Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1097

ตอนที่ 1097

บทที่ 1097 ถอยหลังเพื่อก้าวไปข้างหน้า

“ช่วยเวินจิ้งหรือ” ลู่เซิ่นเหลือบตาขึ้นมองหลินยี่ด้วยความสงสัยเล็กน้อย “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเวินจิ้งหรือ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินยี่จางหายไป เอ่ยเสียงขรึมว่า “เวินจิ้งถูกใส่ร้ายให้เข้าคุกไปแล้ว”

ลู่เซิ่นนั้นมึนงงสับสน จ้องมองหลินยี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ถูกใส่ร้ายจนเข้าคุกหรือ”

หลินยี่หันหน้าไปมองลู่เซิ่น “ฉันก็เพิ่งรู้ข่าวเมื่อครู่นี้เช่นกัน”

หลินยี่พูดรวบรัดไม่กี่ประโยค คิ้วของลู่เซิ่นขมวดเป็นปมอย่างช้าๆ

“นายจะบอกว่า……ให้ฉันไปช่วยเวินจิ้งที่ถูกใส่ร้ายจนเข้าคุกหรือ”

หลินยี่พยักหน้า “ถูกต้อง ฉันไม่บังคับให้นายแต่งงานกับเธอ นายเพียงแค่ช่วยเธอออกมาจากที่นั่นได้อย่างปลอดภัยก็พอ”

ลู่เซิ่นหันหน้าไปจ้องหลินยี่ “ทำไมต้องเป็นฉัน ตอนนี้ที่เมืองหนาน ตระกูลมู่พูดจาค่อนข้างมีน้ำหนักมากกว่าฉัน มู่วี่สิงไม่ไปช่วยเธอหรือ”

หลินยี่หัวเราะเยาะ “มู่วี่สิงยุ่งอยู่กับการอยู่กับผู้หญิงคนอื่น มีเวลามาเป็นห่วงเป็นใยน้องสาวฉันที่ไหนกัน”

ลู่เซิ่นยังไม่ทันจะพูดอะไร หลินยี่ก็แย่งพูดต่อว่า “ฉันถอยให้เยอะขนาดนี้แล้ว! กับอีแค่เรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่ง นายยังจะปฏิเสธอีกหรือ”

ลู่เซิ่นหัวเราะเสียงเย็น สายตาที่จ้องไปทางหลินยี่นั้นเย็นยะเยือก “นายก็พูดเสียน่าฟัง ตอนนี้ฉันกลับไปที่เมืองหนาน กระทั่งจะไปพบกับเวินจิ้ง ยังต้องใช้เส้นสายของตาแก่หัวโบราณพวกนั้น ฉันบอกว่าเวินจิ้งกับฉันไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน พวกเขาล้วนไม่เชื่อหรอก ถ้าอยากจะเอาตัวเธอออกมาจากคุกให้เร็วที่สุด ก็มีเพียงแค่การแต่งงานกับเธอ”

มุมปากหลินยี่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ไม่พูดอะไร

ลู่เซิ่นพูดต่อไปว่า “ลูกไม้นี้ของนายดีจริงๆ เป็นการถอยหลังเพื่อก้าวไปข้างหน้า”

หลินยี่ยกมือขึ้นมาเล็กน้อย แสดงท่าทางยอมแพ้ “อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้บีบบังคับให้นายแต่งงานกับเวินจิ้ง นายจะใช้วิธีการไหนก็เป็นเรื่องของนาย”

ลู่เซิ่นกัดฟัน

ถ้าหากไม่ใช่ว่าหลินยี่ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ ถ้าหากพวกเขาสองคนไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาหลายปีขนาดนี้

ตอนนี้เขาแทบจะอดรนทนไม่ได้ที่จะโยนหลินยี่ออกไปจากหน้าต่าง

“ฉันจะคิดหาวิธีดู” ลู่เซิ่นที่เงียบไปนานก็เอ่ยออกมาเสียงแข็ง

หลินยี่ยิ้มเบิกบาน “โอ้ อย่างนั้นนายรับปากว่าจะแต่งงานกับเธอแล้วหรือ”

ลู่เซิ่นถลึงตาใส่เขา โต้กลับอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “ได้ ฉันรับปากนาย ฉันจะไปถามเธอว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะแต่งงานกับฉัน”

หลินยี่รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ลู่เซิ่นพูดออกมานั้นไม่ได้มีความจริงใจ จึงรับมุกล้อเล่นตาม “นายก็ถามดีๆล่ะ อย่างไรก็เป็นถึงการขอแต่งงาน ต้องเป็นทางการสักหน่อย”

ลู่เซิ่นถูกทำให้รู้สึกขบขัน ก็ล้อเล่นด้วยว่า “จากนั้นล่ะ ต้องจัดงานแต่งงานไหม”

หลินยี่มีสีหน้าจริงจัง “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว น้องสาวของฉันจะแต่งงาน จะไม่มีพิธีการได้หรือ อย่าคิดว่าแค่จดทะเบียนสมรสแล้วก็จบล่ะ”

ในที่สุดลู่เซิ่นที่พูดต่อไปไม่ลง ก็เงยหน้ามองฟ้ากลอกตามองบน “รอฉันไปรับเธอกลับมาก่อนค่อยว่ากัน”

หลินยี่ยิ้มอยู่ชั่วครู่ก็หุบยิ้มลง พยักหน้าให้กับลู่เซิ่น เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เวินจิ้งต้องไหว้วานนายแล้ว”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย “จะมีการพิจารณาตัดสินคดีความเมื่อไร”

หลินยี่แทบจะตอบกลับในทันที “สองสามวันนี้แล้ว”

ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก อดไม่ได้ที่จะเสียดสีไปหนึ่งประโยค “นายฟื้นขึ้นมาได้…..เหมาะจริงๆ ถ้าหากว่าช้ากว่านี้อีกนิดหนึ่ง คดีความถูกตัดสินไปแล้วจะทำอย่างไร”

หลินยี่ยิ้ม “นายอย่ามาล้อเล่น แม้ว่าคดีความของเวินจิ้งจะตัดสินเรียบร้อยแล้ว ถ้านายอยากจะเอาเธอออกมา จะต้องลงทุนลงแรงขนาดนั้นที่ไหนกัน”

ลู่เซิ่นลุกขึ้นยืน ไม่พูดไร้สาระกับเขาอีก “ฉันจะรีบไปเมืองหนานในทันที”

หลินยี่พยักหน้า “ดี”

……..

อู๋ชิงและหลินหยังที่อยู่ด้านนอกกำลังตาใหญ่จ้องตาเล็ก

เดิมตอนที่อยู่เมืองหนาน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนั้นเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเยอะมากเพราะความพยายามของหลินหยัง

แต่เมื่อเกิดเรื่องกับหลินยี่ หลังจากที่ลู่เซิ่นกลับมาที่เมืองหนานเป็นเพื่อนกับเขา ท่าทีที่หลินหยังมีต่ออู๋ชิงก็ห่างเหินขึ้นมา

อู๋ชิงเป็นคนตรงๆ ไม่รู้ว่าจะเข้ากับหลินหยัง ผู้ที่ทำงานได้ยอดเยี่ยม สวมแว่น ใส่ชุดสูทรองเท้าหนังทั้งวันได้อย่างไร ดังนั้นเมื่อหลินหยังเย็นชาขึ้นมา เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

อดกลั้นอยู่นานสองนาน อู๋ชิงถึงได้เอ่ยพูดว่า “ความสัมพันธ์ของคุณชายลู่และลูกพี่ใหญ่ของพวกเรา……..ดีมากจริงๆหรือ”

หลินหยังหันหน้ามามองเขา พยักหน้าเรียบๆ “แน่นอน”

อู๋ชิงเกาหัว “แต่ว่าฉันมองอย่างไร ทั้งสองคนก็มีท่าทางไม่เหมือนกับคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมากนินา พูดคุยกันก็คลุมเครือเข้าใจยาก”

หลินหยังหัวเราะเสียงเบา ก้มหน้าลง “นายไม่มีเพื่อนที่สนิทกันมานานหลายปีหรือ”

อู๋ชิงชะงักค้าง หลังจากครุ่นคิดไปไม่กี่วินาทีก็ส่ายหน้า ใบหน้าปรากฏร่องรอยความรู้สึกอายเล็กน้อย “ตอนที่ฉันยังเด็กก็ติดตามลูกพี่ใหญ่แล้ว ไม่มี…..เพื่อนที่สนิทเป็นพิเศษอะไรนั่นหรอก”

หลินหยังได้ยินแล้วก็หันหน้าไปมองเขา สายตาปรากฏความซับซ้อนอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่าอยากจะถามอะไร แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ก็ส่ายหน้าเบาๆ “อย่างนั้นก็ไม่แปลก นายไม่สามารถเข้าใจได้อยู่แล้ว เพื่อนที่สนิทกันมากเป็นพิเศษบางคนก็จะพูดคุยกันแบบนี้”

อู๋ชิงพยักหน้าคล้ายกับว่าเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ ตอนที่กำลังจะพูดอะไร ประตูห้องของหลินยี่ก็เปิดออกมาอย่างกะทันหัน

ลู่เซิ่นเดินออกมา

หลินหยังลุกขึ้นยืนทันที “ประธานลู่”

“เก็บของสักหน่อย ติดต่อเครื่องบินด้วย ฉันจะไปเมืองหนานสักรอบ” ลู่เซิ่นสั่ง

หลินหยังพยักหน้า โดยไม่มีแม้แต่สีหน้าความรู้สึกที่ตกตะลึง “ผมจะไปติดต่อเดี๋ยวนี้ครับ”

ทว่าอู๋ชิงไม่ได้รับการอบรมให้เป็นมืออาชีพเหมือนเขาขนาดนั้น จึงมีสีหน้าสงสัยปรากฏออกมาหลายส่วน “คุณชายลู่ คุณ……จะไปเมืองหนานอีกแล้วหรือครับ”

ลู่เซิ่นเดิมจะออกตัวเดินแล้ว แต่เมื่อได้ยินประโยคคำถามหนึ่งของเขา ก็หยุดเท้าลง หันหน้ากลับมามองเขา

อู๋ชิงนั้นมีความรู้สึกหวาดกลัวคุณชายลู่ ผู้ที่มีนิสัยและอารมณ์ไม่ค่อยจะดีคนนี้อยู่หลายส่วน เมื่อถูกเขามองแบบนี้แล้ว ก็ยืนตัวตรงขึ้นมาในทันที

สมองวิเคราะห์อย่างบ้าคลั่งว่า ตัวเองพูดอะไรผิดไปใช่หรือไม่

“ใช่แล้ว อาศัยการสนับสนุนจากลูกพี่ใหญ่ของนาย ฉันจะไปเมืองหนานอีกแล้ว” ลู่เซิ่นเอ่ยประโยคนี้จบแล้ว ก็หันหน้ากลับและเดินต่อไป

หลินหยังที่โทรศัพท์จัดการเรื่องที่ลู่เซิ่นสั่งมาเรียบร้อยหมดแล้ว ก็หันหน้ากลับไปมองอู๋ชิงครั้งหนึ่ง โดยไม่ได้พูดอะไร และก้าวเท้าเดินตามลู่เซิ่นไปอย่างรวดเร็ว

อู๋ชิงถูกประโยคหนึ่งและสายตาที่มองมาของทั้งสองคนทำให้ขนลุก แบกร่างที่เต็มไปด้วยขนอ่อนตั้งชันเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของหลินยี่

หลินยี่ยังคงรักษาท่าทางการนอนอยู่บนเตียงเอาไว้ เห็นอู๋ชิงที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ก็อดหัวเราะไม่ได้

“ลูกพี่ใหญ่!” อู๋ชิงที่ถูกหลินยี่หัวเราะเยาะใส่ก็พองขนขึ้นมาในทันที “คุณชายลู่เห็นผมขัดลูกตาใช่หรือไม่”

ใบหน้าของหลินยี่ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ ส่ายหน้าเล็กน้อย “แน่นอนว่าไม่ได้มองนายแล้วขัดตา”

เขาเกรงว่ากระทั่งชื่อของเขาก็จำไม่ได้

หลินยี่แอบพูดเงียบๆในใจ

“ถ้าอย่างนั้นเขาพูดแบบนั้นกับผมทำไมกันครับ” อู๋ชิงลูบแขนไปมาอย่างเกินจริง “น่ากลัวจริงๆ”

หลินยี่หัวเราะ พลางตอบ “เขาแค่ระบายอารมณ์กับนาย”

“ระบายอารมณ์หรือ” อู๋ชิงครุ่นคิดอยู่ไม่กี่วินาที ถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง มองไปทางหลินยี่ที่อยู่บนเตียง “เขาโกรธลูกพี่แต่ไม่สามารถระบายมันลงกับลูกพี่ได้ จึงมาระบายใส่ผมแทนหรือ”

หลินยี่ยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร

อู๋ชิงเบะปาก

ช่างมันเถอะๆ เห็นแก่ที่ลูกพี่เป็นคนป่วย จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขาแล้วกัน

“เอาเถอะ ฉันอยากพักผ่อนสักหน่อย” หลินยี่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนอยู่บ้างจึงปิดตาลง

“อย่างนั้นลูกพี่ก็พักผ่อน!” อู๋ชิงเดินออกไปอย่างรู้ความ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท