Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1091

ตอนที่ 1091

บทที่ 1091 ไร้สิ้นหนทางที่จะอยู่ต่อ

ในเสี้ยววินาทีนั้น ลู่เซิ่นรู้สึกคล้ายกับว่าหัวใจถูกเข็มทิ่มแทงลงมา

ท่าทางที่พยายามยิ้มน้อยๆของฉินซีนั้นดูแล้วเศร้าอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าดูละครโศกนาฏกรรมเรื่องหนึ่ง แต่ก็ยังจำเป็นต้องยิ้มครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้เกิดบทสุดท้าย

เธอไม่ควรเป็นแบบนี้

แต่เธอกลับกลายเป็นแบบนี้

แต่ว่าเขาไร้สิ้นหนทางที่จะอยู่ต่อ

เขาเพียงแค่ก้าวไปอยู่ข้างกายฉินซี ยื่นมือออกไปโอบกอดเธอเอาไว้แน่น กระซิบเสียงเบาอย่างจริงจังข้างใบหูเธอ “ได้ รอผมกลับมาแล้วพวกเราจะไปท่องเที่ยวด้วยกัน

ทั้งสองคนกอดกันอยู่หลายนาที กระทั่งผู้ดูแลบ้านเก็บกระเป๋าสัมภาระของลู่เซิ่นเรียบร้อยแล้ว ฉินซีรู้สึกคล้ายกับว่าผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วินาที

หลินหยังเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมา ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาสองคนโดยไม่ได้เอ่ยเร่ง

สุดท้ายแล้วฉินซีก็เป็นฝ่ายปล่อยมือออกก่อน “ถึงเวลาแล้วมั้งคะ คุณควรจะไปแล้วใช่ไหม”

ชั่ววินาทีนี้ลู่เซิ่นคิดจะโยนทุกอย่างทิ้ง ไม่สนใจอะไรแล้วอยู่ที่นี่เพื่อกอดฉินซีต่อไป หรือไม่ก็พาเธอจากไปด้วยกัน

แต่สติปัญญาของเขายังคงอยู่เหนือกว่า

เขาค่อยๆปล่อยมือ ถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งอย่างช้าๆ

“ตกลงแล้วนะว่าจะรอผมกลับมา” เขามองสบนัยน์ตาของฉินซี พลางเอ่ยซ้ำอีกรอบหนึ่ง

ฉินซีพยักหน้าตอบ คล้ายกับว่าให้คำสัญญาอะไรสักอย่าง

สุดท้ายแล้วลู่เซิ่นก็มองฉินซีอย่างลึกซึ้งครั้งหนึ่ง และหมุนตัวเข้าไปในนั่งในรถ

ฉินซีไม่ได้ตามออกไปด้วย

เธอยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องรับแขก ฟังเสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นมา และค่อยๆไกลออกไป

เห็นได้ชัดว่าในห้องรับแขกนั้นมีคนน้อยลงไปเพียงแค่คนเดียว แต่เธอกลับไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกว่าทั้งตัวบ้านโล่งแปลกๆ

“คุณผู้หญิง……..” ผู้ดูแลบ้านดูเหมือนว่าจะมองต่อไปไม่ไหว จึงเป็นฝ่ายเดินไปถึงข้างกายฉินซี เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “อาหารทำเสร็จแล้ว ทานอาหารก่อนเถอะครับ”

ฉินซีหันหน้าไปมองรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่ประดับอยู่บนใบหน้าของเขา ก็ฝืนตัวเองให้พยักหน้า

ที่จริงแล้วเธอไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย แต่ผู้ดูแลบ้านคล้ายกับว่ามองออกถึงความไม่ยินยอมของเธอ จึงตักอาหารใส่จานให้เธอไม่น้อย ทั้งยังมีน้ำซุปกระดูกหมูอีกชามหนึ่งด้วย “ทานเยอะๆ จึงจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วหน่อยไม่ใช่หรือครับ”

ฉินซีก้มหน้า ไม่พูดอะไร

เพียงแต่ที่จริงแล้วกลยุทธ์การบีบบังคับให้ทานอาหารของผู้ดูแลบ้านก็ได้ผลเช่นกัน อย่างน้อยเมื่อฉินซีทานอาหารมื้อนี้เสร็จแล้ว ในกระเพาะก็อิ่มแน่นจนไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดอะไรมากเกินควรอีก ทำได้เพียงแค่ออกไปเดินเล่นย่อยอาหารด้านนอกเท่านั้น

กระเพาะอยู่ใกล้กับหัวใจ น้ำซุปอุ่นร้อนชามหนึ่งทำให้กระเพาะอบอุ่น ตอนที่กระเพาะไม่ว่างเปล่าแล้ว ในใจก็เหมือนกับอบอุ่นตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน

อากาศด้านนอกดีเป็นอย่างมาก แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาอย่างไม่ตระหนี่ แสงเจิดจ้าจนทำให้ผู้คนลืมตาไม่ขึ้น คนสวนที่อยู่ไกลๆนั้นกำลังรดน้ำให้กับหญ้าบนสนาม ละอองน้ำที่กระจายตัวทำให้สามารถมองเห็นสายรุ้งได้อย่างเลือนราง

แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าสดใสเช่นนี้ คล้ายกับว่าความรู้สึกโศกเศร้าทั้งหมดนั้นไร้ที่หลบซ่อน ล้วนถูกดึงออกมาตากแดดตากลมจนแห้งไปแล้ว

อารมณ์ของฉินซีก็สดใสตามขึ้นมาเช่นกัน

ถ้าจะให้พูดจริงๆแล้ว ลู่เซิ่นก็แค่ไปทำงานนอกสถานที่ครั้งหนึ่งเท่านั้นเอง

ฉินซีก็บรรยายไม่ถูกเช่นกันว่า ความรู้สึกเศร้าโศกของตัวเองนั้นมาจากที่ไหน

สาเหตุคล้ายกับว่า ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันดีๆมานานแล้ว ในตอนนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับการห่างกัน จึงทำให้รู้สึกวิตกกังวลและไม่สบายใจเป็นพิเศษ

สำหรับลางสังหรณ์ไม่สบายใจที่อยู่ในใจอย่างเลือนรางนั้น เธอปัดความผิดทั้งหมดให้กับสาเหตุนี้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็คล้ายกับว่าไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร

ฉินซีเดินไปรอบหนึ่ง จนความรู้สึกโศกเศร้าในใจที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อได้รับรู้ว่าลู่เซิ่นต้องไปทำงานนอกสถานที่หายไปแล้ว ถึงได้กลับไปยังห้องนอน

เธอยังมีโปรเจคของตัวเองที่ต้องทำให้สำเร็จ

บางทีตอนที่ลู่เซิ่นกลับมานั้น ไม่เพียงแต่มือซ้ายของเธอที่จะหายดีแล้ว นิทรรศการภาพถ่ายก็เตรียมไปได้ไม่น้อยแล้วเช่นกัน

……

แต่การทำงานในช่วงบ่ายของฉินซีดำเนินไปได้ไม่นานนัก

เพราะจู่ๆถังย่าโทรมาหาเธอตอนบ่ายสองโมงสิบห้านาที

“คุณฉิน” น้ำเสียงของถังย่ายังคงสุภาพเช่นเคย “ก่อนหน้านี้ดิฉันเคยบอกกับคุณว่า ดิฉันไม่มีประสบการณ์ช่วยจัดนิทรรศการภาพถ่ายมาก่อน ดังนั้นดิฉันจึงได้ติดต่อคนที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ในบริษัทคนหนึ่งให้มาเข้าร่วมในเรื่องนี้ด้วย จึงอยากจะสอบถามความเห็นของคุณหน่อยค่ะ”

ฉินซีคิ้วขมวดเล็กน้อย “ก็คืออยากจะเพิ่มคนเข้ามาในทีมงานใช่ไหมคะ”

ถังย่าพยักหน้า “ใช่ค่ะ แต่ว่าในทีมยังคงมีดิฉันเป็นผู้นำ คนคนนี้ก็มีประสบการณ์มากเช่นกัน ดังนั้นดิฉันจึงให้เขามาเข้าร่วมทีมด้วย ถ้าหากว่าคุณไม่วางใจ ดิฉันสามารถจัดการให้พวกคุณได้พบหน้ากันอย่างรวดเร็ว ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกในเวลาใดคะ”

ฉินซีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “บ่ายวันนี้ก็ได้ค่ะ”

แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ฝ่ายประชาสัมพันธ์มืออาชีพ แต่เธอก็รู้เช่นกันว่านิทรรศการที่วางแผนจะทำด้วยตัวเองนั้น การนัดหมายสถานที่อย่างหอศิลป์ การโฆษณาเพื่อให้มีชื่อเสียงในระยะแรกนั้น ยิ่งเริ่มแต่เนิ่นๆยิ่งดี

ดังนั้นอาศัยช่วงบ่ายที่ไม่ได้ถ่ายภาพ ไปพบหน้าได้ก็รีบไป

“ได้ค่ะ” ทางฝั่งถังย่านั้น เงียบชะงักไปสองสามวินาที “อย่างนั้นบ่ายสามโมงครึ่ง พวกเราจะไปพบคุณที่บ้าน ได้ไหมคะ”

“ได้” ฉินซีพยักหน้า แต่จู่ๆก็เกิดความรู้สึกลังเลอยู่ชั่วครู่ “สถานที่…..นัดที่บริษัทของพวกคุณเถอะ ฉันยังไม่เคยไปบริษัทของพวกคุณเลย”

ถังย่านั้นเหมือนกับหุ่นยนต์จริงๆ การที่ฉินซีเปลี่ยนความคิดอย่างกะทันหันนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรต่ออารมณ์ความรู้สึกของเธอ “ได้ค่ะ ดิฉันจะส่งที่อยู่ไปให้คุณ คุณจะมาถึงในตอนบ่ายสามโมงครึ่ง ถูกต้องไหมคะ”

ฉินซีพยักหน้า “ถูกต้องค่ะ”

“อย่างนั้นตอนบ่ายสามโมงครึ่ง ดิฉันจะรอคุณอยู่ที่หน้าประตูบริษัทค่ะ” ถังย่ารับคำ

เมื่อวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว ฉินซีก็ลุกขึ้นยืน

ที่อยู่ที่ถังย่าส่งมานั้นไม่ถือว่าใกล้กับรีสอร์ทชิงหยวน ถ้าหากว่าต้องการไปถึงตรงเวลา ตอนนี้เธอต้องเตรียมตัวออกเดินทางแล้ว

สาเหตุที่เปลี่ยนความคิดไปบริษัทของถังย่า ที่บอกว่าไม่เคยไปก็เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักๆ

สาเหตุหลักๆก็คือ……. ถังย่าเป็นคนที่ลู่เซิ่นให้ความไว้วางใจ ดังนั้นก่อนหน้านี้ที่ถังย่ามาหาที่รีสอร์ทชิงหยวนโดยตรง ฉินซีจึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสม

แต่เมื่อมีคนอื่น อย่างไรก็เป็นถึงคนแปลกหน้า จะให้มาที่บ้านโดยตรง ฉินซีก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมอยู่บ้าง

นอกจากนี้แล้ว เมื่อพิจารณาถึงข่าวคราวความวุ่นวายในระยะนี้ของตระกูลฉินที่ค่อยๆหยุดลงแล้ว ฉินซีจึงไม่ต้องกังวลว่า ถ้าออกไปข้างนอกแล้วจะถูกเหล่านักข่าวล้อมเอาไว้ ดังนั้นจึงอยากจะหาโอกาสออกไปข้างนอกเช่นเดียวกัน

ถึงอย่างไรก็อุดอู้อยู่ในบ้านมาหลายวันแล้ว แม้ว่าเดิมเธอจะไม่ได้มีนิสัยชอบออกจากบ้าน แต่ก็รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยเช่นกัน

ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าที่เหมาะสมจากตู้เสื้อผ้ามาสองสามชิ้น แต่งหน้าง่ายๆ และลงไปที่ชั้นล่าง

“คุณจะออกไปข้างนอกหรือครับ” ผู้ดูแลบ้านเห็นเธอแต่งตัวจะออกไปข้างนอก ก็รู้สึกตะลึงอยู่บ้าง

ถึงอย่างไรฉินซีก็พักอยู่ในบ้านมานานมากแล้ว

แรกเริ่มเขาไม่เข้าใจอยู่บ้าง คิดว่าฉินซีไม่ออกไปข้างนอกเพราะอารมณ์ไม่ดีกับเรื่องของตระกูลฉิน จึงแนะนำเธอให้เธอออกไปผ่อนคลายอารมณ์ข้างนอกอยู่หลายครั้ง

ฉินซีหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก เพียงแต่พูดอธิบายให้เขาเข้าใจว่า ตอนนี้ตัวเองออกไป เกรงว่าจะถูกอุปกรณ์ต่างๆของนักข่าวล้อมเอาไว้ ขยับตัวนิด ขยับตัวหน่อยก็ถูกคนจ้องจะถ่ายรูป เขาถึงได้ไม่เอ่ยแนะนำอะไรอีก

แต่ก็เปลี่ยนเป็นกังวลใจในอีกเรื่องหนึ่งแทน ฉินซีคงจะไม่ถูกแอบถ่ายตอนอยู่ในบ้านหรอกนะ

ดังนั้นจึงมีการเพิ่มจำนวนพนักงานรักษาความปลอดภัยรอบด้านรีสอร์ทชิงหยวนอีกชั้นหนึ่ง รับรองได้เลยว่าแม้จะเป็นการถ่ายรูปจากดาวเทียมที่อยู่นอกโลก ก็ไม่สามารถหาร่องรอยของฉินซีได้

ฉินซีนั้นได้รับการปกป้องรอบด้านอย่างระมัดระวังแบบนี้น้อยมาก แรกเริ่มจึงทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง ในภายหลังจึงค่อยๆปรับตัวได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท