Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1093

ตอนที่ 1093

บทที่ 1093 แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก

“คุณฉินคะ หลังจากประสานงานกันแล้ว ฉันได้จัดเตรียมโครงการไว้ใหม่ค่ะ” ถังย่าเหมือนกับว่าไม่รู้สึกถึงสายตาของฉินซี หยิบเอกสารออกมาจำนวนหนึ่ง “ถ้าหากไม่มีปัญหาอะไร หลังจากนี้การติดต่อกับสถานที่จัดงานจะมีจ้านเซินเป็นผู้รับผิดชอบทำให้สำเร็จ เขาจะติดต่อกับคุณโดยตรงค่ะ”

ฉินซีรับเอกสารมาเปิดอ่านคร่าวๆรอบหนึ่ง

เธอเพิ่งจะส่งความเห็นในกับถังย่าในเช้าวันนี้ คราวนี้ผลิตภัณฑ์ที่แก้ไขออกมา โดยพื้นฐานไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เธอพยักหน้า “ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว สำหรับสถานที่จัดงานนั้นก็ต้องรบกวนพวกคุณแล้ว”

เธอจงใจหลบเลี่ยงสายตาออกจากจ้านเซิน หลุบตาลง พลางพยักหน้าให้กับทั้งสองคนอย่างชื่นชม

แต่สายตาของจ้านเซินคล้ายกับว่ามีตัวตนจริงๆ แม้ว่าฉินซีจะก้มหน้า แต่ก็สามารถรู้สึกถึงมันได้อยู่ดี

ความรู้สึกอันแปลกประหลาดนั้นรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

เธอเงยหน้าขึ้นอย่างอดไม่ได้ มองไปยังจ้านเซิน นัยน์ตาหรี่ลง ใช้สายตาเตือนเขา

ถ้าหากว่าระหว่างพวกเขาเคยพบหรือสนิทกันมาก่อน นั่นก็พูดได้ชัดเจนว่า ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำท่าทางเป็นไม่รู้จักแบบนี้

ถ้าหากว่าระหว่างพวกเขาไม่คุ้นเคยกันมาก่อน อย่างนั้นก็ระมัดระวังการกระทำเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครจ้องคนแปลกหน้าแบบนี้ในการพบหน้ากันครั้งแรก

ฉินซีคิดว่าการเตือนในสายตาของตัวเองนั้นชัดเจนมากพอแล้ว คนทั่วไปล้วนสามารถมองออกถึงโทสะบางเบาที่อยู่บนใบหน้าของตัวเอง แต่จ้านเซินกลับไม่หลบหนี ยังคงจ้องฉินซีต่อไป กระทั่งตอนที่สายตาของฉินซีมองมา ก็ยังคงยิ้มให้เธออย่างขี้เกียจเล็กน้อย

ฉินซีเม้มปาก เบนสายตาออกไป

…….. จ้านเซินคนนี้ จะต้องมีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน

“ขอให้คุณฉินวางใจ นิทรรศการภาพถ่ายของคุณ พวกเราจะตั้งใจทำให้สำเร็จ” จ้านเซินพูดกับฉินซี

ฉินซีรู้สึกได้กะทันหันว่านี่เป็นประโยคแรกที่จ้านเซินเอ่ยพูด

น้ำเสียงของจ้านเซิน……พิเศษมาก

ไม่เหมือนกับเสียงทุ้มต่ำสบายๆของลู่เซิ่น น้ำเสียงของเขาไม่เพียงแต่ทุ้มต่ำมาก แต่ยังหยาบมากอีกด้วย ทำให้คนนึกถึงพายุทรายที่พัดในทะเลทราย พัดผ่านใบหน้าแล้วรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง

ความรู้สึกคุ้นเคยอันน่าประหลาดผุดขึ้นมาในใจของฉินซีอีก

เธอจะต้องเคยได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้จากที่ไหนมากก่อน

ฉินซีค่อยๆหันหน้าไปมองจ้านเซิน

หรือไม่ก็ ก่อนหน้านี้เธอกับจ้านเซินจะต้องรู้จักกันมาก่อนจริงๆ

“โดยเฉพาะส่วนที่แสดงความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้อยู่ของคุณในนิทรรศการ พวกเราจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน” จ้านเซินสบตากับฉินซี ตอบทีละคำ ทีละประโยคอย่างช้าๆ

คิ้วของฉินซีขมวดเป็นปมเล็กน้อย ความรู้สึกไม่ปลื้มปรากฏขึ้นมาในใจวูบหนึ่ง

น้ำเสียงพูดจาแบบนี้ของจ้านเซิน ไม่เหมือนกับการสัญญาว่าจะจัดนิทรรศการนี้ดีๆกับฉินซี แต่เหมือนกับ……กัดฟันพูดออกมามากกว่า

แต่ว่าสีหน้าความรู้สึกของเขากลับจริงใจมาก ทำให้ในใจของฉินซีสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม

ฉินซีสูดลมหายใจลึก กดความรู้สึกไม่สบายใจที่ผุดขึ้นมาลงไป

บริษัทพีอาร์ของถังย่าดีที่สุดในวงการ หลังจากนี้เธอจำเป็นต้องทำงานร่วมกับพวกเขา ไม่จำเป็นต้องแตกหักกับคนที่พบเจอกันในครั้งแรก

ในใจของฉินซีเอ่ยเตือนตัวเองรอบแล้วรอบเล่าไปหลายประโยค ถึงได้เอ่ยปาก

“ส่วนนี้สำคัญมากจริงๆ” สายตาของฉินซีเบนออกจากร่างของจ้านเซิน กลับไปที่ถังย่า “ขอให้พวกคุณทำมันออกมาให้ดี”

ในตอนสุดท้ายนี้ถังย่าถึงได้เอ่ยพูด “คุณวางใจได้เลยค่ะ”

ทั้งสามคนพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดของนิทรรศการเล็กน้อย ในที่สุดจ้านเซินก็ปกติขึ้นมาเล็กน้อย ไม่จ้องฉินซีเขม็งอีกแล้ว บางครั้งก็เข้าร่วมการพูดคุยด้วยหลายประโยค และเป็นความเห็นที่นำมาอ้างอิงได้จริงๆ

ความสงสัยในใจของฉินซีถึงได้ลดลงเล็กน้อย

แม้ว่าเบื้องหน้าดูแล้ว จ้านเซินจะต้องไม่ได้เป็นเพียงแค่พนักงานที่สัมผัสกับงานนิทรรศการค่อนข้างเยอะคนหนึ่งง่ายๆอย่างที่ถังย่าบอก แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่ว่าอะไรก็ไม่เข้าใจ ทำไม่เป็นแล้วเนียนว่าทำเป็นในกลุ่ม

เรื่องของฉินซึ่งเทียนเพิ่งจะผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือว่าจิตใจ เธอล้วนรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ดังนั้นจึงไม่มีกะจิตกะใจจะรับมือกับจ้านเซิน

ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจัดทำนิทรรศการออกมาให้ดี สำหรับเรื่องที่ว่าจ้านเซินมีวัตถุประสงค์อะไรนั้น…….ขอเพียงแค่ไม่รบกวนการจัดงานนิทรรศการ ฉินซีไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจเขา

ตอนห้าโมง รายละเอียดพื้นฐานในนิทรรศการช่วงแรกนั้นตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้ว หอศิลป์เมืองหนานเป็นตัวเลือกอันดับแรก จำเป็นจะต้องให้พวกถังย่าพยายามไปช่วงชิงมา สำหรับการสร้างความนิยมจากกระแสมวลชนในช่วงแรกนั้น ถังย่าเลือกใช้คลิปโฆษณาที่ทำให้ผู้คนมากมายประทับใจอย่างลึกซึ้งในปีที่แล้วที่ฉินซีวางแผนให้กับบริษัทลู่ซื่อ

เป็นธรรมดาที่ฉินซีจะไม่คัดค้านการจัดการแบบนี้ แต่เธอก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างว่า เพราะตั้งแต่ต้นจนจบถังย่าล้วนไม่ได้เอ่ยถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นเลย

แม้ว่าฉินซีจะไม่ใช่นักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ แต่มากน้อยอย่างไรก็ได้สัมผัสกับคดีความมาบ้าง ตามแนวความคิดปกติของนักประชาสัมพันธ์ แม้ว่าในนิทรรศการของฉินซีจะมีการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อลู่เซิ่นอย่างไม่ชัดเจน และแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นในตอนนี้จะเบาบางมาก ข่าวซุบซิบแบบนี้ดึงดูดสายตาผู้คนได้มากที่สุด ถ้าหากว่าใช้วิธีการนี้ในการโฆษณา ก็จะได้รับผลตอบรับการโฆษณาที่ดีที่สุดอย่างรวดเร็ว

แต่ว่าฉินซีไม่ชอบวิธีนี้ เธอไม่ต้องการใช้ความสัมพันธ์ของลู่เซิ่นกับตัวเองมาเป็นจุดขาย กระทั่งระหว่างทางที่มานั้น เธอก็เคยคิดว่า ถ้าหากว่าถังย่าเสนอโครงการนี้ออกมา เธอจะต้องเอ่ยปฏิเสธในทันทีอย่างแน่นอน

แต่ว่าถังย่านั้นเหมือนกับไม่เคยคิดโครงการนี้อย่างไรอย่างนั้น ไม่เพียงแต่ไม่ได้เขียนออกมาในแผนการ กระทั่งพูดถึงก็ไม่ได้พูดเลยสักคำ

เธอที่เป็นแบบนี้ กลับทำให้ฉินซีรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

จะมีนักประชาสัมพันธ์ที่ปล่อยจุดขายที่ง่ายดายเช่นนี้ไปจริงๆหรือ

เพียงแต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมา ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ถ้าหากว่าเอ่ยถามแล้ว ก็ดูเหมือนกับว่าแนะนำให้ถังย่าทำแบบนั้น

ฉินซีเพียงแค่ลุกขึ้นยืน เก็บเอกสารที่อยู่เบื้องหน้าเข้าไปในกระเป๋า เอ่ยกับถังย่าอย่างเกรงอกเกรงใจว่า “ต่อไปก็ต้องรบกวนพวกคุณแล้ว”

“ไม่ต้องเกรงใจ” คนที่ตอบเธอกลับเป็นจ้านเซิน

พูดคุยกันมาหลายชั่วโมง มากน้อยอย่างไรฉินซีก็คุ้นเคยกับน้ำเสียงทุ้มต่ำ หยาบกระด้างแล้วเล็กน้อย ฟังดูแล้วก็ไม่ได้เสียดหูขนาดนั้นอีก

แต่น้ำเสียงของเขากับสายตาที่มองมาทางตัวเอง ยังคงยากที่จะให้ฉินซีคุ้นเคยได้

คนขับรถมาถึงด้านนอกแล้ว ฉินซีก็ไม่ได้พูดอะไรกับพวกเขาอีกแล้วลุกขึ้นยืน เดินไปข้างนอก

ถังย่าและจ้านเซินเดินไปส่งเธอที่หน้าประตู

ในที่สุดคราวนี้ตำแหน่งของจ้านเซินและถังย่าก็เป็นปกติ ถังย่าเดินนำหน้าจ้านเซินอยู่เล็กน้อย ขวางเขาอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งได้

ฉินซีพยักหน้าให้กับทั้งสองคนเป็นการบอกลา และขึ้นไปนั่งบนรถ

เพียงแต่มองจากในรถผ่านบานกระจกมองหลัง เธอยังสามารถมองเห็นถังย่าและจ้านเซินที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

ถังย่ากำลังหันข้าง เงยหน้าขึ้นพูดอะไรสักอย่างกับจ้านเซิน

ทว่าสายตาของจ้านเซินมองตามรถคันนี้ของตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่ได้มองถังย่าแม้แต่น้อย

ฉินซีรู้สึกว่าเขาถอนสายตากลับไปในตอนที่สายตาของเขาได้สบเข้ากับตัวเองในกระจก

ความรู้สึกที่ฉินซีมีต่อจ้านเซินนั้นบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

นิสัยใจคอรอบตัวของจ้านเซินแข็งเกินไป บวกกับรูปร่างหน้าตาของเขา มองดูแล้วไม่เหมือนกับคนของบริษัทพีอาร์ แต่เหมือนกับ……..ผู้นำในองค์กรอะไรสักอย่างยิ่งกว่า

ฉินซีถูกความคิดของตัวเองทำให้รู้สึกขบขันจนอยากจะหัวเราะ ตอนที่หันหน้ากลับไปมอง อาคารเก่าแก่หลังนั้นก็หายไปจากครรลองตาเสียแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท