Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1053

ตอนที่ 1053

บทที่ 1053 กำลังเดทอยู่จริงๆด้วย

ลู่เซิ่นรู้ดีว่าตามนิสัยของฉินซี เธอจะไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องฉินหว่านก่อน

เมื่อเธอพูดมาเช่นนี้ ก็เป็นเพียงเรื่องตลกให้เข้ากับบรรยากาศเท่านั้น

ทันใดนั้นฉินซีก็ตระหนักว่าตัวเองนั้นเปลี่ยนไปจริงๆ

หากย้อนไปในอดีต เมื่อเธอได้ยินคำพูดไร้เหตุผลเช่นนี้ของฉินหว่านเธอจะรู้สึกหดหู่ใจไปไม่รู้กี่วันต่อกี่วัน

แต่ตอนนี้เธอไม่ได้เก็บคำพูดของฉินหว่านมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

ต้องให้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่ดีกว่า

ตอนนี้ฉินซีเข้าใจความหมายของประโยคนี้แล้วและรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป

“ไม่ต่างกัน เรากลับกันไหม” ลู่เซิ่นจูงมือของเธอ

ดูเหมือนว่าการกระทำนี้จะขัดๆและมันไม่เข้ากับรูปลักษณ์ของลู่เซิ่นเลยแม้แต่น้อย

แต่ฉินซีกลับรู้สึกว่ามันน่ามองมากๆ “โอเค”

เธอยังมีหลายอย่างที่จะถาม แต่เธอต้องการให้สองคนได้คุยกันตามลำพังสองต่อสอง

เพียงแต่คนสองคนยังไม่มีโอกาสอยู่กันตามลำพัง เพราะเมื่อทั้งสองจับมือกันเดินกลับไปที่อาคารหลัก ก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านทักทาย “คุณผู้หญิงครับ มีแขกขอเข้าพบคุณครับ”

ฉินซีเลิกคิ้วมองไปข้างหลังก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

แขกที่ว่าไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอานหยัน

สิ่งที่เธอพูดกับอานหยันในตอนเช้าคือ “ไม่สบายใจก็มาหาที่บ้านได้” ตามจริงแล้วเธอพูดไปอย่างนั้นแต่ไม่คิดว่าอานหยันจะมาจริงๆ

เห็นได้ชัดว่าอานหยันดูจะเป็นห่วงเธอจริงๆ

ลู่เซิ่นพยักหน้าเบาๆให้อานหยัน พลางปล่อยมือและมุ่งหน้าไปที่ห้องหนังสือชั้นบน ส่วนพ่อบ้านที่นำชามาให้ก็เดินออกไปเช่นกัน

เธอสองคนถูกทิ้งไว้ในห้องนั่งเล่น

“เลิกมองได้แล้ว เขาเดินไปไกลแล้ว” อานหยันพูดเบาๆ

ฉินซียิ้มอย่างเขินๆและหันกลับไปมองชั้นบน

“นี่ดีกันแล้วจริงๆใช่ไหม” อานหยันถามอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอ้อมค้อม

ฉินซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าตอบรับ

…. ที่พวกเขาเป็นแบบนี้ นับว่ากำลังเดทกันจริงๆหรือเปล่านะ

“สิ่งที่ทำไปไม่มีความหมายจริงๆ…” อานหยันโค้งริมฝีปาก “ทำไมจู่ๆถึงคิดออกล่ะ”

ฉินซีส่ายหัว “ไม่ใช่ว่าจู่ๆก็คิดออก… ”

หลังจากที่ลู่เซิ่นเดินไปแล้ว จู่ๆก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาตอนอยู่บนเครื่องบิน วิดีโอในทุกๆวันของทั้งสองคนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ทั้งสองคนเข้าหากัน

เธออ้าปากค้าง ไม่รู้จะอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาอย่างไร

อานหยันกลับโบกมือ “เอาเถอะ ฉันยังโสด ไม่อยากได้ยินเรื่องรักๆของเธอ ฉันแค่อยากมาดูว่าเธอสบายดีจริงๆหรือเปล่า”

ฉินซีลุกขึ้นและหมุนตัวให้เห็นโดยรอบต่อหน้าเธอ “ดูสิ ฉันสบายดีจริงๆ”

อานหยันมองไปที่มือซ้ายที่เข้าเฝือกของเธอ “นี่นับว่าไม่เป็นอะไรงั้นเหรอ”

ฉินซียิ้ม “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หมอบอกว่าแค่พักผ่อนก็ดีขึ้นแล้ว”

เห็นได้ชัดว่าอานหยันยังคงไม่ปักใจเชื่อ แต่เธอไม่ได้ถามซักไซ้เรื่องนี้ต่อและเปลี่ยนคำถาม “แล้วเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น เรื่องที่เขียนบนอินเทอร์เน็ตทำฉันตกใจแทบแย่”

ฉินซีมองไปที่เธอพลางเข้าไปกอด “เมื่อวานนี้ฉันไม่มีเวลาติดต่อเธอเลย อันที่จริงแล้วสิ่งที่ฉันเขียนไปทั้งหมดไม่ใช่เรื่องโกหก…”

เธออธิบายขั้นตอนนี้ให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดวงตาของอานหยันก็เบิกกว้าง “คนตระกูลฉินจ้างคนมาลักพาตัวเธอจริงๆงั้นเหรอ”

ฉินซีพยักหน้า “จริง”

อานหยันตกใจ “ฉินซึ่งเทียนไม่ใช่คนแล้วจริงๆ!”

เมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉินซีตอบสนองช้าลง ถ้าประตูไม่เปิดได้อย่างง่ายดายจะเกิดอะไรขึ้นและในที่สุดจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพี่หลิวไม่ยอมปล่อยมือจากฉินซี

ไม่อย่างนั้น เมื่อวานเลือดคงหยดลงมาเป็นแอ่งไม่หยุด

ฉินซีมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของเธอ พลางยื่นมือไปตบไหล่เพื่อปลอบโยน “ฉันไม่เป็นไร”

อานหยันกัดฟันพูด “โชคดีของเธอก็เป็นโชคดีของเขาเหมือนกัน”

ฉินซีปลอบโยนเธออยู่พักใหญ่อานหยันถึงจะค่อยๆสงบสติอารมณ์ลง

เธอหันไปมองฉินซี แววตาของเธอสับสนเล็กน้อย“ทำไมเธอถึง…ใจเย็นจัง”

ตามนิสัยของฉินซีแล้ว หากถูกฉินซึ่งเทียนข่มเหงถึงขนาดนี้ ฉินซีจะไม่นั่งตรงข้ามเธออย่างใจเย็นและคอยอธิบายเธออยู่แบบนี้

อานหยันและฉินซีรู้จักกันมานานแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่จะดูออกว่าความสงบของฉินซีในขณะนี้มาจากข้างในจริงๆ เธอไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้จริงๆและไม่รู้สึกโกรธกับมัน

ฉินซีนิ่งอึ้ง “ฉันโกรธนะ ฉันก็แค่…ไม่อยากใช้เวลาไปกับการต่อรองกับคนอย่างเขาก็เท่านั้น แล้วกรรมจะตอบสนองเขา ฉันทำทุกอย่างที่ควรทำไปแล้ว การแบกความโกรธของตัวเองไว้ตลอดจะทำให้ตัวเราเองเป็นทุกข์”

อานหยันค่อยๆยิ้มออกมาในขณะที่กำลังฟังเธอพูด

หลังจากที่เหยาหมิ่นจากไป เธอก็เฝ้ารอว่าตัวเองจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อไม่ให้ฉินซีถูกทรมานจากความเกลียดชัง

แต่แล้วเธอก็ล้มเหลว

และในตอนนี้ ฉินซีได้ก้าวข้ามมาด้วยตัวของเธอเอง

เธอรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

“แต่ที่เธอไปครั้งนี้เจออะไรที่พอจะเป็นประโยชน์บ้างไหม” อานหยันถามต่อ

ฉินซีพยักหน้า “เจอสิ แล้วก็ไม่น้อยเลยล่ะ”

ขณะที่เธอกำลังคุยกับอานหยันอย่างละเอียด จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“พี่ฉินซี!” เสียงของจ้าวจิ้ง ดังมาจากปลายสาย “พี่ว่างไหม ฉันอยากถามอะไรบางอย่างกับพี่!”

ฉินซีมองไปที่อานหยัน เธอโบกมือให้เป็นเชิงว่าไม่ต้องสนใจเธอ ฉินซีจึงตอบกลับ “ว่างสิ เธอพูดมาเลย”

จู่ๆจ้าวจิ้งก็เกิดลังเล “พูดผ่านโทรศัพท์…ไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าฉันไปเยี่ยมพี่ มันจะกะทันหันไปไหม”

ที่เอะอะอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็เพราะอยากจะมาเยี่ยมเธอ

ฉินซียิ้ม “ถ้าจะมาที่นี่ก็ไม่มีปัญหา แต่เธอน่าอยู่ที่บ้านของตระกูลลู่ใช่ไหม จะสะดวกมาที่นี่เหรอ”

จ้าวจิ้งตอบกลับทันที “ไม่มีอะไร ประธานลู่บอกว่าเขาให้คนขับรถไปส่งหนูได้”

ประธานลู่ที่พูดถึงน่าจะเป็นลู่เหวย

ฉินซีพยักหน้า “โอเค มาสิ ประธานลู่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน”

“โอเค!” จ้าวจิ้งตอบกลับและวางสายไป

ฉินซีเงยหน้าขึ้นก็พบว่าอานหยันกำลังมองอยู่ เธอจึงยิ้มออกมา “ทนายที่ไปกับฉันเป็นเด็กที่น่าสนใจมากเลย เธอบอกว่ามีเรื่องอะไรสักอย่างเลยอยากจะมาหาน่ะ”

อานหยันเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแล้วจึงถอนหายใจออกมา

ฉินซีค่อยๆเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

“เอาล่ะ ไหนบอกมาซิว่าเธอเจออะไรที่นั่น” อานหยันยิ้มพลางพูดกระตุ้น

ฉินซีพยักหน้า “ฉันเจอเจ้าของโรงแรมคนก่อน เขาถูกฉินซึ่งเทียนใส่ร้ายจนต้องเข้าคุก ฉันเลยช่วยหาทนายความมาช่วยเขาสู้คดีนี้ เขาจึงบอกทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่ฉินซึ่งเทียนทำในตอนนั้น”

เมื่อฟังเรื่องเห้อเสียงจากฉินซี สีหน้าของอานหยันก็ค่อยๆอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ

“เปิดโลกฉันจริงๆ” อานหยันกัดฟันกรอด “ทำไมถึงมีสัตว์นรกอย่างไอ้ฉินซึ่งเทียนอยู่กันนะ”

ฉินซีส่ายหน้า “ฉันก็ไม่เข้าใจมากเหมือนกัน”

คุณปู่เป็นคนดี ถึงแม้เธอจะไม่เคยเจอคุณย่า แต่จากสิ่งที่คุณปู่เล่าก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและฉลาด

แต่ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาที่ตรงไหน ถึงได้มีทายาทอย่างฉินซึ่งเทียนกันนะ

ฉินซีถอนหายใจ

ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะฉินซึ่งเทียนก่อเวรก่อกรรมไว้กับเธอ เธอก็คงจะแข็งแกร่งกว่านี้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท