Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1118

ตอนที่ 1118

บทที่1118 รอให้เธอปฏิเสธ

เมื่อลู่เซิ่นได้ยินคำตอบ ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา

เขาเห็นความสั่นไหวในดวงตาของเธอ

เดิมทีเขาคิดว่าเหตุผลของเขาจะมีน้ำหนักมากพอ ที่จะไม่ทำให้เธอปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมแล้วที่จะอ้าแขนรับเธอ ไม่คิดว่าจะโดนเธอปฏิเสธหน้าหงายแบบนี้

ได้รับอิสระ ล้างมลทินจากตัว ได้พบพี่ชายของเธอ เงื่อนไขเหล่านี้ ยังไม่พอที่จะให้เธอตอบรับเขาอีกเหรอ?

ลู่เซิ่นชั่วขณะหนึ่งเขาไม่ใจ มีร่องรอยความโกรธเคืองบางๆ บนใบหน้าของเขา “เหตุผล?”

เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลังจากใช้ความพยายามกล่อมเป็นเวลานาน เขาก็ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ

เวินจิ้งเพียงแค่กดริมฝีปากของเธอลง ส่ายหัวไปมาเบาๆ “ฉันไม่ได้ฆ่าใคร ฉันได้ออกไปจากที่นี่แน่ ถึงแม้ฉันจะอยากเจอพี่แค่ไหน แต่รอให้ฉันออกไปเองได้ ฉันต้องได้เจอเขาแน่นอน”

หลังจากที่เธอพูดจบเธอ ก็เงยหน้าขึ้นมองลู่เซิ่น ก่อนพูด “และ… …ฉันก็ไม่ได้สนใจในตัวคุณจริงๆ”

ลู่เซิ่นเกือบจะหัวเราะด้วยความโกรธ

เขาไม่สนใจว่าเวินจิ้งจะคิดอย่างไรกับเขา แต่เขาไม่คิดว่าเวินจิ้งจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา

เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าถูกขัดโดยเสียงเคาะประตู

“จะหมดเวลาเยี่ยมแล้ว” เสียงของผู้คุมดังขึ้นด้านนอก

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้ว่าอย่างน้อยวันนี้เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเวินจิ้งได้

เขาถอนหายใจเบาๆ ในใจ

อย่างไรก็ตามเขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ คว้าโอกาสสุดท้ายและเหลือบมองเวินจิ้งอย่างเย็นชา ก่อนพูด “คุณเวิน คุณคิดให้ดีนะ ตอนนี้การผ่าตัดรอไม่ได้แล้ว คุณจะฆ่าคนจริงไหม หรือจะพ้นโทษได้ไหม แล้วจะพ้นโทษได้ตอนไหน ไม่ได้กระทบผม แต่มันจะกระทบพี่ชายคุณแน่นอน”

เวินจิ้งไม่ตอบเธอยังคงนั่งเงียบๆ ก้มหน้าลง

ลู่เซิ่นเปิดประตู ก่อนทิ้งประโยคหนึ่งไว้ให้เธอ “ผู้ชายที่ทำร้ายคุณสำคัญกว่าพี่ชายคุณงั้นเหรอ?”

เขาผลักประตูออกไปภาพ เวินจิ้งที่อยู่หลังประค่อยๆลาลับ

หลินหยังรออยู่ที่ประตู เมื่อลู่เซิ่นออกมาเขาก็รีบเข้าไปรับทันที

ลู่เซิ่นพยักหน้าไปทางผู้คุมซึ่งยิ้มอย่างสุภาพและเดินไปส่งเขาที่ประตู

ประตูเหล็กหลังเขาค่อยๆปิดลง ลู่เซิ่นเดินเข้าไปในรถ

สีหน้าของหลินหยังดูลังเล เขามองสลับไปที่ประตูกับลู่เซิ่นอยู่พักนึง

ลู่เซิ่นลดสายตาลง ก่อนพูดเบา ๆ “นายอยากถามใช่ไหมล่ะ?ว่าทำไมไม่บอกเวินจิ้งไปว่านี่คือข้อตกลง”

เขารู้ว่าหลินหยังมองออกอยู่แล้วว่าเขาคิดยังไง เลยไม่ปฏิเสธ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับไป

ลู่เซิ่นหัวเราะเบา ๆ

เขารู้ว่าผนังในห้องมันบาง ไม่สามารถเก็บเสียงได้ดี

หลินหยังยืนรอเขาอยู่ที่ประตู แน่นอนว่าต้องได้ยินสิ่งที่เขาและเวินจิ้งพูด

“นายคิดย้อนไปสักนิด ว่าที่รอฉันข้างหน้า หน้าที่คือยืนรอใช่ไหม” ลู่เซิ่นพูดอย่างใจเย็น

หลินหยังทำสีหน้าเลิ่กลั่กขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้า

เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจ ลู่เซิ่นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

เขามาที่เรือนจำเพื่อความสัมพันธ์ของลุงรอง หน้าที่นี่ก็ต้องเป็นลุงรองที่คุ้นเคยกว่าเขา

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเมื่อคืนลุงรองจะไม่ใช่คนทะเยอทะยาน แต่ลู่เซิ่นก็ไม่อาจที่จะไว้ใจเขาได้

เขาเคยไม่รู้ที่ไหนกัน ถ้าเพิ่งจะอยู่ในห้องเยี่ยม เขาไม่ได้จะปกปิดแบบนี้เลย แต่บอกกับเวินจิ้งโดยตรงว่าพวกเขาต้องการทำธุรกิจ จะไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียเวลาแบบนี้

เห็นได้ว่าเวินจิ้งไม่ใช่ผู้หญิงที่โง่เขลา ข้อตกลงนี้เป็นประโยชน์ต่อเธอ เธออาจจะไม่ปฏิเสธ อย่างน้อยที่สุดก็คงไม่ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้

แต่ผู้คุมยืนอยู่ที่หน้าประตูและทุกคำพูดที่เขาพูดสามารถไปถึงหูของลุงรองของเค้าได้

ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่เขาเข้าประตูเขาสังเกตว่ามีกล้องวงจรอยู่ที่มุมอับบนผนัง

ทุกการเคลื่อนไหวของเขา อยู่ภายใต้การสังเกตของผู้อื่นดังนั้นเขาจึงจะประมาทไม่ได้

เพียงแค่การปฏิเสธของเวินจิ้งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่มันก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา

แน่นอนว่าเขาก็คิดมา ว่าเขาควรทำอย่างไรหากเวินจิ้งปฏิเสธ

ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาในการคิดอย่างเงียบ ๆ ว่าจะทำอะไรหลังจากนั้น พลันเขามีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว “หลินหยัง”

หลินหยังหันมา

“นายรู้ไหม ปกติฉินซีทำเสื้อผ้าที่ไหน”จู่ๆเขาก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

หลินหยังนิ่งไปชั่วครู่ เขาจะไปรู้ไหมล่ะ

เขาเป็นเพียงผู้ช่วยของลู่เซิ่น ไม่ใช่ผู้ช่วยของฉินซีเสียหน่อย

ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวอย่างตรงไปตรงมา “ผมไม่ทราบครับ”

เมื่อเห็นว่าลู่เซิ่นดูหงอยไปเล็กน้อย เขาก็พูดเสริมขึ้นมา “แต่เดี๋ยวผมจะไปถามพ่อบ้านให้นะครับ”

ลู่เซิ่นนวดคิ้วเพื่อผ่อนคลาย เขาพยักหน้าและพูดต่อ “นายไปติดต่อหาช่างออกแบบชุดแต่งงานที่มีชื่อเสียงที่สุดมา นำไซส์ของฉินซีไปให้เขาด้วย ให้เขาคิดและทำออกมาหลายๆชุดเลย”

หลินหยังประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหันกลับมามองไปที่ลู่เซิ่น “จะทำชุดแต่งงานให้คุณผู้หญิงหรือครับ?”

เมื่อมองไปที่สีหน้าประหลาดใจของหลินหยัง ลู่เซิ่นก็รู้สึกขำเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามรักษาสีหน้าให้สงบและพยักหน้า “ฉันจะแต่งงานกับฉินซีอีกรอบ”

ทันทีที่เขาพูดสิ่งนี้ หลินหยังก็เหมือนสูญเสียการควบคุมไปชั่วขณะ

งานแต่ง?

ทำไมลู่เซิ่นถึงคิดอะไรรวดเร็วแบบนี้

ลู่เซิ่นเมื่อมองเห็นสีหน้าของหลินหยัง จึงถามกลับว่า “ฉันแต่งงานกับฉินซีไม่ได้หรือไง?”

หลินหยังรีบส่ายหัวทันที “ไม่ใช่แบบนั้นครับ”

“งั้นก็ไปเตรียมตัวให้ดีล่ะ” ลู่เซิ่นโบกมือไปมาก่อนจะกำชับ

หลินหยังพยักหน้ารับคำ

ลู่เซิ่นไม่พูดอะไรต่อ หลินหยังก็เช่นกัน เขาแค่ขับกลับไปบ้านใหญ่ตระกูลลู่เงียบๆ

… …

ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ริสอร์ทชิงหยวน

ฉินซีไม่มีความกล้าที่จะกดดูวิดีโออีกครั้ง

เมื่อวานเธอมีกล้าที่จะฟังเสียงอัดของลู่เซิ่นซ้ำๆ เธอยังมีหวังเล็กๆอยู่ในใจ คิดว่าลู่เซิ่นอาจถูกใครบางคนบงการได้ ดังนั้นเธอจึงยังคงคิดที่จะฟังทั้งจากสองฝ่ายเพื่อหาพิรุธ

แต่วิดีโอนี้มันต่างออกไป

เสียงนั่นคือของจริง วีดิโอก็เป็นของจริง

และตัวของลู่เซิ่นเองในวีดิโอ ก็บ่งบอกทุกอย่างแล้ว

ฉินซีอยู่ในห้องหนังสือเป็นเวลานาน จนในที่สุดเธอก็สามารถจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ กระทั่งเงาของดวงอาทิตย์เริ่มจะลาลับขอบฟ้าไป

มันก็ชัดเจนทุกอย่างแล้ว

ลู่เซิ่นอยู่ห่างจากบ้านนานเป็นเดือน และดูทำตัวแปลกออกไป คงจะเป็นช่วงเวลานั้นที่เขาได้เจอความรักครั้งใหม่ ฝ่ายหญิงคงจะเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ ไม่ต่างอะไรกับตระกูลลู่ ดังนั้นทั้งสองตระกูลจึงสามารถพูดคุยเรื่องการแต่งงานได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นสิ่งที่ลู่เซิ่นพูดไว้ในคลิปเสียงนั้น ว่าจะไปพูดคุยขอแต่งงานกับพี่ชายของฝ่ายหญิง และเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของเขา ลู่เซิ่นถึงกับต้องบินกลับไปที่เมืองหนานเพื่อคุยเรื่องนี้กับผู้อาวุโสของตระกูลลู่ นี่เป็นสิ่งที่เธอได้ยินมาจากวีดิโอเมื่อตะกี้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท