Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1050

ตอนที่ 1050

บทที่ 1050 ลังเล

แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น แต่ฉินซีก็ไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันที

สองคนกินอาหารกลางวันที่แม่บ้านส่งมาให้เสร็จ ฉินซีพักไปสักพัก และถูกลู่เซิ่นเรียกลุกขึ้น ตรวจทั่วร่างกายอีกครั้ง

ฉินซีสังเกตว่า ตอนลู่เซิ่นพูดต่อเธอมีความมั่นใจมาก สงบเหมือนร่างกายของฉินซีไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เมื่อเขาเผชิญหน้ากับหมอ ก็เหมือนเปลี่ยนไปทั้งคน ให้ตรวจสอบภายในและภายนอกร่างกายอย่างละเอียด ถึงจะแน่ใจว่าทุกอย่างโอเค

โชคดีที่หลังจากหมอตรวจอย่างละเอียดตามความต้องการของเขา ก็พิสูจน์ได้ว่าร่างกายของฉินซีไม่มีปัญหาสำคัญใดๆ นอกจากมือซ้ายที่กระดูกร้าวต้องพักฟื้นสองสามเดือน และส่วนอื่นไม่มีปัญหาอะไร ลู่เซิ่นถึงจะโล่งใจ

หลังจากการตรวจสอบเสร็จเรียบร้อย สุดท้ายสองคนก็มายืนอยู่ห้องหมอจิตแพทย์

หลังจากตรวจสุขภาพเสร็จในตอนเช้า คุณหมอบอกว่าต้องการเวลาศึกษาแผนการรักษาหน่อย และให้เธอมาหาในช่วงบ่าย

ขณะนี้ยืนอยู่หน้าห้อง ลู่เซิ่นถอยหลังให้ฉินซีเข้าไปเอง แต่ทันใดนั้นฉินซีก็ยื่นมือออกมาและจับแขนเสื้อของเขา

“อย่างไรหลังกลับบ้านฉันก็ต้องบอกกับคุณอีกครั้งอยู่แล้ว เข้าไปฟังด้วยกันดีกว่า”ฉินซีกล่าวอย่างมั่นใจ

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว”จริงเหรอ”

ฉินซีวางมือลง”ถ้าคุณไม่อยากเข้าไปก็ไม่เป็นไร”

ลู่เซิ่นไม่อยากจะเข้าไปที่ไหนแหละ เขามองฉินซีอีกครั้งเพื่อแน่ใจว่าเธออยากให้ตัวเองเข้าไปข้างในจริงๆ

เขาถึงจะเดินเข้าไปกับฉินซี

หมอรออยู่ข้างในแล้ว ก็ไม่แปลกใจมากที่เห็นลู่เซิ่นเข้ามาด้วย แค่ยื่นมือไปทางอื่น”รบกวนไปนั่งรออยู่ตรงนั้นนะ”

ลู่เซิ่นนั่งลงอย่างที่บอก

ฉินซียังนั่งอยู่ตรงหน้าหมอเหมือนเดิม

ต่อหน้าหมอมีเอกสารสองฉบับ เขาผลักดันไปในทิศทางของฉินซี”มีสองแนวคิดสำหรับแผนการรักษาอาการของคุณ”

ฉินซีเปิดฉบับแรก และได้ยินหมอพูดว่า”แผนการรักษาวิธีแรกคือการรักษาอย่างละเอียด มันจะช่วยให้คุณเอาชนะโรคเครียดหลังบาดแผลได้อย่างทั่วถึงด้วยการใช้ยาและจิตบำบัด ข้อเสียคือหลักสูตรการรักษาค่อนข้างยาวและกระบวนการ …อาจทรมานหน่อย แต่ถ้าการรักษาไปได้ด้วยดี คุณอาจจะสามารถกำจัดผลกระทบของโรคเครียดหลังบาดแผลได้อย่างสมบูรณ์หลังจากได้รับผลกระทบนี้ สิ่งที่คุณลืมไปเพราะอาการนี้ ก็จะค่อยๆจำขึ้นได้”

ฉินซีไม่ได้ตัดสินทันที แต่หยิบเอกสารอีกฉบับขึ้นมา

“แผนการรักษานี้เป็นแบบอนุรักษ์”หมอกล่าว “จริงๆแล้วสภาพที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการในชีวิตประจำวันไม่ค่อยเยอะ ตามคำอธิบายของคุณ ในช่วงเวลาที่ผ่ามา นอกจากครั้งนี้แล้ว โรคนี้ไม่มีผลกระทบต่อชีวิตปกติของคุณ ดังนั้นการรักษาแบบนี้คือการใช้การหนีสภาพ พยายามเจือจางผลกระทบของฉากแบบนี้ที่มีต่อคุณ การรักษาจะไม่ปวดเจ็บมาก ก็ได้เห็นผลในเร็วๆนี้ แต่ข้อเสียคือมันถูกทำให้รู้สึกเบาลงเท่านั้น และผลกระทบของโรคเครียดหลังบาดแผลยังไม่ถูกกำจัดให้หมดไป ดังนั้นสิ่งที่ถูกลืมไปจากผลกระทบ ก็อาจไม่กลับมาอีกเลย”

หลังจากที่หมออธิบายแล้ว ก็รอให้ฉินซีก้มศีรษะลงอ่านเอกสารทั้งสองฉบับอละเอียดเสร็จอย่างมีความอดทนก่อน ถึงจะถามว่า”ต้องการนำแผนการรักษาแบบไหน ต้องขอความคิดเห็นของคุณก่อน”

แต่ฉินซีไม่ได้รีบตอบทันที ถามอีกคำถามหนึ่ง”ถ้าใช้วิธีแรก ความทรงจำที่ลืมไปของฉัน จะสามารถจำได้หมดหรือเปล่าคะ”

หมอตอบอย่างระมัดระวัง”ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุ น่าจะเกือบจำได้หมด”

ฉินซีมองลู่เซิ่นโดยไม่รู้ตัว

ลู่เซิ่นเข้าใจทันทีว่า ทำไมฉินซีถึงลังเล

จริงๆแล้วเธอไม่อยากจำสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างหลังจากเสียชีวิตไป แต่เธอก็อยากรู้อยากเห็นว่า ความทรงจำส่วนอื่นที่สูญเสียไปคืออะไร แล้ว… ความทรงจำที่เธอลืมที่เกี่ยวกับเขา คืออะไร

มีส่วนที่ต้องการ ก็ต้องมีส่วนที่ไม่ต้องการอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นฉินซีถึงจะลังเล

ไม่รอฉินซีตอบ ลู่เซิ่นก็ถามว่า”ใช้วิธีที่สอง เมื่อไหร่จะได้เห็นผลเหรอคะ”

หมอเหลือบมองเขาและตอบว่า”ประมาณสองเดือน”

ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก และจ้องมองฉินซีโดยตรง

ฉินซีมองดวงตาของเขา ก็เข้าใจว่าทำไมลู่เซิ่นถึงถามคำถามนั้น ก็รู้ว่าเขาต้องรู้ว่าเธอกำลังลังเลอะไรอยู่

“คุณหมอ ฉันขอคุยกับเธอตามลำพังได้ไหม”ลู่เซิ่นลุกขึ้น

หมอพยักหน้า หันกลับไปที่ห้องชุดขนาดเล็กด้านในและปิดประตูให้ด้วย

ลู่เซิ่นนั่งลงข้างๆฉินซี”คุณอยากจะฟื้นฟูความทรงจำส่วนนั้นมากเหรอ”

ฉินซีส่ายหัวโดยไม่ต้องคิด

เธอไม่ใช่ไม่เคยสงสัยมาก่อนว่า ทำไมเธอถึงไม่เคยฝันร้ายเลยสักครั้ง ไม่เคยคิดถึงภาพที่เหยาหมิ่นเสียชีวิตแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้เธอรู้แล้ว มันเป็นกลไกป้องกันร่างกายของเธอ ที่บังคับให้เธอลืมความทรงจำช่วงนั้น

ตอนนี้เธอต้องบังคับให้ฟื้นความทรงจำด้วยต่อต้านกับร่างกายเหรอ

ฉินซีรู้ว่าจริงๆแล้วเธอไม่อยากนึกถึงช่วงเวลานั้นเลย

แต่ … ถ้าเธอไม่เผชิญหน้ากับความทรงจำส่วนนี้ งั้นเธอก็จะไม่สามารถรับความทรงจำส่วนอื่นๆคืนได้ด้วย

เธอไม่มีทางรู้เลยว่า ทำไมเธอถึงหาข้อมูลได้เก่ง ไม่รู้ว่าทำไมบางชื่อถึงเหมือนคนรู้จักในอดีตของเธอ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับลู่เซิ่น …

แต่เมื่อเธอขมวดคิ้วลังเล ทันใดนั้นมือของเธอก็ถูกลู่เซิ่นจับไว้

“ฉินซี อย่าฝืนตัวเอง”น้ำเสียงของเขานิ่งและอ่อนโยนมาก”คุณแค่ต้องรู้ว่า ความทรงจำที่คุณอยากได้คืน นั้นสำคัญจริงๆหรือเปล่า”

ฉินซีมองดวงตาของเขา และกระซิบเบาๆว่า”แต่ถ้าฉันไม่ต้องการ ฉันจำเรื่องที่เกิดระหว่างเราไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรเหรอ”

ลู่เซิ่นยิ้มเบาๆ”เราอยู่ด้วยกันมานานแล้ว ความทรงจำที่คุณสูญหายไปส่งผลอะไรต่อเราเหรอ เราจะมีความทรงจำที่อยู่ด้วยกันในอนาคตมากมาย คุณไม่ต้องรีบ อีกอย่างฉันจำได้เนี่ย ฉันจะค่อยๆเล่าให้คุณฟัง ดังนั้นคุณไม่สนใจเรื่องระหว่างเรา คุณแค่ต้องคิดดีๆว่า จะมีเรื่องสำคัญอื่นๆที่คุณต้องการจำได้เหรอเปล่า”

ฉินซีก้มลง และคิดอย่างตั้งใจสักพัก

สิ่งที่เธอจำไม่ได้ ก็ไม่มีผลต่อชีวิตของเธอ

ความรู้สึกคุ้นเคยที่ไม่รู้มาจากไหน ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไปเถอะ ราวกับว่าก็ไม่ได้ส่งผลอะไรให้เธอและไม่ทำให้เธอต้องสูญเสียอะไรไป

ตอนนี้เธอไม่รู้ว่า ความทรงจำเหล่านี้สำคัญกับเธอมากหรือเปล่า

แต่เธอรู้ดีว่า ถ้าเธอจำเรื่องของเหยาหมิ่นได้ เธอคงไม่มีความสุขไปอีกนาน

เอานี้เป็นเงื่อนไขไปแลกกัน จะคุ้มจริงๆเหรอ

ฉินซีกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

แต่ลู่เซิ่นไม่ได้กระตุ้นเธอ

มือของลู่เซิ่นยังจับเธออยู่ ผิวที่อบอุ่นสัมผัสกัน ก็ทำให้ฉินซีสบายใจขึ้น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท