Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1046

ตอนที่ 1046

บทที่ 1046 ให้ใครๆก็รู้

ในช่วงเวลานี้ ฉินซีก็สังเกตว่าเหมือนมีปัญหาบางอย่างในตัวเธอจริงๆ

ไม่เคยมีใครสอนให้เธอใช้มีดเพื่อป้องกันตัว แต่เธอใช้มันได้ดีมาก ได้ยินชื่อที่คุ้นหู แต่ยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันตอนไหน อีกอย่างตอนนั้นที่หาข้อมูลที่บ้านอานหยัน ทั้งๆที่เธอไม่เคยทำมาก่อน แต่ฝีมือของเธอดีมาก … พูดได้เลยว่ามันเก่งเหลือเกิน

ทุกอย่างเป็นเพราะเธอสูญเสียความทรงจำบางส่วนไปหรือเปล่า

เมื่อเห็นสายตาที่สับสนของฉินซี ลู่เซิ่นรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ก็ยังพูดต่อว่า”ฉินซี เมื่อที่คุณเห็นคนนั้นเลือดไหลออกมา รู้สึกยังไง

ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองอย่างแรง ราวกับว่าได้รับผลกระทบจากอะไรบางอย่าง

เลือด……

ทุกอย่างเกิดขึ้นในกี่ชั่วโมงที่ผ่านมาถูกนึกซ้ำในสมองของเธอ

เธอรีบเปิดประตูและกระโดดลงจากรถ รถคันนั้นก็ตกลงไปในไซต์ก่อสร้าง เลือด เลือดเต็มไปหมดเลย

ไหลออกจากรถ มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในหูของเธอ เวียนหัวมาก มันเหมือนกับ เหมือนกับ..

ฉินซีขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด จะยกมือขึ้นกอดศีรษะของเขาโดยไม่สนใจว่ามือขวายังมีน้ำเกลืออยู่

ลู่เซิ่นก้าวหน้าไปก่อน เอื้อมมือไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา

“หมอบอกว่า คุณมีโรคเครียดหลังบาดแผล”ลู่เซิ่นพูดเบาๆ”ที่คุณเป็นลม ไม่ใช่แค่เพราะอีเธอร์ไม่ถูกเผาผลาญ แต่ยังเป็นเพราะโรคเครียดหลังบาดแผลด้วย”

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย และยกหัวขึ้นจากอ้อมแขน”โรคเครียดหลังบาดแผลเหรอ

ลู่เซิ่นพยักหน้าเบาๆ”คุณเคย … ถูกกระตุ้นโดยเหตุการณ์ที่คล้ายกันมาก่อน ดังนั้นเมื่อคุณได้เจออีกครั้ง จะทำให้เกิดอาการต่างๆ”

ฉินซียังคงสับสนเบาๆ”แต่…ทำไมคุณถึงถามฉันว่า ฉันคิดว่าความทรงจำของฉันสมบูรณ์หรือเปล่า ฉันจะสูญเสียความทรงจำไปบางส่วนเพราะโรคเครียดหลังบาดแผลเหรอ”

ลู่เซิ่นส่ายหัว น้ำเสียงของเขาไม่ค่อยแน่ใจมาก”ตอนที่คุณมาถึงนี่ยังหมดสติอยู่ หมอแค่ทำการวินิจฉัยและตรวจรง่ายๆตามคำอธิบายของฉัน และสแกนCTสมองให้คุณ ทำนายว่าคุณสูญเสียความทรงจำไปบ้าง รายละเอียดการวินิจฉัยต้องรอคุณตื่นก่อนค่อยดำเนินการต่อไปได้”

ฉินซีพยักหน้าอย่างหนักใจ

“เอาล่ะ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย รอให้พรุ่งนี้คุณพักผ่อนให้เต็มที่ก่อน จะไปนัดหมอที่เก่งที่สุดตรวจให้” ลู่เซิ่นกล่าวว่า”ไม่ได้กินมาทั้งวันแล้ว หิวหรือเปล่า แม่บ้านทำโจ๊กให้คุณแล้ว คุณตื่นขึ้นจะได้กินเลย ลงท้องก่อนนะ”

จริงๆแล้วฉินซีไม่มีความอยากอาหารเลย แต่เมื่อเห็นความเป็นห่วงของลู่เซิ่น สุดท้ายก็ยอมอย่างลังเล

ลู่เซิ่นลุกขึ้นไปหยิบกระติก ฉินซีมองไปรอบๆและพบว่าไม่มีคนรับใช้ในวอร์ดสักคนเลย

“หมอบอกว่าคุณต้องพักผ่อนให้ดีๆ เพราะฉะนั้นฉันให้คนรับใช้กลับไปก่อน”เมื่อมองออกความสงสัยของฉินซี ลู่เซิ่นเลยพูดว่า”คุณกินอะไรก่อน กินเสร็จก็นอนพักผ่อน ฉันจะ”

ฉินซีเงียบ

หลังจากที่ลู่เซิ่นเปิดกระติกน้ำร้อน ฉินซีก็ชนักถึงอะไรบางอย่าง-

ทั้งมือซ้ายและขวาของเธอไม่ว่าง ตักกินไม่ได้

แต่เหมือนว่าลู่เซิ่นจะเตรียมพร้อมไว้แล้ว เอื้อมมือไปบีบช้อนในมือของตัวเอง”มา ฉันป้อนคุณ”

ฉินซีหน้าแดงทันที กำลังจะปฏิเสธ แต่ลู่เซิ่นไม่ให้ปฏิเสธ และยื่นช้อนออกมาต่อหน้าฉินซี

ฉินซีรู้สึกอาย

ตั้งแต่เธอจำเรื่องได้ มีคนที่น้อยมากจะป้อนเธอแบบนี้ แม้แต่เหยาหมิ่นก็ไม่เคยทำกับเธอแบบนี้เลย

แต่สายตาของลู่เซิ่นนั้นดูสบายๆ ราวกับว่าสิ่งที่เขากำลังทำไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องธรรมดา

ฉินซีลังเลอยู่สองสามวินาที ในที่สุดยอมแพ้ด้วยการจ้องมองของลู่เซิ่น อ้าปากเล็กน้อยและกินโจ๊กไป

เมื่อกินคำแรกไปแล้ว จากนั้นทุกอย่างก็ราบรื่นมาก

ฉินซีรู้สึกได้ว่า การกระทำของลู่เซิ่นนั้นไม่คุ้นมือเบาๆ ไม่แน่ใจว่าจะตักโจ๊กคำละเยอะเท่าไหร่ มันจะร้อนหรือเปล่า

แต่การแสดงออกอย่างระมัดระวังบนใบหน้าของเขา ก็พอให้ฉินซีจะกลืนโจ๊กที่เยอะมากและร้อนไปหน่อยอย่างอร่อย

หลังจากกินโจ๊กหนึ่งชามเสร็จ ฉินซีก็โบกมือเส่งสัญญาณว่าเธออิ่มแล้ว ลู่เซิ่นก็ลุกขึ้นและเอาถังเก็บความร้อนไปไว้ข้างๆ

ฉินซีมองหลังของเขา งุนงงไปสักพัก

บุตรชายผู้สูงศักดิ์ที่ไม่ต้องอะไรอย่างลู่เซิ่น ก็สามารถทำสิ่งเล็กๆน้อยๆให้กับเธอได้เช่นกัน

หัวใจของฉินซีรู้สึกอบอุ่นเบาๆ

แต่สักพัก เธอก็นึกถึงปัญหาที่สำคัญที่สุด

“ลู่เซิ่น คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

ลู่เซิ่นวางกระติกน้ำร้อนและยิ้มตอบเธอว่า”ฉันคิดว่าคุณจะไม่ถามคำถามนี้แล้วซะอีก”

จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างฉินซี ไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดสองคนที่ลู่เหวยส่งไปอย่างแน่นอน

เมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรจากลู่เหวย ลู่เซิ่นก็รู้เลยว่า จู่ๆฉินซีก็ไปเมืองหลิน สาเหตุส่วนหนึ่งก็คือเพื่อจะหนีคนในตระกูลฉิน

เขาจะปล่อยให้ความปลอดภัยของฉินซีถูกคุกคามได้ยังไง

แต่จะส่งคนไปปกป้องเธอมากขึ้นด้วยการประโคมข่าว จะทำให้ฉินซีจับตาคนอื่นมากขึ้น ดังนั้นลู่เซิ่นจึงสั่งให้คนที่เขาส่งไปพักอยู่ใกล้กับโรงแรมที่ฉินซีพักอยู่ คอยติดตามและปกป้องอย่างใกล้ชิด

หลายวันที่ผ่านมา ฉินซีได้รับการคุ้มครองของลู่เซิ่นอยู่รอบๆโดยไม่รู้ตัว

ดังนั้นคนที่ตระกูลฉินส่งมาพบร่องรอยของฉินซี แต่ลู่เซิ่นเป็นคนแรกที่รู้เรื่อง

ลู่เซิ่นไม่ได้รีบสั่งให้พวกเขาลงมือทันที กลัวว่าการเปิดเผยเร็วเกินไปจะทำให้ฉินซีเป็นอันตราย และตัวเขาเองก็ออกเดินทางจากหนานเฉิงทันที อยากอยู่เคียงข้างฉินซีโดยเร็วที่สุด

“เพราะฉะนั้นตระกูลฉินหาเจอฉันล่วงหน้าหนึ่งวันงั้นเหรอ”ฉินซียังกลัวอยู่เบาๆ

ลู่เซิ่นพยักหน้า”พวกเขาตามคุณถึงโรงแรมที่พักอยู่ แต่ต้องใช้เวลาให้ผลดีพนักงานทางโรงแรมถึงจะเข้าไปได้ แล้วใช้เวลาสอบถามว่าคุณพักอยู่ชั้นไหนด้วย”

เมื่อพวกเขาสอบถามฉินซีพักอยู่ห้องไหน ก็ถูกฉินซีรู้เรื่องแล้ว

“พวกเขาลงมือเร็วกว่าที่ฉันคิดอีก”ลู่เซิ่นก้มหัวลง สีหน้ามีความขอโทษเบาๆ”เมื่อคนที่ฉันส่งไปพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ คุณก็ถูกพวกเขาพาตัวไปแล้ว”

ฉินซีส่ายหัว”ไม่ใช่ความผิดของคุณ คนของคุณช่วยเสี่ยวหลี่ไว้เหรอ”

ลู่เซิ่นโบกมือ”ลำพังฝีมือของพวกเขา เสี่ยวหลี่สามารถเอาตัวรอดได้ เขาหนีจากความยุ่งเหยิงของทั้งสอง

คน ไปใต้ดินหาคุณไม่เจอ และติดต่อคนของฉัน พวกเขาถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

ฉินซีบอกขอบคุณเสี่ยวหลี่ในใจ

ลู่เซิ่นพูดจบ เขาก็หันไปหยิบกระเป๋าเอกสารและส่งมาให้เธอ”นี่คือของที่เสี่ยวหลี่เก็บได้จากพื้น คงเป็น

ของคุณ เขาเห็นว่ามีเอกสารบางอย่างอยู่ในนั้น คิดว่ามันคงสำคัญมาก ก็เลยเอามาให้คุณ”

ฉินซีมองกระเป๋าเอกสารและถอนหายใจอย่างโล่งอก

กระเป๋าใบนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับคดีของเห้อเสียงเธอยังกังวลว่าถ้าคนเหล่านั้นเอาของนี้ให้ฉินซึ่งเทียน ถ้าฉินซึ่งเทียนจะทำอะไรไม่ดีต่อเห้อเสียงอีก เรื่องต่างๆก็จะกลายเป็นลำบาก

โชคดีที่คนเหล่านั้นที่ไม่เอาไหนไม่ได้ทำแบบนั้น

“ขอบคุณค่ะ”เธอยื่นมือจะเอากระเป๋า และพูดด้วยความจริงใจ

แต่ลู่เซิ่นไม่ปล่อยมือ ก้มลงและจ้องฉินซีว่า”ทำไมคุณไม่ติดต่อฉัน”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท