Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1088

ตอนที่ 1088

บทที่ 1088 เก็บเป็นความลับ

หลินหยังรู้สึกงงงวยจริงๆในครั้งนี้

“ความขัดแย้งหรอ” เขาขมวดคิ้ว และคิดอย่างรอบคอบ แต่เขาก็ไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติ

“ตามที่อู๋ชิงพูด คนของโม่ถิงเซินถูกเรียกโดยมู่วี่สิง” ลู่เซิ่นพูดอย่างสบายๆ “นายคิดว่าทำไมเขาถึงต้องเรียกโม่ถิงเซินมา”

หลินหยังครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที แล้วพูดอย่างไม่แน่ใจ “อาจเป็นเพราะ…มู่วี่สิงเห็นแก่หน้าของเวินจิ้ง จึงไม่อยากลงมือ”

ทันทีที่พูด หลินหยังก็ส่ายหัวกับคำพูดของตัวเอง “ไม่ใช่ ตามคำพูดของอู๋ชิง สุดท้ายแล้วมู่วี่สิงก็เป็นคนลั่นไกอยู่ดี”

ลู่เซิ่นเหลือบมองเขา “พูดต่อ”

หลินหยังลดสายตาลง และคิดสักสองสามวิ “หรือเพราะว่า… มู่วี่สิงไม่แน่ใจว่าเขาจะจัดการหลินยี่ได้หรือไม่ เขาจึงเรียกคนมา”

“แต่อู๋ชิงบอกว่า มู่วี่สิงพูดเยอะมาก เพื่อถ่วงเลื่อนเวลาออกไป ในที่สุดเมื่อโม่ถิงเซินรอไม่ไหว และเตรียมจะยิง มู่วี่สิงถึงชิงยิงไป” ลู่เซิ่นพูดช้าๆ “ดูเหมือนว่ามู่วี่สิงไม่ได้ตั้งใจที่จะให้โม่ถิงเซินทำอะไรเลย แถมยังต้องการหยุดเขาอีกด้วย”

“แต่ … มู่วี่สิงก็ยังคงยิงอยู่” หลินหยังงงงวย “ถ้าเขาต้องการหยุด เขาไม่ยิงก็จบแล้วไม่ใช่หรอ”

ลู่เซิ่นส่ายหน้า “มันไม่ง่ายอย่างนั้น นายว่าทำไมจุดที่หลินยี่โดนยิงถึงไม่อันตรายถึงชีวิตล่ะ”

หลินหยังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “วันนั้นลมดูเหมือนจะแรงมาก หรือว่า…. ลมอาจจะพัดจนทำให้ผิดจุด”

พูดออกมา เขาก็รู้สึกว่ามันน่าขัน

รอยยิ้มฉายไปทั่วใบหน้าของลู่เซิ่น พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ “คนที่เกิดออกมาจากตระกูลใหญ่อย่างตระกูลมู่ จะได้รับการฝึกการป้องกันตัวอย่างเข้มงวด ตระกูลลู่ของเราก็ส่งคนไปที่กองทัพเมื่อถึงวัยอันควรเช่นกัน ตระกูลมู่ก็ต้องมีวิธีการของตัวเอง มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพลาดพลั้ง จนเล็งไม่ถูกจุดตายของหลินยี่เลย”

หลินหยังยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย “แต่…ทำไมมู่วี่สิงถึงหยุดโม่ถิงเซิน”

ลู่เซิ่นหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง “บางทีอาจเป็นเพราะโม่ถิงเซินไม่ได้ถูกเรียกโดยมู่วี่สิง การปรากฏตัวของโม่ถิงเซินทำให้แผนของมู่วี่สิงขัดข้องไป ดังนั้นเขาจึงต้องเปลี่ยนแผน”

“แผน” หลินหยังจับประเด็นสำคัญได้อย่างแม่นยำ “คุณหมายความว่า มู่วี่สิงนัดหมายกับหลินยี่ จริงๆแล้วเขามีแผนอื่นหรอ”

ลู่เซิ่นไม่พูดไปครู่หนึ่ง จนเมื่อเห็นประตูของรีสอร์ทชิงหยวนใกล้เข้ามา เขาก็ค่อยๆพูด

“ฉันสงสัยว่าหลินยี่ และมู่วี่สิงได้ตกลงอะไรบางอย่างก่อนหน้านี้กัน แต่การปรากฏตัวของโม่ถิงเซินนั้นทำให้ข้อตกลงผิดพลาด” ลู่เซิ่นพูด “มู่วี่สิงรีบยิงเพื่อปกป้องหลินยี่”

“อย่างนี้นี่เอง…. ” หลินหยังดูประหลาดใจ

แต่ลู่เซิ่นส่ายหัวเบาๆ “นี่เป็นเพียงข้อสังเกตของฉัน เพื่อให้แน่ใจ คงต้องรอให้คนที่เป็นอัมพาตไม่ยอมตื่นบนเตียงตื่นขึ้นมาพูดเอง”

หลินหยังยิ้มเบาๆ เพราะคำอธิบายของเขา

รถค่อยๆหยุดลงที่ประตูใหญ่ คนขับรถเปิดประตูให้ลู่เซิ่นออกจากรถ

ลู่เซิ่นก้าวเบาๆ และเปิดประตูห้องนอน

ห้องนอนมืด และเงียบสงัด มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของฉินซี

หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมานานกว่าหนึ่งปี ลู่เซิ่นก็สามารถเข้าใจได้ชัดเจนเกี่ยวกับจังหวะการหายใจของฉินซี เมื่อเธอหลับไปเป็นยังไง และเมื่อเธอตื่นเป็นยังไง

ดังนั้นเมื่อวานนี้ โดยไม่ต้องเปิดไฟ หรือแม้แต่เห็นตัวฉินซีว่าทำอะไรอยู่ เขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้หลับ

ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าฉินซีไม่ได้หลับเมื่อเขาออกมาจากห้องอาบน้ำเมื่อวานนี้

จนกระทั่งหลังจากปิดไฟ และนอนลง ฉินซีก็นอนหันหลังให้กับเขา และไม่หลับตลอดทั้งคืน เรื่องนี้เขาก็รู้ดี

แต่เขาไม่ได้บอกให้ฉินซีรู้ เขารีบหลับตาและแสร้งทำเป็นว่าเขาหลับแทน

เพราะ …เขาไม่รู้ว่าจะคุยกับฉินซี เกี่ยวกับหลินยี่อย่างไร

แค่อธิบายเหตุ และผลก็โอเค แต่ถ้าพูดถึงเวินจิ้ง … ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้ยังไง

เขารู้ดีว่าหลินยี่หมายถึงอะไร

เมื่อเขาบอกว่าให้ตนไปรับเวินจิ้ง ก็หมายความว่าเขาไว้ใจฝากเวินจิ้งไว้กับตนเอง

เขาย้ำอยู่เสมอว่าเวินจิ้งไม่สามารถแต่งงานกับตระกูลมู่ได้ และยังบอกกับตัวเองว่าถ้าจะแต่งกับตระกูลลู่นั้นไม่มีปัญหา

ทำไมเขาจะดูไม่ออก

แต่เป็นเพราะมันเห็นได้อย่างชัดเจน เขาถึงไม่อยากรับปาก

ถ้าเขารับปาก แล้วฉินซีรู้เข้า เธอจะคิดยังไง

แต่ถ้าไม่รับปากล่ะ

ตนไม่รับปากได้ไหม

ลู่เซิ่นลดสายตาลง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน

เขาไม่เคยบอกหลินหยัง เกี่ยวกับหมายเลขความปลอดภัยโดยละเอียดมาก่อน แม้ว่าหลินหยังอาจจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พัวพันภายใน

หลังจากที่หลินยี่สละชีวิตเพื่อช่วยลู่เซิ่น เขาก็อยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลาหลายเดือน ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก

พ่อแม่ของลู่เซิ่นถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย สูหยิงไปเกณฑ์ทหารก็สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จนได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทัพมากมาย และสูหยิงก็สั่งให้คนใต้บัญชา หาเทคโนโลยีชั้นสูงจากทั่วโลกมารักษาหลินยี่

ลู่เซิ่นก็ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเดียวกัน สูหยิงกลัวผลข้างเคียงภายหลัง จึงบังคับให้เขาอยู่ต่อในโรงพยาบาลจนกว่าแพทย์จะแนะนำให้เขาออกจากโรงพยาบาล นอกจากนี้เธอยังนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดของเธอไป และขอให้เขามีสมาธิในการพักผ่อน

อาการบาดเจ็บของลู่เซิ่นไม่ร้ายแรง และเขาสามารถเดินได้อย่างอิสระ ไม่นานเด็กชายที่รู้ตัวว่าเขามีสุขภาพที่ดีแต่ถูกกักขังอยู่ในโรงพยาบาลที่ไม่มีความบันเทิง ก็ทำได้แค่วิ่งไปเล่นที่ห้องของหลินยี่ทุกวัน

ตอนแรกหลินยี่อาศัยอยู่ในห้องไอซียู และลู่เซิ่นทำได้เพียงมองเขาผ่านกระจก ต่อมาเมื่อเขาดีขึ้น ลู่เซิ่นก็มีโอกาสมาหาเขา

สูหยิงไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมการวิ่งไปทั่วของเขา ทุกครั้งที่เห็น เธอจะดุลู่เซิ่นเสมอ ลู่เซิ่นขี้เกียจฟังคำบ่นของเธอ จึงหลีกเลี่ยงเธอให้มากที่สุด

แต่ในวันนั้น เขาแอบเข้าไปในวอร์ดของหลินยี่ และเขายังมาอยู่ได้ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงของสูหยิงดังมาจากไม่ใกล้ไม่ไกล

ลู่เซิ่นทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเธอ

เพียงแค่แผงประตูของห้องน้ำที่บางมากกั้น ดังนั้นเขาจึงได้ยินเสียงสนทนาข้างนอกอย่างชัดเจน

“คุณหมายถึง เด็กคนนี้มีบาดแผลจากกระสุนปืนเหรอ” เสียงของสูหยิงต่ำ

หมอตอบมาตรงๆว่า “ใช่มันอยู่ด้านหลัง เดิมทีเขาโดนทรายจากการระเบิดอย่างรุนแรงที่หลังของเขา อวัยวะภายในมีเลือดออกจากแรงกระแทก ดังนั้นทั้งตาเปล่าหรือ CT scan ก็ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ในตอนแรก จนกระทั่งมีการค้นพบระหว่างการผ่าตัดว่าอวัยวะมีเลือดคั่งอยู่”

สูหยิงสูดลมหายใจหลังจากเงียบไปนาน และก็พูดว่า “มีกี่คนที่รู้เรื่องนี้”

หมอนิ่งไปสักครู่หนึ่ง “ผมเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ในระหว่างการผ่าตัด และในนั้นยังมีผู้ช่วยหนึ่งคน และพยาบาลสามคนที่รู้เรื่อง”

“โอเค” สูหยิงพูดเร็วขึ้น “ขอโทษนะ รบกวนบอกคนเหล่าด้วยว่าต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้ …”

เธอหยุดไป และหมอก็รีบพูดทันที “ไม่! เราจะเก็บความลับไว้อย่างแน่นอน”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท