Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1109

ตอนที่ 1109

บทที่ 1109เขาจะขอคนอื่นแต่งงานจริงหรือ

บทสนทนาของฉินซีกับถังย่าถูกขัดจังหวะขึ้น พวกเขาทั้งสองหันมาไปมองพร้อมกัน

ช่างเทคนิควางหูฟังลง หันไปหาฉินซี : “จากการตรวจสอบผ่านซอฟต์แวร์ สามารถมั่นใจได้ว่าคลิปเสียงไม่มีร่องรอยของการตัดต่อ”

หัวใจฉินซีดิ่งลงอย่างกะทันหัน

ดูเหมือนช่างเทคนิคจะกังวลว่าเธอจะไม่เชื่อ จึงหันคอมพิวเตอร์มา

ในคอมพิวเตอร์มีการเปิดซอฟแวร์ไว้ เขาได้แนะนำสั้นๆแก่ฉินซีเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่แสดงอยู่ในซอฟแวร์หมายความว่าอย่างไร : “เส้นนี้มีการเชื่อมกันอย่างต่อเนื่องสมบูรณ์ ถ้าหากคลิปเสียงผ่านการตัดต่อแม้แต่หนึ่งวินาทีก็ตาม ตรงนี้ก็จะเกิดช่องว่างขึ้น และเส้นนี้บอกให้รู้ว่า คลิปเสียงนั้นไม่มีปัญหา”

ฉินซีมองดูเส้นตรงเส้นนั้น และไม่รู้ว่าทำไมถึงมีรสชาติขมขึ้นในปาก

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เชื่อถังย่า จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่คลายความสงสัยจากถังย่าว่าเป็นผู้ที่ส่งอีเมลนี้ แต่ความรู้สึกของเธอบอกกับเธอว่า ผลลัพธ์การตรวจสอบจากซอฟแวร์นี้มีความน่าเชื่อถือ

……ลู่เซิ่นพูดแบบนี้กับคนอื่นจริงๆเหรอ

เขาจะขอคนอื่นแต่งงานจริงหรือ

ความจริงเช่นนี้เหมือนเป็นการนำปอดของฉินซีไปแช่ไว้ในน้ำแข็ง ทำให้เธอแทบจะหายใจไม่ออก อวัยวะภายในถูกแช่จนแข็งไปหมด

เธอทำได้เพียงฝืนพยักหน้า : “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”

และช่างเทคนิคอีกคนพูดต่อว่า : “ผมติดตามที่อยู่ที่ส่งอีเมล ผลลัพธ์ที่แสดงคือเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ทางใต้ แต่ว่าผู้ส่งได้ใช้IPปลอม มีความเป็นไปได้ว่าที่อยู่ที่เราติดตามได้ เป็นที่อยู่IPปลอม ไม่มีค่าใดๆ”

ไหล่ของฉินซีทรุดลงไป

……ยังคงหาไม่เจอ

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะเสียใจกับข่าวไหนมากกว่าดี

ถังย่าโบกมือขึ้น ช่างเทคนิคสองคนจึงได้ออกไป ในห้องประชุมจึงเหลือแค่พวกเขาสองคน

ฉินซีจ้องดูแบบฟอร์มอยู่ตรงหน้าที่ถังย่าได้ร่างออกมา แล้วก็หัวเราะเยาะให้กับตัวเอง

จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอได้ทำลงไปนั้นไม่มีความหมาย

ถ้าหากว่าคำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดของลู่เซิ่น อย่างนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรที่เธอนั้นตามหาคนที่ส่งข่าวสารให้เธอ

เป็นถังย่าแล้วยังไง ไม่ใช่แล้วยังไง

คนที่กระทำผิดคือลู่เซิ่น คนอื่นไม่ว่าจะทำอะไร ก็เป็นแค่ตัวเติมเชื้อไฟ

อย่างมากก็เป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ไม่ใช่เป็นผู้กระทำผิด

ดูเหมือนถังย่าจะรับรู้ถึงความผิดปกติของความรู้สึกของฉินซี จึงอยู่เป็นเพื่อนอย่างเงียบๆ สักพักจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง : “คุณไหวไหม”

ฉินซีส่ายหน้าไม่การพูดจาใดๆ แล้วก็เงียบไปอีกหลายนาที จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างช้าๆ

“คนที่ส่งอีเมลให้ฉัน เขามีวัตถุประสงค์อะไรกัน”

นี่เป็นคำถามสุดท้ายของเธอตอนนี้

ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ข้างๆลู่เซิ่น ฉินซีก็รู้ดีว่าการที่จะอัดเสียงของลู่เซิ่นนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย

เสี่ยงอันตรายเช่นนี้ แล้วก็คิดวางแผนหาวิธีส่งมาให้ตัวเอง ลำบากเพียงนี้ เพื่อจุดประสงค์อะไรกัน

เห็นทีอีเมลนี้มีเพียงผลลัพธ์เดียว ——เธอจะเลิกกับลู่เซิ่น

แต่ว่าจะมีคนลงทุนลำบากถึงเพียงนี้ เพียงเพื่อต้องการให้เธอเลิกกับลู่เซิ่นจริงๆหรือ

ฉินซียิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ

นี่เป็นเพียงประโยคที่เธอพึมพำกับตัวเอง เธอไม่ได้หวังให้ถังย่าตอบ

แต่ว่าถังย่ากลับพูดขึ้นเบาๆทันที

“บางทีอาจจะไม่มีจุดประสงค์อะไร เพียงแค่ต้องการให้คุณเห็นตัวตนที่แท้จริงของลู่เซิ่น”

เมื่อเธอพูดประโยคนี้ออกมา เธอกลับรู้สึกว่าถึงบางอย่างผิดปกติ ราวกับเธอพูดผิดจึงรีบก้มหน้าทันที

ฉินซีขมวดคิ้ว หันหน้าไปมองเธอด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ

——คิดไม่ถึงถังย่าสามารถพูดประโยคที่คล้ายกับคำพูดของ “มนุษย์”พูดกัน

ตอนนี้ในใจของฉินซีรู้สึกราวกับว่า กำลังเห็นหุ่นยนต์เข้าใจความรัก ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ

ถังย่าแทบจะเอาหัวมุดเข้าไปในโต๊ะ เหมือนกับหุ่นยนต์ที่รู้ตัวว่าได้สั่งผิดโปรแกรม และไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กระทำลงไป

ฉินซีมองท่าทางที่เขินอายของเธอ กลับรู้สึกขำ ถึงแม้จิตใจจะย่ำแย่มาก แต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

แต่หลังจากที่ยิ้มเสร็จ ความคิดของเธอก็คิดตามคำพูดของถังย่า

เห็นตัวตนที่แท้จริงของลู่เซิ่นเหรอ

ฉันเห็นตัวตนที่แท้จริงของลู่เซิ่นแล้วจะมีประโยชน์อะไร

เห็นตัวตนที่แท้จริงของลู่เซิ่นคนนี้…..

คำพูดนี้…..เธอเห็นเมื่อไม่นานมานี้

ที่ไหนน๊า

ฉินซีเหมือนจะนึกอะไรได้ ถึงกับคิ้วขมวดขึ้น

ในเวย์ปั๋ว!

ก่อนหน้านี้ ที่เรื่องของฉินซึ่งเทียนแดงขึ้นมานั้น บังเอิญเข้ากับเธอที่มีเวลาว่างพอดี จึงได้เปิดลิงก์ที่อานหยันส่งมาให้เธอดู

ท่าทางอานหยันดูดีใจรบเร้าให้เธอเปิดอ่านช่องแสดงความคิดเห็น ฉินซีจึงเปิดอ่านตามที่ขอที่ซึ่งอยู่ตรงบรรทัดแรกสุด เป็นบรรทัดที่มีแต่รูปอิโมจิโกรธ : “เมื่อก่อนฉันเคยปรารถนาที่จะไปทำงานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป คิดไม่ถึงว่าฉินซึ่งเทียนจะเป็นผู้ชายที่เลวทรามขนาดนี้ ขอบคุณฉินซีมากนะ ที่ทำให้ฉันได้เห็นธาตุแท้ของฉินซึ่งเทียน!”

ตอนนั้นฉินซีอ่านแล้วก็ยิ้มผ่านไป แต่ตอนนี้กลับนึกขึ้นมาได้ฉับพลัน

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ สำหรับเธอเรื่องที่ทำให้เธอออกหน้าออกตา ก็คงหนีไม่พ้นการฟัดเหวี่ยงกับคนเลวทรามอย่างฉินซึ่งเทียนเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับเหยาหมิ่นที่ถูกใส่ร้าย

เมื่อเธอเห็นตัวตนที่แท้จริงของฉินซึ่งเทียน เธอจึงใช้อำนาจของลู่เซิ่นในการล้มบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ทำให้ฉินซึ่งเทียนแพ้ไปอย่างย่อยยับ

แล้วคนนี้ที่ต้องการให้เธอเห็นตัวตนที่แท้จริงของลู่เซิ่นนั้น…..หรือว่าต้องการเห็นตัวเองตกอยู่ในสภาพที่ทำกับฉินซึ่งเทียน เพื่อแก้แค้นลู่เซิ่นอย่างนั้นเหรอ

ดังนั้นคนที่ส่งอีเมลไม่เพียงต้องการให้เธอเลิกกับลู่เซิ่น ยังต้องการปลุกปั่นยั่วยุต่อมความโกรธของเธอ เพื่อให้เธอแก้แค้นลู่เซิ่น

เมื่อฉินซีคิดมาถึงตรงนี้ มุมปากจึงยิ้มอย่างขื่นๆ

ถ้าหากคนที่ส่งอีเมลมีความคิดเช่นนี้ เธอคงอดไม่ได้ที่จะขำให้กับความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย

เธอต่อกรกับฉินซึ่งเทียนได้อย่างไร้ความปราณี นอกจากฉินซึ่งเทียนทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญสุดคือ เธอเป็นเพียงแค่คนนอกที่มองดูความสัมพันธ์ความรักของฉินซึ่งเทียนกับเหยาหมิ่นเท่านั้น

ไม่มีความรัก ดังนั้นย่อมหยิบมีดแทงได้อย่างไร้ความเมตตาปราณี ลงทัณฑ์เพื่อทวงความยุติธรรม

แต่ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นไม่ใช่เป็นแบบนี้

เธอนั้นมีรักที่จริงใจให้กับลู่เซิ่น เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่จะลงมือทำแบบนั้นได้

…..เธอยังวางแผนที่จะสารภาพความรู้สึกที่มีต่อลู่เซิ่นอย่างลับๆในงานนิทรรศการภาพถ่ายครั้งแรกของเธอ

คิดมาถึงตรงนี้ ฉินซีหันหน้าไปมองถังย่า : “แผนการการจัดนิทรรศการภาพถ่าย …อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย”

ถังย่าไม่แปลกใจกับคำสั่งของฉินซีนี้ คงเป็นเพราะตอนที่ฟังคลิปเสียงนั้น คิดแล้วว่าอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าให้กับฉินซี : “ได้ค่ะ ฉันจะให้ฝั่งจ้านเซินดำเนินการลุยงานอย่างไม่หยุด ส่วนที่เหลือ….จะรอคำสั่งจากคุณ”

ฉินซีถอนหายใจเบาๆ : “ฉันอาจต้องใช้เวลาสองสามวันในการคิด เมื่อฉันคิดออกแล้วจะรีบติดต่อเธอทันที”

กิริยาถังย่ากลับไปเป็นคนเดิมที่สุภาพมีความเป็นมืออาชีพแล้วพยักหน้ารับ

ฉินซีมองดูนาฬิกาแวบหนึ่ง ถึงจะรู้ว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว

“ฉันไปก่อนนะ” เธอลุกขึ้นยืน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท