Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1107

ตอนที่ 1107

บทที่1107 ไม่มีที่ซ่อน

ถังย่าเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไม่จำเป็นต้องพักผ่อนจริงๆ ยามเช้าเช่นนี้ก็ไม่มีหลับไม่มีนอน และตอบข้อความกลับในทันที : “อีเมลนิรนามเหรอ เป็นแบบไหน”

ฉินซีครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วก็ตอบกลับไปว่า : “ส่งข้อความคุยจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ วันนี้พอจะว่างมาเจอกันหน่อยไหม”

ฝั่งถังย่าใช้เวลาครึ่งนาทีก่อนจะตอบกลับ : “ได้สิ ฉันมีเวลาให้คุณในตอนเช้า ประมาณเก้าโมงมาหาได้เลย”

แน่นอนว่าฉินซีตอบตกลง

เธอวางมือถือลง แล้วเดินเข้าไปที่ห้อง เธอหยุดเดินเมื่อผ่านกระจกอีกครั้ง

ผิวสีแดงที่เกิดการใช้น้ำร้อนอาบน้ำได้จางหายไปแล้ว อยู่ภายใต้แสงที่สว่าง ใบหน้าที่เหนื่อยล้าของเธอช่างไม่มีที่ให้ซ่อนได้จริงๆ

ฉินซีถอนหายใจเบาๆ แล้วนั่งลง จากนั้นก็หยิบเครื่องสำอางออกมา

ดูเหมือนว่าถ้าไม่แต่งหน้าเข้มสักหน่อย จะไม่สามารถปกปิดใบหน้าที่เหนื่อยล้านี้ได้

และเธอก็ไม่ต้องการให้ถังย่าเห็นสภาพที่เหนื่อยล้าของเธอ

——ถ้าหากถังย่าคือผู้ส่งที่ส่งอีเมลนั้น อย่างนั้นจุดประสงค์ในการส่งอีเมลของเธอก็คงต้องการจะปั่นป่วนก่อความวุ่นวายใจให้กับตัวเอง

ฉินซีไม่ต้องการให้เธอรู้ว่าแผนการของเธอนั้นสำเร็จแล้ว

ขณะที่กำลังคิดๆอยู่ ฉินซีก็ทาแป้งรองพื้นบนใบหน้า แต่ทาหนาไปหน่อย จากนั้นก็หยิบคอนซีลเลอร์ที่ปกติทุกวันไม่เคยใช้นำออกมาใช้

แล้วแต่งแต้มใบหน้าอย่างพิถีพิถัน จากนั้นฉินซีมองซ้ายแลขวาใบหน้าตัวเองจนเป็นที่พอใจถึงได้หยุดลง

ใบหน้าตอนนี้ ต่อให้จ้องหน้าตัวเองอย่างละเอียด ก็มองไม่เห็นถึงความผิดปกติ

อย่างมากก็แค่แปลกใจสงสัยทำไมตัวเองถึงได้แต่งหน้าเข้มขนาดนี้

คำถามแบบนี้ไม่ได้อยู่กรอบความคิดของฉินซีอยู่แล้ว

หลังจากที่เธอเก็บเครื่องสำอางเสร็จสรรพเรียบร้อย เธอเก็บลุกขึ้นมองอีกครั้ง เวลาได้ผ่านไปสักพักแล้ว

ถ้าลงไปทานอาหารเช้าตอนนี้ บวกกับเวลารถติดอีก คงไปหาถังย่าได้ตามเวลาพอดี

เวลาได้ถูกวางไว้หมดแล้ว เธอก็ไม่เวลาว่างไปคิดเรื่องของลู่เซิ่น ว่ามีอะไรที่ปิดบังซ่อนเร้นตัวเองอยู่หรือเปล่า

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินซีก็ไม่อยากจะเสียเวลาอีก ลุกขึ้นแล้วพร้อมที่จะออกไป

แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากที่ทานอาหารแล้ว ทำการเติมเครื่องสำอางเสร็จเตรียมพร้อมที่จะออกไป ลู่เซิ่นกลับได้โทรวิดีโอคอลมาหา

ฉินซีหยุดชะงักไปสองสามวินาที สุดท้ายก็กดรับสาย

ใบหน้าของลู่เซิ่นจึงได้โผล่อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์

เขาดูเหมือนจะเหนื่อยล้าเล็กน้อย คิ้วก็มีการขมวดขึ้น

แต่ว่าแวบแรกสิ่งที่ฉินซีมองเห็นกลับเป็นฉากหลังของเขา

——ตอนนี้ที่ที่เขาอยู่ไม่ใช่โรงแรมที่เขาเคยพักเป็นประจำ

ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่หรูหรา ผ้าปูที่นอนสีขาวหิมะที่ดูแปลกตาไม่มีการตกแต่งใดๆ แต่ด้านหลังของลู่เซิ่น ฉินซีเห็นผ้าห่มสีน้ำเงินที่อยู่บนเตียงได้อย่างชัดเจน

เขาอยู่ที่ไหนกัน

ฉินซีอดไม่ได้ที่อยากจะถาม

แต่คำถามที่เธอรวบรวมไว้ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ทันเอ่ยปากถาม คนขับรถก็ได้เดินเข้ามาบอกเธออย่างเงียบๆว่าถึงเวลาเดินทางแล้ว

ฉินซีจึงทำได้แค่กัดฟัน แล้วเก็บคำถามทั้งหมดไว้ แล้วบอกลากับลู่เซิ่น

ฉินซีครุ่นคิดอย่างใจเย็น

หลังจากที่ไปเจอถังย่าเพื่อที่จะได้ข้อมูลจากถังย่า มาแล้วค่อยติดต่อกลับลู่เซิ่นแล้วกัน เวลาคงก็ไม่น่าจะเกินเที่ยง

บางทีข้อมูลที่ได้จากถังย่าอาจจะช่วยคลายความสงสัยของเธอได้

ถึงเวลานั้นเธอโทรหาลู่เซิ่นจะได้ไม่ต้องเหมือนตอนนี้ที่แบกรับภาวะความกดดันในใจที่หนักหน่วงเช่นนี้

เมื่อคิดเช่นนี้ เธอก็เก็บโทรศัพท์อย่างไม่ลังเล แล้วขึ้นรถไป

เมื่อวานคนขับรถได้มาสวนเหวินช่วงแล้วรอบหนึ่ง วันนี้ขับรถจึงชำนาญทางขึ้น เลือกเส้นทางที่ไม่ค่อยมีรถติด และแล้วก็ส่งฉินซีถึงที่บริษัทถังย่าได้ตามเวลา

ถังย่าก็ได้รออยู่ที่หน้าประตูแล้ว

“เธอคนเดียวเหรอ” ฉินซีลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ

ถังย่าพยักหน้า : “ใช่ เรื่องอีเมลของคุณฉันคนเดียวก็สามารถจัดการได้จ้านเซินได้ออกไปช่วยคุณติดต่อหอศิลป์ อีกสักพักถึงจะกลับมา”

ฉินซีจึงพยักหน้าและไม่มีการพูดจาใดๆ

ความจริงที่เธอมาวันนี้ ไม่เพียงแต่จะมาสังเกตถังย่า มากกว่านั้นคืออยากจะสังเกตจ้านเซินด้วย

เมื่อวานเธอถูกดึงดูดด้วยสายตาและการกระทำของจ้านเซิน เมื่อเธอกลับไปถึงบ้านแล้วคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วน พบว่าตัวเองนั้นใจไม่นิ่งเย็นพอ แล้วดำเนินการสำรวจจ้านเซิน แต่เมื่อกลับบ้านไปถึงกับนึกไม่ออกว่าจ้านเซินมีลักษณะอย่างไร

หลังจากที่ใช้เวลาทั้งคืนในการฝึกใจให้นิ่ง และฉินซีก็ปรับสภาพอารมณ์ได้แล้ว เดิมทีวันนี้จะถือโอกาสนี้เพื่อสำรวจจ้านเซิน

ไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องกับอีเมลนิรนาม ฉินซีก็ไม่ต้องการปล่อยคนที่สามารถคลุกคลีกับเขาเพื่อใช้เป็นโอกาสในการสำรวจเขา

แต่ว่าเขากลับไม่อยู่…..

ฉินซีผิดหวังเล็กน้อยอีกครั้ง แต่ว่ายังดีที่ใบหน้าไม่ได้มีการแสดงอาการออกมา และก็เดินตามถังย่าเข้าไป

ยังคงเป็นห้องประชุมเดียวกันกับเมื่อวาน เพียงแต่ไม่มีจ้านเซิน ทำให้ห้องประชุมดูว่างเปล่า

ฉินซีหยิบคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปออกมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วผลักไปหาถังย่า : เมื่อวานมีคนใช้อีเมลนิรนามส่งข้อความมาให้ฉัน เป็นข้อความคลิปเสียงของลู่เซิ่นที่คุยกับคนอื่น”

เธอพูดไปด้วย สายตาก็ตั้งใจมองสังเกตถังย่าไปด้วย เพื่อจะจับผิดถึงความผิดปกติบนสีหน้าของเธอ

แต่ถังย่าก็เหมือนกับหุ่นยนต์ ใบหน้าไม่มีความเปลี่ยนแปลง แม้แต่กล้ามเนื้อก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงแค่การขมวดคิ้วเบาๆเท่านั้น แล้วยื่นมารับแล็ปท็อปแล้วทำการเปิด : “คลิปเสียง”

เธอไม่มีท่าทีที่ผิดปกติสักนิดเดียว แต่ก็เงียบมากจนเป็นที่น่าสงสัย ฉินซีขมวดคิ้ว แต่ก็พยักหน้าให้ : “ใช่ค่ะ ไม่มีข้อความอักษรใดๆ มีแต่ข้อความคลิปเสียง”

ถังย่าจ้องดูหน้าต่างกล่องข้อความเข้าอยู่สักครู่ จากนั้นจึงหันมามองฉินซี :”ฉันสามารถเปิดฟังได้ไหม”

ฉินซีเม้มปาก สุดท้ายก็พยักหน้าให้ : “คุณฟังได้เลย”

ถังย่าคลิกปุ่มเล่น และเสียงของลู่เซิ่นก็ดังขึ้นอีกครั้งจากคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป

ฉินซีรู้สึกโชคดีที่เมื่อวานตัวเองนั้นเปิดฟังถึงสองครั้ง เพราะฉะนั้นได้ยินเสียงพูดของลู่เซิ่นตอนนี้ ทำให้อารมณ์ทางจิตใจรู้สึกแปรปรวนน้อยลง สามารถแยกความคิดตัวเองเพื่อไปสังเกตความเปลี่ยนแปลงท่าทีของถังย่า

ถังย่ามีการขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่กำลังฟังคลิปเสียง ท่าทีที่ตั้งใจฟัง ทำให้ไม่เห็นถึงความผิดปกติ

คลิปเสียงที่มีความยาวครึ่งนาทีใกล้จะจบลง ฉินซีก็ยังสังเกตไม่เห็นถึงความผิดปกติบนตัวถังย่า

“เมื่อได้ฟังเนื้อหาจากคลิปเสียงแล้ว คลิปไม่ได้มีร่องรอยของการตัดต่อ” ถังย่าเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นว่าฉินซีได้ใช้สายตาจ้องมองที่ตัวเธอ เมื่อคลิปเสียงได้เล่นจบลง ก็ได้สรุปทันที

การสังเกตของฉินซีถูกเบี่ยงเบนด้วยประโยคนี้ของเธอ : “ไม่มีการตัดต่อ?”

ถังย่าส่ายหัว : “บางครั้งมักจะมีคนใช้คำพูดของบุคคลสาธารณะที่กล่าวปาฐกถาต่างๆเพื่อเจตนาที่ไม่ดี และใช้คลิปเสียงบางช่วงบางตอนที่ทำให้ผู้คนเข้าใจผิด แต่ว่าการตัดต่อแบบนี้ต่อให้ตัดต่อเนียนแค่ไหน ถ้าตั้งใจฟังเสียงที่อยู่รอบข้างในคลิปอย่างถี่ถ้วน ก็สามารถได้ยินถึงสิ่งผิดปกติได้ ดังนั้นในคลิปเสียงส่วนใหญ่ที่แพร่กระจายทางอินเตอร์เน็ตค่อนข้างที่จะไม่ชัดเจน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท