Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1057

ตอนที่ 1057

บทที่ 1057 ได้ไม่คุ้มเสีย

คนที่มาคือนักนิเวศวิทยาชื่อดังในเมืองหนาน

ในมือของเขาถือบางอย่างอยู่

เมื่อลู่เซิ่นมาถึงที่บริษัท ทั้งสองทักทายกันอย่างเรียบง่ายหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มคุยธุระกัน

“น้ำมันสำรองอยู่ต่ำขนาดนี้เลยเหรอ” ลู่เซิ่นขมวดคิ้วขณะดูหลักฐานที่ชายคนนั้นนำมาด้วย

แต่ชายคนนั้นกลับมั่นใจมาก “ข้อมูลของผมไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน ด้วยความที่รัฐบาลเขตต้องการรีบพัฒนาที่ดินผืนนั้น ดังนั้นจึงปิดข่าวเงียบและไม่บอกให้คนอื่นรู้”

“แต่ทำไมคุณถึงบอกผมล่ะ” ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้น มองไปที่ชายคนนั้น

อีกฝ่ายที่ไม่กระวนกระวายใจกลับยิ้มออกมาจางๆ “เพราะสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาของที่ดินผืนนั้นหาได้ยาก ผมต้องการโน้มน้าวคุณไม่ให้ขุดเหมือง และมันก็มีแค่วิธีนี้เท่านั้น”

ทั้งสองใช้เวลาคุยกันเนิ่นนาน สุดท้ายแล้วลู่เซิ่นก็ไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาอะไรกับเขา เหลือเพียงข้อมูลที่ชายคนนั้นทิ้งไว้โดยเขาวางแผนจะให้คนของตัวเองตรวจสอบสิ่งที่ชายคนนั้นพูดเสียก่อน

ชายคนนั้นกลับไปแล้ว แต่เวลาในช่วงเช้าก็หมดไปแล้วเช่นกัน

สิ่งที่หลินหยังจัดการให้เขาคือแช่น้ำพุร้อนทั้งวัน โดยช่วงเช้าขับรถไปสองชั่วโมง แช่น้ำพุร้อนและทานอาหารกลางวัน ตื่นจากการพักสายตาและกลับไปแช่อีกครั้ง หลังจากนั้นทานอาหารเย็นแล้วจึงค่อยกลับ

แต่ด้วยเวลาที่ล่าช้าในตอนเช้า ส่งผลให้เวลาอื่นๆต่างเปลี่ยนแปลงไปด้วย

เพราะหากไปตอนนี้อาจต้องใช้เวลาถึงเที่ยงคืน ซึ่งจะส่งผลต่อตารางเวลาในวันถัดไป

สุดท้ายแล้ว ในช่วงที่การประมูลกำลังวุ่นวาย การเว้นว่างสักวันเพื่อหยุดพักผ่อนนับเป็นข้อจำกัดที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานในวันถัดมา เช่นนี้แล้วนับว่าได้ไม่คุ้มเสีย

แต่ถ้าไม่ไป…วันหยุดพิเศษที่มีเวลาเหลือมากกว่าครึ่งวันก็เสียเปล่า

ลู่เซิ่นครุ่นคิด จากนั้นก็กวักมือเรียกหลินหยัง “มีโปรเจ็กต์ไหนที่ใกล้กว่านี้และสามารถเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายไหม”

หลินหยังขมวดคิ้วพลางมองไปที่ลิสต์อยู่นาน จนสุดท้ายก็หาเจอ “นี่ครับท่าน ที่หอศิลป์ในเมืองหนานมีนิทรรศการบ่ายวันนี้ เป็นการแสดงผลงานของช่างภาพชื่อดังซึ่งควรค่าแก่การเข้าชม หอศิลป์ก็อยู่ใกล้แค่นี้เองครับ ท่านทานอาหารกลางวันและไปชมงานสองสามชั่วโมง จากนั้นทานอาหารเย็นที่โรงแรมใกล้ๆ เวลาค่อนข้างเหมาะสมเลยครับท่าน”

แผนที่วางไว้นั้นถือว่าพอรับได้ ลู่เซิ่นจึงพยักหน้าและปล่อยให้หลินหยังจัดการ

ประมาณบ่ายโมงลู่เซิ่นก็มาถึงหอศิลป์เมืองหนาน

เมืองหนานถือเป็นเมืองเก่าแก่ที่ยังคงไว้ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรม ดังนั้นการออกแบบหอศิลป์จึงใช้ความคิดอย่างมากในการสรรสร้าง ซึ่งก็ดูมีเอกลักษณ์ไม่น้อย

ลู่เซิ่นมาที่เมืองหนานบ่อยครั้ง แต่เขามาที่นี่เป็นครั้งแรก เมื่อชมภายนอกของหอศิลป์แล้วก็ค่อยๆเดินเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ

เขามีเวลาตลอดบ่ายนี้ จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

เพราะยังเช้าอยู่ ผู้คนในหอศิลป์จึงไม่มากนัก ลู่เซิ่นหาโถงนิทรรศการที่ตนเองสนใจและค่อยๆชมผลงานไปทีละภาพอย่างช้าๆ

เขาไม่ใช่คนหัวศิลป์นัก แต่เพราะในฐานะทายาทของตระกูลลู่ เขาได้รับการปลูกฝังเรื่องศิลปะมาไม่น้อยแต่ก็ยังจำกัดแค่เฉพาะศิลปะการวาดภาพสีน้ำมันและการเล่นเปียโนที่ “สง่างาม” เรื่องการถ่ายภาพอะไรพวกนั้นแทบไม่เคยเรียนรู้เลย

ดังนั้นการเข้าชมนิทรรศการภาพถ่ายจึงเป็นความแปลกใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย

หัวข้อของห้องนิทรรศการที่เขาเลือกนั้นเรียบง่ายมาก โดยมีเพียงคำว่า ลม คำเดียว

ลมไม่มีรูปร่าง เป็นอิสระ และจับต้องไม่ได้

แต่ช่างภาพสามารถใช้เลนส์จับภาพร่องรอยของคลื่นลมในทุ่งข้าวสาลีและในป่าไว้ได้

ยิ่งลู่เซิ่นมองเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากเท่านั้น

ในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปเด็กเป่าฟองสบู่

ตำแหน่งของภาพถ่ายก็ไม่ได้อยู่ตรงกลางอีกทั้งยังดูจะเอียงเล็กน้อยชื่อของช่างภาพก็เป็นชื่อที่ไม่คุ้นตา ไม่ใช่คนที่ลู่เซิ่นเคยได้ยินมาก่อน

แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุผลอะไรถึงรู้สึกว่ารูปนี้เป็นรู้ที่น่ามองที่สุดในบรรดารูปทั้งหมดที่จัดแสดง

เด็กน้อยไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่ยื่นแขนข้างหนึ่งออกมาโดยของเล่นพ่นฟองสบู่ถืออยู่ในมือ

ส่ายลมพัดผ่าน ทำให้ฟองสบู่ลอยไปอยู่อีกฝั่งของรูป

ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ลู่เซิ่นกลับยืนอยู่หน้ารูปถ่ายนี้เป็นเวลานานหลายนาที

ทันใดนั้นก็มีเสียงคมชัดดังขึ้นมาจากด้านหลัง “คุณชอบรูปนี้เหรอคะ”

……

สิ่งที่ลู่เซิ่นพูดทำให้ฉินซีรู้สึกประทับใจ

เธอคุ้นเคยกับรูปที่ลู่เซิ่นพูดถึงอย่างมาก แม้แต่ต้นฉบับของภาพถ่ายก็ยังคงอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเธอ เพราะเธอเป็นคนถ่ายภาพนั้น

นิทรรศการภาพถ่ายนั้นได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนิทรรศการผลงานของช่างภาพชื่อดัง แต่เนื่องจากห้องโถงที่จัดนิทรรศการมีขนาดใหญ่มาก ผลงานของช่างภาพชื่อดังเหล่านั้นจึงไม่พอ ดังนั้นในห้องโถงที่ไกลออกไปจึงจะขาดผลงานของคนอื่นๆไปไม่ได้

ภาพถ่ายของฉินซีถูกส่งไปยังสมาคมถ่ายภาพ โดยพวกเขาประกาศหัวข้อบนเว็บไซต์ล่วงหน้าจากนั้นก็รวบรวมเหล่าผลงานก่อนนิทรรศการจะจัดขึ้น ซึ่งผลงานของเธอได้รับการคัดเลือกผ่านช่องทางนี้

และเพราะผลงานของตัวเองเป็นหนึ่งในผลงานที่ถูกเลือก เธอจึงมาเมืองหนานเพื่อเข้าชมนิทรรศการเป็นพิเศษ

นี่เป็นครั้งแรกที่ภาพของฉินซีได้จัดแสดง และยังเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการยอมรับในฐานะช่างภาพ

ดังนั้นเธอจึงตื่นเต้นมาก วันนั้นเธอเอาแต่อยู่ในโถงนิทรรศการทั้งวัน คอยกลับไปที่ผลงานของตัวเองอยู่บ่อยๆ เฝ้าดูว่ามีใครมาชื่นชมผลงานของเธอบ้างและแทบรอไม่ไหวที่จะแนะนำพวกเขาว่าเธอเป็นคนถ่ายรูปนี้

แต่เธอจำไม่ได้เลยว่าตนเองได้พบเจอใครบางคนที่ควรค่าแก่การจดจำ

หากลู่เซิ่นเป็นอย่างที่พูดว่ายืนอยู่หน้าผลงานนานเป็นนาทีจริงๆ แล้วทำไมตัวเองถึงไม่รู้สึกประทับใจเลยแม้แต่น้อยล่ะ

เมื่อเห็นว่าท่าทางของฉินซีดูจะสับสนเล็กน้อยลู่เซิ่นตบหลังมือของเธอเบาๆเพื่อเป็นการเรียกสติ

……

คนที่เป็นฝ่ายพูดก่อนไม่ใช่ใครอื่นใด แต่เป็นฉินซี

แน่นอนว่าลู่เซิ่นไม่รู้จักชื่อของเธอในตอนนั้น

เขาหันหน้ามามอง ก็เห็นใบหน้ารูปไข่ที่สวยไม่น้อย

แต่สำหรับลู่เซิ่นแล้ว ใบหน้าสวยๆมีให้เห็นมากมายและโดยส่วนมากคนที่เข้ามาคุยกับเขามักจะมาด้วยจุดประสงค์ที่ไม่บริสุทธิ์

เพราะอย่างนั้นเมื่อเขาเห็นเช่นนี้จึงจัดเธอให้อยู่ในหมวดหมู่นั้นไปโดยอัตโนมัติ เขาเพียงแค่พยักหน้าให้อย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไรออกไป

แต่ฉินซีกลับไม่ยอมแพ้ต่อความเฉยเมยของเขา เธอก้าวไปข้างหน้าและยืนอยู่ด้านข้างๆเขา “คุณยืนอยู่ตรงนี้นานหลายนาทีแล้ว ดูท่าจะชอบรูปนี้มากเลยนะคะ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาไม่ค่อยชอบกับการกระทำที่ดูสนิทสนมแบบนี้เสียเท่าไหร่

ในขณะที่เขากำลังจะหันกลับแล้วเดินจากไปก็ได้ยินเสียงของฉินซีพูดขึ้น “งั้นฉันขอบคุณมากๆเลยนะคะ เพราะฉันเป็นคนถ่ายภาพนี้เอง”

ลู่เซิ่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเขาหยุดฝีเท้าพลางหันกลับมามอง “คุณเป็นคนถ่ายเหรอ”

ฉินซียิ้ม “ทำไมคะ ดูไม่เหมือนเหรอ”

ลู่เซิ่นยังคงสงสัยอยู่ “ไม่ใช่ไม่เหมือนครับ ก็แค่…..”

ฉินซีไม่ได้ตำหนิเขา แต่เพียงชี้ไปที่มุมเล็กๆของรูปถ่าย “เฮ้ ตรงนั้นมีชื่อของฉันซ่อนอยู่”

ลู่เซิ่นเข้าไปมองใกล้ๆและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

มีชื่อที่ไหนกัน เห็นเพียงแต่ X ตัวพิมพ์ใหญ่เขียนอยู่เท่านั้น

ฉินซีเห็นรอยยิ้มของเขาจึงพูดออกมาอย่างเคืองๆ “คุณยิ้มอะไร!นั่นคือภาพที่ฉันตั้งใจถ่ายออกมาเลยนะ ถ้าคุณไม่เชื่อ เราไปหาผู้จัดเพื่อพิสูจน์เลยก็ได้!”

บนใบหน้าของลู่เซิ่นยังคงเผยให้เห็นรอยยิ้ม การได้เห็นใบหน้าโกรธเคืองของฉินซีก็ยิ่งทำให้เค้ารู้สึกสนใจมากขึ้น

เขาเข้าใจผิด คนๆนี้…ไม่น่ามีจุดประสงค์เหมือนคนอื่นๆที่มักเริ่มชวนคุยก่อน

“ไม่ใช่ไม่เชื่อ” ครั้งแรกที่เขาเอ่ยปาก “ผมเชื่อแล้วว่าคุณเป็นคนถ่าย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท