Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1106

ตอนที่ 1106

บทที่ 1106 ดึงดัน

สูหยิงก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตอบโต้

เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่หลินยี่ร้องขอ…… ถ้าหากเป็นเธอก็ไม่มีทางที่จะปัดปฏิเสธได้

“เอาเถอะ แม่รู้ว่าแกมีการเตรียมการ แต่ว่าต่อไปเรื่องแบบนี้แกจะบอกแม่ก่อนได้ไหม จะได้ไม่ต้องทราบเรื่องจากคนอื่น” น้ำเสียงสูหยิงถึงท้ายสุดก็ยังไม่เย็นลง

ลู่เซิ่นชินกับการที่เธอนั้นไม่แสดงความอ่อนแอออกมา จึงรับปากแบบขอไปที

เมื่อสูหยิงวางสายโทรศัพท์ลง เขากลับจับโทรศัพท์แล้วเริ่มเคลิบเคลิ้มอยู่ในภวังค์

ดูเหมือนว่าธุรกิจจะทำกำไรไปได้สวยโดยไม่มีข้อผิดพลาด เว้นแต่…..ฉินซี

เขาไม่อาจสามารถคาดเดาได้ว่าฉินซีนั้นจะมีท่าทีอย่างไรที่ตัวเองเลือกวิธีนี้

การต่อต้านนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าจะต้องง้อเธอด้วยวิธีใด

แล้วถ้าหากเธอไม่ต่อต้าน…..อย่างนั้นลู่เซิ่นก็คงรู้สึกว่าเธอนั้นคงไม่ใส่ใจตัวเองมากเท่าไร ถึงได้ทนดูตัวเองแต่งงานกับคนอื่นได้โดยที่ไม่โกรธ

ลู่เซิ่นลองคิดกลับกัน ไม่ว่าฉินซีใช้เหตุผลใดๆเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่น ถึงแม้จะเป็นแค่การแต่งงานหลอกๆ หรือแค่บอกว่าจะแต่งงาน เขาก็คงจะรับไม่ได้

เขาโตมาจนป่านนี้ นี่เป็นเรื่องแรกที่เขาประสบแล้วถึงกับไปไม่เป็น

ดังนั้นอาจพูดได้ว่านี่คงเป็นพลังแห่งรัก

ขณะที่ลู่เซิ่นกำลังคิดๆอยู่นั้น เขาก็ได้เปิดข้อความที่สนทนากับฉินซีขึ้นมาดู

ข้อความสนทนาระหว่างพวกเขาสองคนได้ ยังคงหยุดอยู่ที่ข้อความนั้นที่เขาส่งออกไปเมื่อคืนนี้

ดูเหมือนลู่เซิ่นจะนึกอะไรบางอย่างออกจนถึงกับขมวดคิ้ว

เมื่อคำนวณตามเวลาแล้ว น่าจะเป็นเวลาแปดโมงเช้าทางฝั่งฉินซี เขารู้ว่าพักนี้ฉินซีคงยุ่งอยู่กับเรื่องการจัดนิทรรศการภาพถ่าย คงไม่มีทางนอนขี้เซาในตอนเช้าแน่

เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอคงตื่นแล้ว

และด้วยความนิสัยเคยชินของฉินซี เมื่อตื่นขึ้นมาเธอจะต้องทำการหยิบโทรศัพท์เพื่อเปิดดูว่ามีข้อความใหม่เข้ามาหรือไม่

……ดังนั้นนี่เธอยังไม่ลุกขึ้นจากเตียงหรือว่าเธอไม่อยากตอบกลับข้อความตัวเอง

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรอีก ยื่นมือแล้วกดวิดีโอคอลหาฉินซี

——ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์จะแบบไหน เขาจะต้องให้ตัวเองแน่ใจก่อนถึงจะสบายใจได้

ถ้าฉินซีไม่รับโทรศัพท์ เขาจะต้องติดต่อหาพ่อบ้าน

แต่มันเกินความคาดหมายของลู่เซิ่น หลังจากรอสักพักวิดีโอคอลก็เชื่อมต่อคู่สาย

ใบหน้าฉินซีปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ : “ลู่เซิ่น?”

ลู่เซิ่นโน้มตัวเข้าไปใกล้และมองสังเกตฉินซี

ใบหน้าฉินซีมีการเติมหน้าเรียบร้อย เสื้อผ้ามีการเปลี่ยนเสร็จสรรพ ดูเหมือนจะลุกตื่นจากเตียงมานานแล้ว

แต่เธอกลับไม่ตอบข้อความให้ผม

ลู่เซิ่นกัดฟันตัวเอง : “คุณตื่นแล้วเหรอ”

ฉินซีพยักหน้า : “อืม กำลังเตรียมตัวที่จะไปหาถังย่า ทางคุณล่ะทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”

ในที่สุดก็ถามถึงตัวเองสักที ทำให้ลู่เซิ่นรู้สึกว่าถูกปลอบใจอย่างเงียบๆ เขาไม่สามารถพูดอะไรมาก ทำได้เพียงแค่พยักหน้า : “ไม่มีปัญหาอะไร”

ทางฝั่งฉินซีมีเสียงดังเล็กน้อย ดูพร้อมที่จะออกไปแล้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อน: “อย่างนั้นคุณก็พักผ่อนเยอะๆ ฉันต้องไปแล้ว ถ้ากลับมาเร็วจะติดต่อหาคุณใหม่อีกครั้ง”

ลู่เซิ่นทำได้เพียงแค่ตอบรับ ไม่นานฝั่งฉินซีก็ได้วางสายโทรศัพท์ลง

ลู่เซิ่นจับโทรศัพท์แล้วขมวดคิ้ว

เมื่อสักครู่ที่คุยสายโทรศัพท์อยู่นั้นไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้เมื่อนึกๆดูแล้ว การแต่งหน้าของฉินซีในวันนี้…..ดูเหมือนจะเข้มไปหน่อย

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้แต่งหน้าเข้มในช่วงเช้าๆแบบนี้ได้ แถมยังรีบร้อนออกไป

ฉับพลันในหัวของลู่เซิ่นมีความคิดมากมายที่มีความเป็นไปได้ และเขาก็กลบความคิดเหล่านั้นทิ้งไปจากหัวสมองทันที

เชื่อใจ

เขาพูดกับตัวเอง

ระหว่างคนสองคน ถ้าไม่มีแม้แต่ความเชื่อใจ แล้วจะอยู่ด้วยกันต่อไปได้อย่างไร

เขาก็ได้แต่ภาวนาให้ฉินซีนั้นก็เชื่อใจในตัวเขาเช่นกัน

……

เวลาแปดโมงเช้า ณ ประเทศ F

เมื่อคืนนี้ฉินซีแทบจะไม่ได้หลับตานอน

หลังจากโทรหากับลู่เซิ่นที่ปิดโทรศัพท์ เธอก็ไม่พยายามติดต่อเขาอีก เมื่อมองไม่เห็นจิตใจก็ไม่ทุกข์ไม่วุ่นวาย แล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไปไกลๆ ไม่สนใจไปมองอีก

เพียงแต่ว่าเธอพยายามถึงเพียงนี้ ก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี จนถึงเช้า

ทนจนถึงฟ้าสว่าง ฉินซีก็ไม่สามารถนอนอยู่บนเตียงต่อได้อีก จึงรีบลุกขึ้นจากเตียง

เมื่อเดินไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อจะอาบน้ำ ฉินซีบังเอิญเหลือบมองในกระจก และตกใจมากกับคนที่อยู่ในกระจก

ดวงตาของหญิงสาวที่อยู่ในกระจกนั้นหมองคล้ำ ผิวซีด ดูยังไงก็เหมือนแมลงที่ถูกทอดทิ้งอย่างน่าสงสาร

……หยุด!

เมื่อตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองคิด ฉินซีก็ตบหน้าตัวเอง บังคับให้ตัวเองหยุดความคิดนั้นเสีย แล้วเดินเข้าไปที่ห้องอาบน้ำ

เธอตั้งใจปรับอุณหภูมิน้ำให้สูงขึ้น เมื่อน้ำร้อนสาดลงมาก็แทบจะลวกผิวเธอให้ร้อนแดงขึ้น แต่น้ำที่อุณหภูมิสูงเช่นนี้จะสามารถช่วยชำระล้างความเหนื่อยล้าจากการไม่หลับไม่นอนทั้งคืนให้บรรเทาลงได้บ้าง เมื่อมองไปที่กระจกอีกครั้ง ในที่สุดแก้มก็แดงระเรื่อจากไอน้ำร้อน ดูแล้วก็ไม่น่ากลัวอีก

เมื่อเธออาบน้ำเสร็จเวลาก็เพิ่งเจ็ดโมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาตื่นนอนเป็นประจำของเธอ

ในขณะที่เธอเช็ดผมอยู่นั้น ด้วยความเคยชินเธอก็หยิบโทรศัพท์เพื่อดูว่ามีข้อความใหม่เข้ามาหรือไม่

แต่เมื่อปลดล็อกโทรศัพท์ก็เห็นหน้าต่างข้อความจากลู่เซิ่น

——“จะโทรหาคุณพรุ่งนี้ตอนเช้า”

แล้วเวลาไหนล่ะถึงเป็นเวลาเช้า หกโมง เจ็ดโมง หรือแปดโมง

เธอต้องรอนานแค่ไหน ถึงจะได้เจอลู่เซิ่น

ฉินซีถอนหายใจเบาๆ แล้วกลับไปสู่หน้าจอหลัก

เธอจะไม่ดึงดันไม่เสียเวลาไปแบบนี้อีกแล้ว

โชคดีที่มีข้อความใหม่เบี่ยงเบนความสนใจของเธอ

เป็นข้อความที่มาจากอานหยัน

“อาศัยแค่ทางฝ่ายฉันคงไม่สามารถที่จะหาตัวผู้ส่งอีเมลได้ ถ้าหากคุณต้องการ จะต้องนำต้นฉบับไปให้ฝ่ายเทคนิควิเคราะห์ ค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย ทำไมคุณไม่ลองถามถังย่าล่ะ ฉันว่านักประชาสัมพันธ์คนนี้ดูเก่งมากนะ รู้มากกว่าหน่วยข่าวกรองอย่างพวกเราอีก”

ฉินซีเม้มปาก

น้ำเสียงของอานหยันราบเรียบ แต่เหมือนฉินซีจะมองเห็นถึงความผิดปกติ

——นักประชาสัมพันธ์รู้มากว่าระบบข่าวกรองเป็นเรื่องปกติเหรอ

ถังย่า,จ้านเซิน อีกทั้งบริษัทประชาสัมพันธ์นั้น มีความลับอะไรกันแน่

เธอครุ่นคิด แล้วก็ตอบกลับข้อความอานหยันด้วยรูปอิโมจิพยักหน้า จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ระเบียง

เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า ดวงอาทิตย์ยังขึ้นไม่สุด อากาศยังคงเย็นเล็กน้อย

ฉินซีลดสายตาต่ำลงแล้วครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วก็ตัดสินใจในทันที ——เธอจะให้ถังย่ามาตรวจสอบเอกอีเมลนี้

เธอจะให้อีเมลนิรนามนี้มาทำให้ตระหนกไม่ได้

ถ้าหากไม่ใช่ฝั่งถังย่าเป็นคนส่ง อย่างนั้นบางทีอาจจะใช้โอกาสนี้ให้พวกเขาตามหาตัวผู้ส่งตัวจริงได้

หรือถ้าผู้ส่งสารเป็นพวกเขาเอง…..อย่างนั้นฉินซีมั่นใจว่าพวกเขาต้องมีร่องรอยเหลือทิ้งไว้อย่างแน่นอน

ขอแค่ตัวเองคอยสังเกตให้รอบคอบ จะต้องพบสิ่งผิดปกติอย่างแน่นอน

เธอไม่สามารถที่จะอยู่เฉยต่อไปได้อีก

จะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากที่เดิม

ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฉินซีก็ไม่ยอมที่จะเสียเวลาอีก จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดส่งข้อความถึงถังย่า : “เมื่อคืนได้รับอีเมลนิรนามฉบับหนึ่ง ถ้าหากมีเวลา อยากจะขอคุยกับคุณสักหน่อย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท