป็นเพื่อนสนิทของฉัน อานหยันเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของนิตยสาร ส่วนนี่คือเพื่อนใหม่ของฉันทนายความจ้าวจิ้ง”

ทั้งสองพยักหน้าให้กัน

ไม่มีใครไม่ช่างพูด โดยหลังจากดื่มชาไปสองถ้วยต่างฝ่ายต่างก็เริ่มคุ้นเคยกัน

หลังพูดคุยกันไปเล็กน้อยจ้าวจิ้ง ก็เริ่มพูดธุระ “พี่ฉินซี ฉันมีเรื่องจะปรึกษาพี่”

ฉินซีพยักหน้า “เธอพูดสิ ไม่เป็นไรหรอก”

จ้าวจิ้งรู้ได้ทันทีว่าที่ฉินซีหมายถึงคือไม่จำเป็นต้องปิดบังอานหยันจึงไม่ลังเลที่จะพูดต่อ “วันนั้นฉันอยู่ที่ศาล ช่วยเห้อเสียงทำตามขั้นตอนการพิจารณาคดี จากนั้นก็สามารถสืบสวนและพิจารณาตัดสินได้ตามขั้นตอนแล้ว พี่…ยังคงวางแผนที่จะพลิกคดีให้กับเขาอยู่รึเปล่า”

ฉินซีเลิกคิ้ว “ตอนนั้นก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะพลิกคดีให้เขา”

อานหยันส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “เห้อเสียงไร้ค่ามากนะ มีเหตุผลอะไรจะไปพลิกคดีให้เขากัน!”

ฉินซียิ้ม “เขาไร้ค่าและก็ติดคุกมาสองปีแล้วเหมือนกัน ฉันเกลียดฉินซึ่งเทียน เขาเป็นคนทำความผิดทุกอย่าง ส่วนเห้อเสียงที่ฉันบอกต้องพลิกคดีเป็นเพราะเขาไม่ได้ฟอกเงินจริงๆ แต่เรื่องให้ความช่วยเหลือฉินซึ่งเทียน ฉันไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่”

อานหยันเงียบ

ฉินซีรู้ว่าเธอไม่คัดค้านแล้ว

สำหรับจ้าวจิ้ง แล้ว ถือว่าฉินซีเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยสมบูรณ์ เธอไม่ได้พูดปฏิเสธเพียงแค่พยักหน้ารับ “โอเค ฉันเตรียมข้อมูลไว้หมดแล้ว ดำเนินการได้ทุกเมื่อ”

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็จัดการให้เร็วที่สุด” ฉินซีคิดสักพัก “ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ยากลำบากของฉินซึ่งเทียน ให้ไม่สามารถหาเวลามาสร้างปัญหาให้กับเธอ หากล่าช้าแล้วเขาเกิดพบเข้า เกรงว่าจะออกมาสร้างปัญหาอีก”

จ้าวจิ้งพยักหน้า “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

เธอพูดพลางเปิดกระเป๋าเอกสาร “ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ประธานลู่ได้มอบมันให้ฉันโดยเฉพาะ บอกว่าควรส่งหลักฐานเหล่านี้ให้พี่และจะจัดการกับมันอย่างไรขึ้นอยู่กับแผนของพี่”

ฉินซีก้มมอง เห็นเธอหยิบเครื่องอัดเสียงสองสามเครื่องและเอกสารบางอย่างออกจากกระเป๋าของเธอ

เธอนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เอื้อมมือไปเปิดเครื่องบันทึก

หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เสียงของฉินซึ่งเทียนก็ดังออกมาจากเครื่องอัดเสียง

“ไงน้องชาย วันนี้ฉันไม่ได้ส่งไปเลย…”

แต่ละส่วนของการบันทึกนั้นใช้เวลาไม่นาน แต่หลังจากที่ฟังจบแล้ว สีหน้าฉินซีและอานหยันดูไม่ดีนัก

เมื่อจ้าวจิ้งได้รับเครื่องอัดเสียงมา เธอก็ตรวจสอบทันที ดังนั้นปฏิกิริยาของเธอหลังจากที่ได้ฟังอีกครั้งจึงไม่รุนแรงนัก

“ไอ้สัตว์ต่ำช้านี่…” ฉินซีกัดฟันกรอดพลางสบถออกมา

อานหยันเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำ “ดื่มน้ำก่อนสิ”

ฉินซีรับแก้วน้ำไปแต่ไม่ได้ดื่มมัน เธอถือมันไว้ในมือและหมุนไปรอบๆ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมอง จ้าวจิ้ง “ที่ฉินซึ่งเทียนทำแบบนี้ พอจะมีวิธีทางกฎหมายมาเล่นงานเขาไหม”

เห็นได้ชัดว่า จ้าวจิ้งเตรียมพร้อมโดยไม่มีความลังเลใดๆ เธอพยักหน้าทันที “มี!”

วิธีของเธอคือการทำให้ฉินซึ่งเทียนจ่ายเงินชดใช้ให้กับสิ่งที่เขาทำไว้กับเหยาหมิ่น

“ดี” ฉินซีพยักหน้า “งั้นก็ฟ้องมันให้ย่อยยับไปเลย”

ในเมื่อฉินซึ่งเทียนสามารถคิดวิธีแบบนี้มาบีบบังคับให้เหยาหมิ่นจนตายได้ ก็ย่อมมีวันที่เขาต้องจ่ายค่าชดใช้

เนื่องจากเขาให้ความสำคัญกับเงินทองและชื่อเสียงมากที่สุด ฉินซีจึงต้องการทำลายมันทั้งหมด

สูญเสียทุกอย่าง ทนทุกข์อยู่กับชื่อเสียงด้านเลวๆโดยจะตายก็ตายไม่ได้

เธอต้องการให้ฉินซึ่งเทียนมีชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็น

จ้าวจิ้งพยักหน้า แววตาของเธอแสดงออกถึงความตื่นเต้น “โอเค!”

ฉินซีหันไปหาอานหยันที่เงียบพลางพูดเบาๆ “แหล่งข่าวดีๆแบบนี้ เธอต้องการไหม”

อานหยันขมวดคิ้ว “ต้องการให้ลงข่าวงั้นเหรอ”

ฉินซียิ้มมุมปาก “แน่นอน”

อานหยันพยักหน้าอย่างมีความสุข “จะไม่เอาก็น่าเสียดาย”

ทันใดนั้นจ้าวจิ้งก็นึกอะไรบางอย่างได้จึงหันไปถามอานหยัน “พวกความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตวันนี้ พี่เป็นคนทำเหรอ”

อานหยันผงะพลางส่ายหัว “เปล่า ฉันยังคิดเลยว่าเรื่องที่ลงเป็นเรื่องจริงซะอีก เลยมาดูว่าฉินซียังปลอดภัยอยู่รึเปล่า”

จ้าวจิ้งสงสัย “อ้าว…แต่ฉันคิดว่าความเห็นของคนในเน็ตน่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นและมองไปทางห้องหนังสือ

ถ้าจะมีคนอยู่เบื้องหลังจริง…คนที่มีความเป็นไปได้สูงก็คือลู่เซิ่น

เมื่ออานหยันเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดขึ้นมาเบาๆ “ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ”

ฉินซีไม่อายที่ถูกอ่านความคิด แต่มองไปที่อานหยันอย่างจริงจัง “จริงเหรอ”

อานหยันพยักหน้า เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “อันที่จริงแล้วฉันให้คนไปตรวจสอบแล้ว เบื้องหลังคือมีคนจ้างบริษัทพีอาร์ ดูจากท่าทางคนรวยเอาแต่ใจแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นคนจากบ้านของเธอ”

ฉินซีไม่ได้ตอบสนองต่อคำว่า “คนจากบ้านของเธอ” แต่แค่พยักหน้าเบาๆ “โอเค ฉันรู้แล้ว”

อานหยันยังไม่หยุดพูด เมื่อได้พูดถึงสิ่งที่เธอถนัดก็พูดพล่ามออกมาเรื่อยๆ “ก่อนที่เธอจะไปได้ให้ข้อมูลกับฉันไว้ไม่ใช่เหรอ ฉันพบนิตยสารการเงินเล่มหนึ่งรายงานเรื่องนี้และคิดว่าหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว แต่หลังจากนั้นฉันได้ยินมาอีกว่าเรื่องราวต่างๆไม่ได้ง่ายอย่างที่ฉันเข้าใจ”

“ฮืม?” จ้าวจิ้งถามด้วยความสนใจ “มีอะไรเหรอ”

เมื่ออานหยันเห็นว่ามีคนสนับสนุน เธอก็ยิ่งพูดออกมา “หัวหน้าบรรณาธิการนิตยสารการเงินที่ฉันพบเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เพราะงั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรที่จะลงข่าวจากที่นั่น ทันทีที่รายงานข่าว ตอนบ่ายผู้สื่อข่าวทุกคนรีบไปที่หน้าประตูของตระกูลฉิน มีภาพคนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เข้าออกตระกูลฉินซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้หลบเลี่ยงนะ เพราะงั้นเลยมีผู้สื่อข่าวหลายคนถ่ายรูปไว้ได้ แต่เมื่อคนพวกนี้ได้ข่าวในคืนนั้น มีบางคนถึงขั้นยินดีซื้อภาพถ่ายในราคาที่สูงเพื่อไม่ให้เอาไปลงข่าว”

ฉินซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้

เธอไม่รู้จริงว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

“หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น” เธออดไม่ได้ที่จะถาม

อานหยันยิ้ม “จากนั้นพวกเขาก็ได้รับข่าวอีกเรื่องหนึ่ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท