Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1073

ตอนที่ 1073

บทที่ 1073 ความตั้งใจเห็นๆ

ฉินซีถอนหายใจ ก่อนส่ายหน้า : “ไม่ต้องหลอก”

หน้าศาล หลังถูกเหล่านักข่าวห้อมล้อม เธอได้เปลี่ยนแผนการที่วางเอาไว้อย่างสิ้นเชิง

แต่เธอไม่คาดคิด เนื้อหาคำพิพากษาจะถูกเผยแพร่ออกไป

ไม่ถือว่าเลวร้ายอะไร เพียงแต่เธอต้องเปลี่ยนแปลงแผนการที่วางเอาไว้อีกครั้งเท่านั้น

จ้าวจิ้งที่ได้ยินคำตอบที่มั่นคงของเธอ จึงพยักหน้ารับ ก่อนเงียบไปตลอดทาง

“ตอนนี้เธอยังอาศัยอยู่กับตระกูลลู่ไหม?” ฉินซีนึกขึ้นได้กะทันหัน เธอหันหน้าถามจ้าวจิ้ง “จะได้ให้คนขับรถไปส่งเธอที่บ้านก่อน”

จ้าวจิ้งยิ้มพลางพยักหน้า : “เปล่านี่ ฉันย้ายออกมาได้หลายวันแล้ว คุณนายลู่…..น่ากลัวนิดหน่อย”

ฉินซีที่นึกภาพทีท่าหยิ่งยโสของสูหยิง เธออดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็อดเป็นห่วงเป็นใยไม่ได้เช่นกัน : “ ถ้าอย่างนั้นเธออยู่คนเดียว จะปลอดภัยหรือเปล่า?”

จ้าวจิ้งเผยรอยยิ้มอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้มีความเหนียมอายซ่อนอยู่ : “อันที่จริง…..ฉันอยู่กับแฟน”

ฉินซีอึ้งไป

เธอคิดว่า…..จ้าวจิ้งโสดมาโดยตลอด

ไม่ใช่ความผิดเธอหลอก บอกไปต่างจังหวัดไปเป็นอาทิตย์ แถมยังไม่กลับบ้าน เช่นนี้ เหมือนคนมีความรักซะที่ไหนกัน

เสมือนว่าจ้าวจิ้งอ่านความคิดฉินซีออก เธอเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม : “พวกสองคนเป็นแบบนี้มาตลอด เขางานยุ่งกว่าฉัน เราจึงไม่มีปัญหาอะไรกัน”

ฉินซีหัวเราะออกมา

เธอเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นทำไมกัน ตัวเธอเองกับลู่เซิ่น เป็นแบบนี้เช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ

“คดีของเห้อเสียง โดยรวมแล้วไม่มีปัญหาอะไร หลังจากนี้…..ยังต้องทำคดีแพ่งอีกไหม?” จ้าวจิ้งเปลี่ยนหัวข้อกะทันหัน

ฉินซีส่ายหน้า : “อันที่จริงเตรียมการเอาไว้แล้ว แต่ประชาชนไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่ว่าตอนนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้…..เหมือนว่าไม่จำเป็นแล้ว”

ทั้งคู่สบสายตาพร้อมส่งรอยยิ้มให้แก่กัน : “โอเค”

ไม่นานนัก ทั้งคู่มาถึงอพาร์ทเม้นของจ้าวจิ้ง เธอล่ำลาฉินซี ก่อนลงจากรถ

ฉินซีเห็นร่างชายหนุ่มร่างผอมแห้งยืนรออยู่หน้าอพาร์ทเม้น ทั้งคู่กอดกันอย่างรักใคร่ ก่อนเดินขึ้นไปชั้นบน

ฉินซีคิดถึงลู่เซิ่นขึ้นมา

ทั้งๆที่รู้แก่ใจดีเวลานี้ เป็นเวลาหลับนอนของเขา แต่เธอกลับอยากโทรหาเขาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ อยากได้ยินเสียงของเขา

แน่นอน เมื่อรถเคลื่อนตัวออก ฉินซียังคงกำโทรศัพท์ตนเอาไว้ในมืออยู่อย่างนั้น ไม่กดโทรหาลู่เซิ่น

ฉินซีกลับถึงรีสอร์ทชิงหยวน ท้องฟ้าเริ่มหม่น

ขณะที่เธอเดินไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหาร โทรศัพท์ในมือดังขึ้น

เธอรู้สึกว่า คนที่โทรมาหาเธอนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น

“ลู่เซิ่น?” ฉินซีรับโทรศัพท์ เธอสติหลุดในเวลาอันสั้น “ทำไมถึงโทรมากะทันหันล่ะ?”

น้ำเสียงลู่เซิ่นแหบเล็กน้อย เสมือนเพิ่งตื่นนอน : “ผม…..ได้ข่าวเรื่องในโลกออนไลน์ เธอโอเคใช่ไหม?”

ฉินซีนิ่งไป

เธออยากตอบว่าโอเค แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

ขณะที่เธอเปิดข่าว เธอได้อ่านคอมเม้นข้างล่างอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ฉินซี…..อาการไม่ค่อยดีอยู่แล้ว

ทำได้เพียงเป็นไปตามนิสัยเธอ เรื่องแบบนี้เดี๋ยวก็ผ่านไป ผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายมากกว่านี้มาแล้ว เรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทางร่างกายใดๆ ไม่คุ้มที่จะเก็บมาคิด ไม่คุ้มที่จะให้ราคา

แต่ได้ยินน้ำเสียงของลู่เซิ่น เธอไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้

“ฉัน…..” ฉินซีลังเลพักหนึ่ง ท้ายที่สุดเธอก็พูดมันออกมา “วันนี้ฉันไปฟังการตัดสินคดีของเห้อเสียง เห้อเสียงถูกตัดสินเป็นผู้บริสุทธิ์พร้อมปล่อยตัว”

ลู่เซิ่นกลับเอ่ยขึ้นกะทันหัน : “เธอกินข้าวหรือยัง?”

ฉินซีไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่วายตอบตามจริง : “ยัง ฉันเพิ่งถึงบ้าน”

ลู่เซิ่นเอ่ย : “ถ้างั้นเธอไปกินก่อน”

ฉินซีงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น : “ห๊า?”

เป็นตัวเขาที่เริ่มก่อนแท้ๆ แต่เมื่อตนเริ่มเล่า เขากลับคิดจะตัดสายทิ้ง?

ลู่เซิ่นกลับกดวางสายอย่างแน่วแน่

ไม่ทันที่ฉินซีได้ตั้งตัว โทรศัพท์ในมือกลับดังขึ้นอีกครั้ง

ลู่เซิ่นสับเปลี่ยนเป็นวีดีโอคอลเข้ามา

ฉินซีถึงได้เข้าใจจุดประสงค์ของลู่เซิ่น เธอยิ้มพร้อมส่ายหน้า ก่อนกดรับสาย

“เธอไปกินข้าวก่อน เสร็จแล้วค่อยว่ากัน” ลู่เซิ่นเพิ่งตื่นนอน ผ้าห่มยังคงกองอยู่หว่างเอว ผมเผ่ายุ่งเหยิง

ฉินซีหน้าร้อนเผ่าโดยไม่ทราบสาเหตุ “ฉันกินข้าว คุณจะอยู่ดูฉันกิน?”

“อืม” ลู่เซิ่นหัวเราะออกมา “ผมจะจ้องมองคุณแบบนี้”

ฉินซีรู้ว่าเขาเพียงแค่ล้อเล่น จึงไม่เสียเวลาต่อ เธอยกโทรศัพท์ขึ้นพร้อมมุ่งไปยังห้องอาหาร เสมือนว่าเธอคิดจะรับประทานอาหารโชว์เขาจริงๆ

ลู่เซิ่นอมยิ้ม : “ผมจะไปอาบน้ำพอดี คุณไปกินข้าวก่อน กลับมาแล้วค่อยว่ากัน”

ฉันซีพยักหน้ารับ แต่ทั้งคู่กลับไม่มีใครยอมตัดสายทิ้ง

ลู่เซิ่นวางโทรศัพท์ไว้บนเตียง ในมุมฉินซีเห็นเพียงเพดานสีขาวเท่านั้น เธอจึงวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เธอครุ่นคิดครู่หนึ่ง หมุนโทรศัพท์กลับมา ก่อนลงมือจดจ่อกับอาหารตรงหน้า

ไม่ทันที่เธอรับประทานอาหารเสร็จ เสียงปลายสายของลู่เซิ่นดังขึ้น

“ฉินซี?”

ฉินซีกลั้นหัวเราะ ไม่ออกเสียงใดๆ

“สัญญาณไม่ดีหรือ?” น้ำเสียงสงสัยของลู่เซิ่นดังขึ้นอีกครั้ง

ขณะที่ฉินซีกลั้นหัวเราะ พ่อบ้านเดินเข้ามาพอดี

เขาไม่เห็นการกระทำของฉินซี เห็นเพียงเธอกินน้ำซุปจนหมด จึงเอ่ยถามขึ้น : “รับน้ำซุปเพิ่มไหมครับ?”

ฉินซีไม่ทันได้ห้ามปราม พ่อบ้านกลับเอ่ยประโยคออกมา

ลู่เซิ่นได้ยินจึงรู้ว่าเธอแสร้งทำ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความเอ็นดู : “เธอไม่อยากดูผมหน่อยหรือ?”

พ่อบ้านถึงได้รู้ว่าตัวเขาได้ขัดจังหวะทั้งคู่ที่กำลังสวีทหวาน เมื่อได้ยินประโยคลู่เซิ่น เขาหน้าแดงขึ้นมา พลันรีบเติมน้ำซุปในถ้วยของฉินซีจนเต็ม ก่อนถอยออกไป

เมื่อฉินซีเห็นก้าวที่ยุ่งเหยิงของเขา พลอยหน้าแดงไปด้วย

ทำไมตนเอง…..ถึงได้กลายเป็นสาวแรกรุ่นขึ้นมาซะได้?

หลังเสียเวลาหยอกล้อกันอยู่นาน หากเป็นเธอในอดีตทำอะไรแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ

แต่เมื่อเธอยกโทรศัพท์ขึ้น เห็นใบหน้าของลู่เซิ่น เธอกลับรู้สึกว่า สิ่งที่ตนทำ ไม่ได้ผิดแปลกอะไร

มีคำสุภาษิตว่า มีความรักการโต้แย้ง ล้วนได้รับการอภัยทั้งนั้น

“เธอยังกินไม่เสร็จอีกหรือ?” ลู่เซิ่นยกมือขึ้นเช็ดหัวที่เปียกชุ่ม พลางจับจ้องไปที่ฉินซี

เสื้อคลุมอาบน้ำของเขาตัวใหญ่โคร่ง เผยให้เห็นแผงอกกว้าง ฉินซีอดคิดไม่ได้ นี่มันความตั้งใจของเขาชัดๆ

“ใกล้เสร็จแล้ว” ฉินซีก้มหน้าซดน้ำซุปในถ้วยจนหมด ก่อนลุกขึ้นยืน

“อืม ถ้างั้นตอนนี้ลองพูดกับผมดู วันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง” ลู่เซิ่นเอ่ย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท