Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1095

ตอนที่ 1095

บทที่ 1095 เขาจะไม่ลองแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้จากหนึ่งในหมื่น

ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบโทรศัพท์มือถือของลู่เซิ่นไม่มีใครรับสาย

โอนสายไปยังโทรศัพท์ของหลินหยังก็ยังไม่มีใครรับเช่นกัน

ฉินซีรู้ว่า คำนวณจากเวลาดูแล้ว พวกเขาน่าจะยังอยู่บนเครื่องบิน คราวนี้ไม่แน่ว่าอาจจะพักผ่อนอยู่

โทรศัพท์ไม่ติดก็เป็นเรื่องปกติ

เธอพูดกับตัวเอง

แต่วิธีการพูดแบบนี้ไม่สามารถปลอบประโลมเธอได้

เธอวางโทรศัพท์มือถือลง จ้องมองอีเมลฉบับนั้นในหน้าจอแสดงผลอยู่ชั่วครู่ จู่ๆก็เปิดคลิปเสียงนั้นขึ้นมาฟังอีกครั้งอย่างเด็ดเดี่ยว

เสียงของลู่เซิ่นลอยออกมาจากในคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

“ได้ ฉันรับปากนาย ฉันจะถามเธอว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะแต่งให้กับฉัน”

“นายถามดีๆล่ะ อย่างไรก็เป็นถึงการขอแต่งงาน ยังคงต้องเป็นทางการสักหน่อย”

“หลังจากนั้นล่ะ ต้องจัดการแต่งงานหรือเปล่า”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว น้องสาวของฉันจะแต่งงาน จะไม่มีพิธีการได้หรือ อย่าคิดว่าแค่ไปจดทะเบียนสมรสแล้วจะจบ”

“รอนายกลับไปรับเธอมาแล้วค่อยคุยกัน”

ลู่เซิ่นพูดทั้งหมดสามประโยค เหมือนกับตะปูที่ทิ่มแทงเข้ามาในใจของฉินซี

ถ้าหากว่าพวกนี้……เป็นสิ่งที่ลู่เซิ่นพูดจริงๆ

อย่างนั้นก็เสียดสีกันมากเกินไปแล้ว

เธอกับลู่เซิ่น ไม่ใช่แค่จดทะเบียนสมรสกันก็ถือว่าแต่งงานแล้วหรอกหรือ

ไม่มีงานแต่งงาน ไม่มีการไปฮันนีมูน ไม่มีสิ่งใดๆที่เป็นของสามีภรรยา

เพียงแต่ว่าตอนนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็กระอักกระอ่วน ไม่มีสิ่งเหล่านี้ สมองของฉินซีสามารถยอมรับได้ แต่ในใจกลับไม่

แต่ว่าเธอกลับใจเย็นลงภายใต้ความสะเทือนใจนี้

นอกจากติดต่อลู่เซิ่นแล้ว เธอยังมีเรื่องอีกมากมายที่สามารถทำได้

ใครคือคนที่ส่งอีเมลมากัน

อีเมลของเธอติดตั้งระบบสกัดกั้นเอาไว้ อีเมลทั่วไปนั้นส่งเข้ามาได้ยากมาก ใครกันที่สามารถรอดพ้นการสกัดกั้นแบบนี้ได้ และใช้วิธีการส่งอีเมลโดยไม่ระบุชื่อเข้ามากัน

จะว่าไปแล้ว ตอนที่เธอกับลู่เซิ่นแต่งงานกันก็ไม่ได้บอกกับทุกคน แม้ว่าจะมีคนรับรู้ แต่ก็เป็นตอนที่พวกเขาหย่ากัน ท่าทางของสูหยิงนั้นแทบจะอดรนทนไม่ได้อยากให้ทั้งโลกได้รับรู้ว่าลู่เซิ่นโสดแล้ว ควรจะรู้ว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์สมรสกันแล้ว

ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ การส่งอีเมลนี้มาให้เธอมีวัตถุประสงค์อะไร

ไม่สมเหตุสมผล

แต่ถ้าหากรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เซิ่น…….

ตอนนี้พวกเขารักษาความสัมพันธ์เบาบางที่ใกล้เคียงกับคนรักเอาไว้ คนที่รู้มีน้อยมาก ฉินซีสามารถใช้มือมือหนึ่งนับได้

อานหยัน จ้าวจิ้ง และยังมี……. ถังย่า

ฉินซีหรี่ตาลงเล็กน้อย และก็คิดถึงจ้านเซินที่มีอากัปกิริยาแปลกๆที่ได้พบเจอในวันนี้

หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับถังย่า

แต่พยายามที่จะส่งอีเมลให้กับเธอมากขนาดนี้ เพื่อที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นหรือ

เรื่องแบบนี้ฉินซีคิดไปคิดมาแล้ว ก็มีเพียงแค่สูหยิงที่จะทำออกมาได้

หรือว่าถังย่าเกี่ยวข้องกับสูหยิง

ฉินซีสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าที่จะตัดสินโทษให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้า ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็โทรศัพท์หาอานหยันดีกว่า

“ฉินซีหรือ” อานหยันรับสายโทรศัพท์ ค่อนแคะเสียงดังโวยวาย “ฉันว่าเธอลืมฉันที่เป็นเพื่อนคนนี้ไปแล้วมั้ง นานขนาดนี้ไม่ติดต่อฉันเลย!”

ฉินซีหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าฉันกลัวคนอื่นจะไปรบกวนเธอหรือ”

แน่นอนว่าอานหยันก็เข้าใจความระมัดระวังตัวของฉินซี นี่เป็นเพียงแค่การพูดล้อเล่นไปอย่างนั้นเอง หยอกล้อเสร็จแล้ว ถึงได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว โทรศัพท์หาฉันมีธุระหรือ”

ฉินซีพยักหน้า “มีคนส่งอีเมลโดยไม่ระบุชื่อให้ฉัน ฉันสามารถตรวจหาสถานะของฝ่ายตรงข้ามได้ไหม”

เสียงของอานหยันจริงจังขึ้นมาในทันที “ส่งอีเมล อีเมลอะไร มีคนข่มขู่เธอหรือ”

ฉินซีรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่ ก็แค่…….”

เธอพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

ไม่รู้ว่าทำไม สัญชาตญาณของเธอไม่หวังให้อานหยันรู้เรื่องนี้

บางทีเป็นเพราะว่าเดิมอานหยันก็เป็นกังวลในเรื่องที่เธอกับลู่เซิ่นอยู่ด้วยกัน ตัวเธอเองยังมีความเชื่อในตัวลู่เซิ่นอยู่หลายส่วน ดังนั้นจึงสามารถรักษาสติเอาไว้โดยไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง และสามารถใจเย็นรอการอธิบายจากลู่เซิ่นที่เป็นเจ้าตัวได้ แต่ถ้าอานหยันได้ยินคลิปเสียงนี้…….เธอจะต้องไม่สอบถามผิดถูกแล้วด่าลู่เซิ่นเลยอย่างแน่นอน

ฉินซีรู้ว่าตอนนี้ความใจเย็นที่ตัวเองรักษาเอาไว้นั้น เดิมก็ฝืนรักษาเอาไว้เท่านั้น ถ้าหากว่าฟังอานหยันวิเคราะห์ดุด่าล่ะก็ คาดว่า……ตัวเองก็ไม่มีทางที่จะใจเย็นได้เช่นกัน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินซีก็กระแอมไอครั้งหนึ่ง สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดออกมา เพียงแต่ตอบอย่างคลุมเครือว่า “เป็นอีเมลรบกวนเท่านั้นเอง ไม่มีประสิทธิภาพในการข่มขู่อะไรหรอก”

“อย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของอานหยันสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามปัญหานี้ต่อไป แต่เปลี่ยนเป็น “เธอส่งอีเมลของเธอมาให้ฉัน ฉันลองดูหน่อย”

ฉินซีรับคำ เพียงแต่อีเมลที่ส่งออกไปนั้นได้ลบคลิปเสียงไปแล้ว

หลังจากนั้นสิบกว่านาที อานหยันก็โทรศัพท์กลับมา

“ขอโทษด้วย” น้ำเสียงของอานหยันหม่นหมองเล็กน้อย “ฉันลองไปหลายวิธีแล้ว แต่ไม่มีวิธีใดเลยที่จะสามารถติดตาม IP ของคนที่ส่งอีเมลมาได้”

ผลลัพธ์แบบนี้ไม่ถือว่าอยู่นอกเหนือการคาดเดาของฉินซี ปลอบเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร ฉันจะคิดหาวิธีอื่นดู”

ทั้งสองพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยค ฉินซีก็วางสายโทรศัพท์ ครุ่นคิดอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ชั่วครู่

ตอนนี้ดูท่า จะหาทางออกจากคนส่งอีเมลนั้นไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแล้ว

เธอก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือของตัวเองครั้งหนึ่ง

วิธีการที่ง่ายดายที่สุดก็คือ โทรศัพท์หาลู่เซิ่น ให้เขาอธิบายให้ชัดเจนด้วยตัวเอง

……..

ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร น่านฟ้าเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ภายในเครื่องบินส่วนตัวของลู่เซิ่น

หลินหยังมองโทรศัพท์ตัวเองที่ฉินซีโทรเข้ามา ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก็ยังไม่รับสาย แต่เดินไปอยู่เบื้องหน้าลู่เซิ่น “ประธานลู่ คุณนาย…..โทรศัพท์มาครับ”

เขามองไปที่โทรศัพท์มือถือของลู่เซิ่นตามจิตใต้สำนึกครั้งหนึ่ง

หน้าจอโทรศัพท์ของลู่เซิ่นไม่ได้ปิด ดังนั้นจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีโทรศัพท์สายหนึ่งที่ไม่ได้รับ

เป็นฉินซีเช่นกัน

หลินหยังแสดงความยินดีกับตัวเองที่ไม่ได้รับสายไป พลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวังไป “หลังจากนี้โทรศัพท์ของคุณนาย……ล้วนไม่รับสายหรือครับ”

ลู่เซิ่นยกมือขึ้นมานวดสันจมูก ตอบเสียงทุ้มว่า “ทางนายไม่ต้องรับ”

ประโยคหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นคุณล่ะครับ” ของหลินหยังนั้นไม่กล้าเอ่ยถามออกมา

ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องในครอบครัวของลู่เซิ่นกับฉินซี เขาสอดมือเข้าไปลำบาก

ดังนั้นจึงทำเพียงแค่พยักหน้า กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง

ลู่เซิ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ดับอัตโนมัติของตัวเอง แล้วหลุบตาลง สีหน้านั้นทำให้คนที่มองเห็นไม่เข้าใจ

สำหรับที่ว่าทำไมเขาถึงไม่รับโทรศัพท์ฉินซี……ก็จำเป็นต้องย้อนกลับไปในช่วงเช้าแล้ว

……

ตอนเช้าที่ลู่เซิ่นออกจากรีสอร์ทชิงหยวน อารมณ์ก็ไม่ดีเท่าไร

เขาเห็นความไม่เข้าใจในนัยน์ตาแวววาวของฉินซี แต่ตอนนั้นเขาไม่มีวิธีที่จะอธิบาย ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่หลุบตาลง

เขารู้ว่า ถ้าหากว่าตัวเองพูดจริงๆ ฉินซีก็ไม่แน่ว่าจะไม่เข้าใจ ไม่แน่ว่าจะเหมือนกับเขาที่รับไม่ได้แล้วต้องจากไปทั้งแบบนั้น

แต่สำหรับฉินซี เขาไม่สามารถเสี่ยงได้

แม้ว่าจะมีความเป็นไปเพียงแค่หนึ่งในหมื่น เขาก็จะไม่ลอง

รออีกสักพัก

เขาพูดในใจ

รอผมอีกสักนิด ผมจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ผมจะต้องไม่ให้คุณได้รับความไม่เป็นธรรมแบบนี้แน่นอน

ความรู้สึกบนใบหน้าของฉินซีนั้นเหมือนกับมีดเล่มหนึ่งปักเขามาในใจของเขา ทำให้ใบหน้าของเขาล้วนอึมครึมลง

คนขับรถและหลินหยังล้วนเข้าใจและรับรู้ได้ จึงไม่เอ่ยพูดอะไรมากมาย ตลอดทางที่มุ่งหน้าไปยังบริษัทลู่ซื่อนั้นเงียบกริบ

เพียงแต่ว่ารถยังไม่ทันจะไปถึงบริษัทลู่ซื่อ ลู่เซิ่นก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท