Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1113

ตอนที่ 1113

บทที่ 1113 ซับซ้อน

ฉินซีเพิ่งจะโล่งใจที่เธออุตส่าห์แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครเข้ามาซ่อนตัวอยู่ภายในห้องนี้

แต่มันไม่ใช่แบบนั้น!

เธอหยุดเดินแทบจะทันที ก่อนจะหันหลังเดินกลับและเดินไปที่ประตู มือสาละวนกดหมายเลขพ่อบ้านบนโทรศัพท์

เสียงของพ่อบ้านแปลกใจเล็กน้อยเมื่อรับโทรศัพท์ “คุณผู้หญิง?”

เขาถึงกับยกมือขึ้นเพื่อดูเวลาบนนาฬิกา

คุณฉินซีขึ้นไปข้างบนเมื่อไม่กี่นาที เธอคงไม่ตื่นเร็วขนาดนี้ หรือว่าเปลี่ยนใจจะลงมาทานอาหาร?

ทว่าน้ำเสียงของเธอดูจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ไปเรียกบอดี้การ์ดสามคนให้ขึ้นมาข้างบน ฉันจะรออยู่หน้าห้องมืด”

สีหน้าของพ่อบ้านดูตึงเครียดขึ้นมาทันที

เรียกยาม? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?

เขาไม่กล้าที่จะชักช้า รีบเรียกบอดี้การ์ดสามคนให้รีบขึ้นไปชั้นบนตามคำสั่งของฉินซีทันที

ฉินซียังคงยืนอยู่ที่ประตูห้องด้วยสีหน้ามืดมน

เธอเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสี่ที่วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบด้วยอาการหอบเหนื่อย เธอชี้ไปที่ห้องมืดก่อนพูด “มีคนเข้ามาที่นี่”

บอดี้การ์ดไม่รู้สถานการณ์จริงๆว่าเป็นอย่างไร จึงได้แต่ทำสีหน้างุนงง สีหน้าของพ่อบ้านจึงเปลี่ยนไปแทบจะทันที “เป็นไปไม่ได้ พวกคนงานถ้าไม่ได้รับอนุญาตไม่มีทางที่จะขึ้นมาบนนี้ได้แน่ครับ”

ฉินซีพยักหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันรู้ ตอนนี้ฉันแค่สงสัยว่าคงไม่ใช่คนงาน แต่คงเป็นคนอื่น”

สิ้นคำของฉินซี สีหน้าของบรรดาเหล่าบอดี้การ์ดจึงเปลี่ยนทันที

ความหมายของฉินซีคือ… …มีคนนอกบุกรุกเข้ามา?

ระบบรักษาความปลอดภัยของรีสอร์ทชิงหยวนอยู่ในระดับที่เรียกว่าเข้มงวด เพราะว่าลู่เซิ่นไม่ชอบให้นักท่องเที่ยวได้ป้วนเปี้ยนด้วย และเพื่อที่จะปกป้องทรัพย์สินของที่นี่ ทุกปีเขาจึงจ่ายเงินหลายร้อยล้านหยวนกับระบบรักษาความปลอดภัยระดับนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนจะเข้ามาได้ แม้แต่ยุงสักตัวก็ยากที่จะบินเข้ามา แล้วแบบนี้ใครมันจะกล้าแอบเข้ามา?

พ่อบ้านขมวดคิ้วมุ่น “คุณผู้หญิง ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคุณนะครับ แต่ระบบรักษาความปลอดภัยมันไม่มีทางมีช่องโหว่ให้คนนอกแอบเข้ามาแน่นอน มันจะเป็นไปได้ยังไงกันครับ?”

ฉินซีถอนหายใจ ชี้มือไปยังห้องนั้น และพูด“ฉันนึกอะไรบางอย่างออก ก็เลยจะไปห้องนั้นสักหน่อย แต่พอจับโดนลูกบิด ฉันรู้สึกว่ามันอุ่น เหมือนมีใครเพิ่งเข้ามาก่อนหน้านี้ หลังจากฉันเข้าไปดู ก็เห็นว่าโน้ตบุ๊กของฉันมันถูกวางไว้ตรงขยะกองนั้น แต่ฉันไม่ได้เป็นคนเอามาวางไว้แน่นอน”

ใบหน้าของทั้งสี่คนค่อยๆขรึมลงตามคำพูดอธิบายเหตุการณ์ฉินซี

พ่อบ้านตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ก่อนหันไปสั่งการบอดี้การ์ดทันทีว่า “ตอนนี้คุณรีบกลับไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้ดีก่อน แล้วเรียกคนมาค้นหาทุกซอกทุกมุมของที่นี่ ส่วนคุณ หาสองคนที่มีประวัติการสืบสวนคดีอาชญากรรมมาตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียดอีกครั้ง และคุณคอยคุ้มกันคุณผู้หญิงเอาไว้”

บอดี้การ์ดแยกย้ายกันไปตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย พ่อบ้านมีบางอย่างจะต้องไปกำชับเหล่าคนงาน เขาจึงขอตัวลงไปชั้นล่างชั่วคราว

เมื่อมีบอดี้การ์ดตามประกบ เธอก็ไม่สะดวกที่จะเข้าไปพักผ่อนในห้อง เลยเปลี่ยนไปห้องหนังสือแทน

เธอมาที่นี่ไม่บ่อยนัก แต่คนรับใช้ยังคงมาทำความสะอาดทุกวัน ทั้งโต๊ะและเก้าอี้จึงเป็นระเบียบเรียบร้อย

เธอสั่งให้บอดี้การ์ดทำตัวสบาย ๆ ก่อนตัวเองจะหาโซฟาแล้วนั่งลงเอนกาย ในที่สุดก็มีเวลาว่างที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

เวลานี้แล้ว ลู่เซิ่น จะนอนหรือยังนะ?

ฉินซีถูกเรื่องที่มีคนแอบบุกรุกมารบกวน อารมณ์ดีๆก็หายไปเช่นกัน เธอหยิบโทรศัพท์ก่อนจะคิดสักพักนึง ก่อนจะพิมพ์ไปหาลู่เซิ่นง่ายๆว่า “รถติดมาก กำลังกลับจากชิงหยวน ไปหาอะไรกินก่อนนะ ฉันหิวมาก คุณพักผ่อนเถอะ ตื่นแล้วโทรมาด้วย”

ไม่นานหลังจากกดส่งข้อความไป ไม่คิดว่าลู่เซิ่นจะตอบกลับมาทันที “โอเค คุณรีบไปกินข้าวเถอะ ผมมีข่าวดีจะบอกคุณ พรุ่งนี้ค่อยพูดแล้วกัน”

ฉินซีมองไปยังคำว่า ข่าวดี พลันภายในใจกลับเบาหวิวขึ้นมา

ลู่เซิ่นจะบอกข่าวดีอะไรกับเธอกันนะ?

หรือว่า ในที่สุดเขาตัดสินใจที่จะสารภาพ

ฉินซีพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาอารมณ์ให้มั่นคง แต่ปลายนิ้วที่สั่นกำลังฟ้องว่าทำไม่ได้

สุดท้ายเธอเลยเลือกที่จะตอบไปอย่างสั้นๆง่ายๆว่า “โอเค”

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบกลับ คงจะเข้านอนไปแล้ว

ฉินซีหลับตาลง ก่อนเผยรอยยิ้มออกมา

หรือนี่จะเป็น อา ที่เรียกว่า ทุกขลาภ ของเธอ? นอกจากเรื่องนี้แล้ว เพื่อที่จะให้ลู่เซิ่นสารภาพกับเธอช้ากว่านี้สักหน่อย เพื่อที่จะไม่ให้เธอต้องเผชิญกับความจริงที่โหดร้ายแค่เพียงหนึ่งคืน

ฉินซีดื่มด่ำกับอารมณ์ของตัวเองได้ไม่นานนัก เมื่อสิบนาทีต่อมา พ่อบ้านเข้ามาเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามา

“ตรวจตรากล้องทุกตัวภายในบ้านหมดแล้วครับ” พ่อบ้านอยู่ในโหมดที่ดูใจดีแต่แฝงด้วยความ “บอดี้การ์ดได้ค้นหาทุกซอกทุกมุมของบ้านเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่พบร่องรอยของบุคคลภายนอกเลยครับ”

ฉินซีคลายปมคิ้วที่ขมวดมุ่น หัวใจของเธอพลันเต้นสงบลง

ดูเหมือนคนที่แอบเข้ามาจะไม่ได้อยู่ในบ้านแล้ว

“บอดี้การ์ดตรวจสอบห้องมืดแล้วไม่มีรอยนิ้วมือของคนอื่นบนลูกบิดประตู แต่ … มีรอยรองเท้าครึ่งหนึ่งในห้อง”สีหน้าของพ่อบ้านดูเคร่งเครียดขึ้น “เราตรวจสอบแล้วลายรองเท้านี้ไม่ได้เป็นของคนในนี้ มีคนเข้ามาที่นี่จริงๆ”

กล้องวงจรปิดจับไม่ได้ แถมบอดี้การ์ดก็ยังตรวจสอบไม่พบ จริงๆแล้ว จะเป็นใครกัน

วันนี้แอบเข้ามาที่นี่โดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้ ครั้งต่อไปก็คงมาอีก เหมือนระเบิดฝังดิน ที่ไม่รู้จะระเบิดตอนไหน

ที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่เข้ามามีจุดประสงค์อะไร

พวกเขาตรวจสอบภายในบ้านอย่างละเอียด นอกเหนือจากห้องมืดนั้น ก็ไม่มีร่องรอยที่ผิดปกติปรากฏ และไม่มีทรัพย์สินตรงไหนหายไปด้วย ของสะสมที่มีค่าที่สุดของลู่เซิ่นถูกเก็บไว้ในตู้เซฟของธนาคาร แต่พวกของประดับที่วางไว้ตามทางเดินก็มีค่าไม่น้อยเหมือนกัน ถ้า ถ้าจะมาเพื่อขโมยของมีค่าของลู่เซิ่นละก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หยิบอะไรออกไป

แต่ดูเหมือนว่า คนที่แอบเข้ามาก็เพื่อที่จะเข้าไปวางโน้ตบุ๊กของฉินซีไว้ที่ห้องมืด ก็แค่นั้น

แล้วเพื่ออะไร?

ทั้งพ่อบ้านหรือบอดี้การ์ดของเธอต่างก็ไม่เข้าใจกันทั้งนั้น

แม้ว่าโน้ตบุ๊กจะกลายเป็นเบาะแสที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ แต่มันก็เป็นสมบัติส่วนตัวของฉินซี พวกเขาไม่กล้าที่จะไปจับมั่วๆทำได้แค่ส่งไปให้เธอเท่านั้น

พ่อบ้านของเธอหันมาหา ก่อนพูด “ดูเหมือนคนที่แอบเข้ามาก็เพื่อโน้ตบุ๊กของคุณผู้หญิงนะครับ พวกเราไม่กล้าทำอะไร ดังนั้นก็เลยนำมาให้คุณตรวจสอบด้วยตัวเอง มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน เราตรวจสอบให้หมดแล้ว ไม่พบเบาะแสอะไร คุณผู้หญิงวางใจได้ว่าจะไม่ทำลายหลักฐานใดใด”

หลังจากที่ฉินซีได้ยินรายงานของพ่อบ้าน พลันเธอก็มีลางสังหรณ์ขึ้นมาในใจ

… …คนที่แอบเข้ามา ดูเหมือนจงใจจะวางโน้ตบุ๊กไว้ในที่ๆเธอสามารถมองเห็น

ในนั้นมีอะไรที่ซ่อนไว้กันแน่

ฉินซีขมวดคิ้ว ก่อนจะเลื่อนมือขยับทัชแพด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท