Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1117

ตอนที่ 1117

บทที่1117 ช่วงเวลาที่จะทำลายหัวใจ

เมื่อลู่เซิ่นเห็นเวินจิ้งเหม่อลอย

เขาจึงได้ทีขี่แพะไล่ พูดต่อไปอีกว่า “ถ้าคุณไปกับผม คุณจะได้เจอเขา”

แค่รับปากผม ผมจะได้สามารถพาคุณออกไปจากที่นี่

ลู่เซิ่นคิดในใจ

หลังจากนั้นผมจะบอกความจริงว่ามันเป็นยังไง

ผมจะได้ ไปหาคนที่ผมรัก ไปทำสิ่งที่ผมอยากจะทำ

แต่เวินจิ้งกลับดื้อดึงที่จะถามคำถามเดิม “เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของฉันกันแน่”

แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างด้านหนึ่งของห้อง เผยสะท้อนให้เห็นใบหน้าของเวินจิ้งที่ซีดเซียวของเธอได้ชัดเจนขึ้น

ความกังวลฉายชัดภายในดวงตาคู่สวยของเธอ

ดูเหมือนเธอพร้อมที่จะร้องให้ได้ทันที ถ้าตัวเองพูดถึงข่าวร้ายของหลินยี่

แต่ลู่เซิ่นไม่หวั่นไหวเมื่อเห็นความเปราะบางของเธอ

เวลามีจำกัด เขาต้องโน้มน้าวเวินจิ้งให้เร็วที่สุด

ดังนั้นเขาจึงยิ้มจาง ๆ และจงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้น “ได้ยินมาว่า คุณใช้ช่วงเวลาในเมืองหนานอย่างมีความสุข ผมนึกว่าคุณจะลืมพี่ชายไปเสียแล้ว”

เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก

ลู่เซิ่นอ่านมาหมดแล้ว เขารู้ดีว่าเธอใช้ชีวิตที่นี่มันห่างไกลจากคำว่า มีความสุขนัก

เขาจงใจที่จะพูด ก็เพื่อที่จะทำให้เธอโมโหแค่นั้น

เป็นไปตามคาด เมื่อได้ฟังคำพูดของลู่เซิ่น คิ้วสวยของเวินจิ้งก็ขมวดแน่น มือบางกำเข้าหากันแลดูประหม่า

ลู่เซิ่นไม่ได้รีบร้อน เพียงแค่นั่งมองเธออยู่แบบนั้น

เขามองออก ว่าตอนนี้ในใจของเวินจิ้งตกอยู่ในความสับสนมากแค่ไหน จึงได้แค่ถามเขาซ้ำไปซ้ำมา “พี่ชายของฉัน เขาเป็นยังไงบ้าง”

เขารู้ว่าเธอเพียงแค่พูดกับตัวเอง แต่มันอดไม่ได้ที่จะตอบเธอไป

เขาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนพูด “ผมบอกไปแล้ว พี่ชายของคุณเกือบตาย แต่ว่ายังไม่ตาย คุณช่วยเลิกถามคำถามนี้สักที”

คำอธิบายของเขาทำให้ความวิตกกังวลของเวินจิ้งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น จ้องไปที่คนตรงหน้า “คุณหมายความว่ายังไงที่ยังไม่ตาย! คุณเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายของฉันจริงๆเหรอ จะตอบง่ายแบบนี้เลยเหรอ ?”

เมื่อเห็นอารมณ์เธอที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ลู่เซิ่นกลับรู้สึกพอใจ

ที่เมื่อโต๊ะเจรจายิ่งมีอารมณ์มาเกี่ยวข้องมากเท่าไหร่ คนอื่นก็จะหาโอกาสจับจังหวะได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าเวินจิ้งเธอสับสนในตอนนี้

เวลานี้มันเป็นเวลาที่ดีที่จะทำลายเกราะป้องกันในหัวใจเธอ

ลู่เซิ่นสบตากับดวงตาที่มีแววโกรธเกรี้ยวของเธออย่างใจเย็น เขาเลิกคิ้ว ก่อนพูด “ผมคือคนที่ช่วยชีวิตพี่คุณนะ คุณควรทำท่าทางแบบนี้กับผมหรือไง?”

หลังจากที่เขาพูดจบ เวินจิ้งยังคงเงียบ

วงคิ้วสวยที่เคยขมวดด้วยความโกรธ ค่อยๆผ่อนลง แววตาของเธอยังคงมองสบไปที่เขา ลู่เซิ่นสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอค่อยๆเย็นลง

เป็นเพียงการที่เวินจิ้งไม่ได้พูดอะไร ลู่เซิ่นก็ไม่ได้แสดงท่าทีผลีผลามเช่นกัน

ทั้งสองคนมองหน้ากัน ราวกับกำลังแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันในความเงียบงันนั้น

เขาไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนมองหน้ากันนานแค่ไหน แต่ในที่สุดเวินจิ้งก็เปิดปากพูดขึ้นมาว่า “ฉันอยากเจอพี่ชายของฉัน”

ลู่เซิ่นยิ้มเบาๆ

เขารู้ว่าคำพูดของเวินจิ้งเมื่อพูดเช่นนี้ ก็หมายความว่าใจของเธอมีการโอนเอียงมาทางเขา

แต่ตราบใดที่เธอยังไม่ตกลง ตัวเขาเองก็ไม่สามารถผ่อนปรนได้

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว “อวยพรให้สามีของคุณเถอะ ที่ตอนนี้ยังนอนอยู่ ไม่ใช่ว่าผมพูดกับคุณแล้วหรือ เขาแค่ยังไม่ตาย ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อพบคุณได้”

เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของเขากระทบกับใจที่เจ็บปวดของเวินจิ้งอีกครั้ง คิ้วของเธอขมวดขึ้นมาอีกครั้ง

ลู่เซิ่นไม่สน เขายังคงพูดต่อ “ไม่ใช่แค่คุณที่ต้องการเจอเขาหรอกนะ เขาก็ต้องการพบคุณ แถมหมอของพี่ชายก็ต้องการพบคุณด้วยเช่นกัน ผมบอกไปแล้ว ว่าเขาบาดเจ็บหนัก ไม่แน่ว่าเขาต้องการเลือดกรุ๊ปเดียวกันเพื่อไปช่วยพี่ชายของคุณ”

หลังจากที่เขาพูดจบเวินจิ้งก็แสดงสีหน้ากังวล

ดูเหมือนว่า … จะยังคงห่วงใยลูกของหลินยี่เป็นแน่

ลู่เซิ่นคิด

ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างไม่ลดละ ก่อนพูดต่อ “แล้วคุณ แค่อยากจะพบพี่ชายคุณเท่านั้นเหรอ? พี่ชายคุณมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ถูกกับมู่วี่สิง คุณก็น่าจะรู้ใช่ไหม? ถ้าคุณอยากจะมั่นใจว่าพี่ชายคุณจะปลอดภัย แล้วคุณก็ไม่อยากไปจากมู่วี่สิง แต่ถ้าพี่ชายคุณรู้เข้า ผมเกรงว่าเขาจะเป็นหนักกว่าเดิม เพราะงั้นวิธีที่จะปลอดภัยและได้ผลที่สุดคือ แต่งงานกับผม ผมช่วยคุณให้ออกจากที่นี่ได้ ช่วยให้พบกับพี่ชายคุณได้ และยังช่วยกำจัดปมในใจให้พี่ชายคุณได้ด้วย”

เมื่อเขาเอ่ยถึงชื่อของมู่วี่สิง เวินจิ้งก็ขมวดคิ้ว ทว่าสีหน้าของเธอกลับสงบลงอย่างช้าๆ

“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณพูดความจริง” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ “เรื่องของฉันกับมู่วี่สิงก็เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างฉันกับเขา แม้แต่พี่ชายฉันยังไม่เข้ามายุ่ง แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรงั้นเหรอคะ”

น้ำเสียงของเธอดูแข็งกร้าวเกินความคาดหมายของลู่เซิ่นเล็กน้อย

แต่เขาไม่ยอมแพ้

“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันจริงๆเลยสินะ” ลู่เซิ่นพูดช้าๆ “คุณคิดอยู่ใช่ไหม ถ้ายืมมือผมเพื่อที่จะไปเยี่ยมพี่ชายคุณ จะทำให้คุณไม่ปลอดภัย? ก็เลยไม่ยอมที่จะแต่งงานกับผม ”

เวินจิ้งราวกับถูกแทงลงกลางใจ ดวงตาของเธอเป็นประกาย แต่ไม่ได้พูดอะไร

ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ “แต่ว่าคุณเวินครับ คุณควรรู้ไว้ ว่าโทษของคุณตอนนี้ ถือว่าเป็นอาชญากรในข้อหาฆาตกรรม ถึงผมจะมีวิธีที่จะทำให้คุณได้พบกับพี่ชาย แต่ตราบใดที่คุณต้องโทษอาชญากรรมอยู่ วันหนึ่งคุณจะไม่มีโอกาสกลับไปที่เมืองหนานอีกแล้ว”

เวินจิ้งเข้าใจช่องโหว่ในคำพูดของลู่เซิ่น เธอเหลือบตาและมองไปยังเขา “คุณลู่คะ คุณก็รู้ดีว่าฉันถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม แต่คุณมาที่นี่และขอให้ฆาตกรเป็นภรรยาของคุณ คุณคิดว่าคำพูดพวกนี้ จะทำให้ฉันเชื่อเหรอคะ?”

อย่างไรก็ตามลู่เซิ่นก็ไม่สนใจคำถามของเธอ เขาทำแค่ยักไหล่ด้วยท่าทีสบายๆ “ผมคือลู่เซิ่น ถ้าคุณมาเป็นภรรยาผม แน่นอนว่าคุณจะไม่ต้องรับโทษในคดีฆาตกรรม และเมื่อคุณก็กลายเป็นคุณผู้หญิงลู่ จะไม่มีใครกล้าพูดแบบนั้นกับคุณอีก”

สิ่งที่เขาพูดคล้ายจะเหมือนๆกัน แต่คิ้วของเวินจิ้งกลับขมวดขึ้นเรื่อยๆ

“ฉันไม่เข้าใจ” หลังจากนั้นไม่นานเวินจิ้งก็พูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน”

ลู่เซิ่นยิ้มบาง นั่งตัวตรงอย่างสง่า ก่อนพูด “เพราะคุณเป็นน้องสาวของหลินยี่ เหตุผลแค่นี้พอไหม?”

ใบหน้าของเวินจิ้งมีความสับสนและไม่เข้าใจ

ลู่เซิ่นคนนี้บอกว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของหลินยี่ เขายังบอกอีกว่าเพราะเธอเป็นน้องสาวของหลินยี่เขาจึงจะแต่งงานกับเธอ มันเป็นความตั้งใจของพี่ชายเธอจริงๆหรือ?

แต่นี่เป็นการแต่งงานของเธอเอง ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นอย่างที่พี่ชายของเธอต้องการ แต่เธอก็ยอมรับไม่ได้

ดังนั้นเธอจึงส่ายหัวและปฏิเสธไป “ฉันขออภัย ถึงแม้ฉันจะอยากพบพี่ชายแค่ไหน แต่ฉันไม่สนใจที่จะเป็นภรรยาของคุณ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท