Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1122

ตอนที่ 1122

บทที่ 1122 ทำคลิปปลอมไม่ได้

“ว่าไง ไม่มีคนรับสายหรือ” ใบหน้าของจ้านเซินยังคงมีรอยยิ้มไม่แยแส “ผมบอกแล้วไง ตอนนี้เขาไม่มีเวลาสนใจคุณหรอก”

ฉินซีเม้มริมฝีปาก ไม่ยอมพูด มือยังคงกำมือถือแน่น ราวกับต้องการลองโทรออกไปอีกครั้ง

จ้านเซินไม่คิดจะห้ามเธอ ท่าทางไม่แยแส “คุณโทรไปอีกกี่ทีก็ไม่มีประโยชน์ ผมบอกแล้วไง ตอนนี้เขาไม่มีทางรับสายคุณ ตอนนี้เขา…คงอยู่ในเรือนจำมั้ง”

ฉินซีรีบหันไปมองเขา “เรือนจำหรือ”

จ้านเซินยิ้ม โบกมือ “เข้าใจผิดแล้ว ผมพูดไม่ชัดเอง เขาไม่ได้ทำผิดถึงเข้าไปในนั้น เขาไปเยี่ยมคนในคุก หรือพูดอีกที…ขอแต่งงาน”

ฉินซีขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความงุนงง

ไปคุกเพื่อขอแต่งงานอย่างนั้นหรือ

จ้านเซินกลับไม่ยอมอธิบายอะไรอีก กดมือถือของตัวเอง แล้วยื่นมือถือมาตรงหน้าฉินซี “คุณดูเองละกัน”

หน้าจอมือถือของเขาฉายคลิป ดูแล้วเหมือนภาพที่ถ่ายจากกล้องวงจรปิด ในภาพคือห้องที่ไม่ได้ตกแต่งอะไร คนที่นั่งอยู่สองฝั่งของโต๊ะตัวใหญ่คือลู่เซิ่นกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

ภาพจากกล้องวงจรปิดคุณภาพไม่ดีนัก ฉินซีเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นไม่ชัด เห็นแต่รูปร่างของผู้หญิงผอมบาง สวมชุดนักโทษ ยิ่งดูเศร้าสร้อย

ฉินซีรู้สึกว่าเค้าหน้าของผู้หญิงคนนี้ดูคุ้นอยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ ไม่มีเวลาให้เธอนึกย้อนความทรงจำ

ในหัวของเธอมีคำถามมากมาย จนไม่รู้จะถามคำถามไหนก่อนดีในเวลาอันสั้น จึงได้แต่สังเกตภาพบนมือถือของ

จ้านเซิน

จ้านเซินคงจะเห็นเธอตั้งอกตั้งใจดู คิดว่าเธอคงจะใส่ใจคลิปนี้มาก จึงอธิบายเอง “ผมรู้ว่าคุณสงสัยว่าจริงมั้ย แต่ผมบอกคุณได้ นี่คือภาพเรียลไทม์จากกล้องวงจรปิดในเรือนจำ ผมทำคลิปปลอมไม่ได้”

ฉินซีขมวดคิ้ว ดูไม่ออกว่าเชื่อหรือไม่

ดูเหมือนจ้านเซินยังไม่ย่อท้อ ยื่นมือถือไปตรงหน้าเธอ “ไม่เชื่อก็ดูนี่สิ”

เขากดอีกที มือถือปรากฏอีกภาพหนึ่ง

ยังคงเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ดูเหมือนจะเป็นทางเดิน แม้ภาพจะมัว แต่ฉินซีก็ดูออก คนที่ยืนใกล้กล้องวงจรปิดมากที่สุด ก็คือหลินหยัง

คิ้วของเธอยังคงขมวดแน่น ไม่พูดอะไร

จ้านเซินไม่สนใจท่าทีเย็นชาของเธอ อธิบายต่อไป “คุณน่าจะรู้จักคนนี้ใช่มั้ย ผู้ช่วยของลู่เซิ่น รอเขาอยู่ที่หน้าประตู ถ้าคุณไม่เชื่อนี่เป็นภาพเรียลไทม์ ลองโทรไปหาเขาดูสิ ผมเปิดเสียงภาพจากกล้องวงจรปิด คุณก็จะรู้ ผมแต่งภาพกล้องวงจรปิดไม่ได้”

เขามองฉินซีอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่ฉินซีกลับนิ่งเฉย เพียงแต่มองเขาสายตาเย็นชา “คุณคือใครกันแน่”

ทั้งเสียง คลิป และภาพกล้องวงจรปิดเรียลไทม์ ไม่มีทางที่พนักงานบริษัทพีอาร์ธรรมดาๆ จะทำได้

อีกอย่างหนึ่ง เธอไม่เคยเชื่อมาก่อน เขาจะเป็นเพียงพนักงานธรรมดา

จ้านเซินอึ้งไป แล้วยิ้มกว้าง “คุณจะนึกออกเองผมคือใคร แต่ตอนนี้ ผมแนะนำให้นะ โทรไปหาผู้ช่วยหลินคนนี้ก่อน ในเมื่อ…โอกาสยืนยันจริงเท็จไม่มาก ผมไม่อยากให้ต่อจากนี้ไปคุณสงสัยในตัวผม”

ฉินซียังคงนิ่งไม่ไหวติงเช่นเดิม

แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนที่ใครจะมาพูดอะไรให้หวั่นไหวง่ายๆ

ดูเหมือนจ้านเซินจะเตรียมพร้อมกับการระมัดระวังตัวของเธอมาแล้ว เขาหยิบมือถือออกมาอีกเครื่องหนึ่ง ยิ้มให้ ฉินซี ก้มหน้ากดหมายเลขหนึ่ง เลือกแบบแฮนด์ฟรี แล้ววางลงบนโต๊ะ จากนั้นกดมือถือที่ฉายภาพกล้องวงจรปิด มือถือเครื่องนั้นก็มีเสียงเบาๆ ออกมา

ฉินซีเข้าใจดี เขาเปิดเสียงจากกล้องวงจรปิด

เธอไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่จ้องมองภาพกล้องวงจรปิดในมือถือ

มือถือเครื่องที่ใช้โทรออกมีเสียงตู๊ดๆ ดังขึ้น ดังสะท้อนในห้องที่ทั้งมืดและเงียบ

แต่ใจของฉินซีต่างจากเสียงรอสายที่ดังออกมาแช่มช้า ไม่กี่วินาทีต่อมา หลินหยังที่อยู่ในกล้องวงจรปิดขยับตัว เขาก้มมองมือถือของตัวเอง มีท่าทีสงสัย จ้องมองหน้าจอมือถือครู่ใหญ่ ขมวดคิ้วนิดๆ กดรับสาย

“สวัสดีครับ ใครพูดสายครับ”

เพราะเวลาการส่งสัญญาณที่ต่างกัน ประโยคนี้ออกมาจากมือถือสองเครื่องไม่พร้อมกัน

แต่ไม่ผิดแน่นอน เป็นคำพูดเดียวกัน

ฉินซีหลับตา

จ้านเซินรู้ว่าเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว จึงไม่โทรต่อ แต่ตัดสายทิ้งดื้อๆ

สายตาของฉินซียังคงหยุดอยู่ที่ภาพกล้องวงจรปิด เธอมองท่าทีสงสัยของหลินหยัง แต่สุดท้ายเข้าก็เก็บมือถือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

“ผมบอกแล้วไง นี่คือภาพกล้องเรียลไทม์ ผมไม่มีทางหลอกคุณ” จ้านเซินพูดไปพลาง จับภาพกลับไปในห้องที่ลู่เซิ่นนั่งอยู่

เขายังไม่ปิดเสียงกล้องวงจรปิด ฉินซีจึงได้ยินเสียงของลู่เซิ่นที่ดังออกมาจากมือถือแจ่มชัด “…ถ้าคุณกลายเป็นคุณนายลู่ แน่นอนว่าคุณจะไม่ต้องคดีฆ่าคนตายต่อไป…”

เธอทำท่าเหมือนทนฟังไม่ได้ ยื่นมือไปปิดหน้าจอมือถือ

ห้องนอนที่ไม่ได้เปิดไฟมาแต่แรก เมื่อปิดมือถือ เสียงเงียบหายไป แสงสว่างในห้องพลันหายไป ทั้งห้องจึงเงียบงันมืดมิดอีกครั้ง

“…คุณคือใครกันแน่” เสียงของฉินซีลอดออกมาจากไรฟัน แต่แฝงด้วยความอ่อนล้าที่ยากจะเอ่ยเป็นคำพูด

จ้านเซินเลิกคิ้ว ไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับย้อนถาม “คุณไม่รู้จริงๆ หรือผมคือใคร”

ฉินซีเงียบ

เธอไม่มีทางบอกกับ จ้านเซินว่าเธอสูญเสียความทรงจำบางส่วน เธอจึงไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกที่ตัวเองรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยรู้จักกับเขาได้อย่างไร แต่กลับนึกอะไรไม่ออกสักอย่าง

จ้านเซินเหมือนจะเคยชินแล้วกับท่าทีนิ่งขรึมของเธอในคืนนี้ ไม่รอคำตอบของเธอ ก็พูดขึ้น “ผมคิดว่า ถึงคุณจะสูญเสียความทรงจำ ก็น่าจะรู้สึกคุ้นเคยกับผมบ้างไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นตอนแรกที่รู้ว่าผมบุกเข้ามาในห้องนอน คุณก็น่าจะโทรเรียกพวกการ์ดที่นี่มาจับผมแล้ว”

ตอนที่พูดถึง “พวกการ์ด” น้ำเสียงจ้านเซินแฝงการดูถูกหน่อยๆ เหมือนจะไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา และไม่เชื่อว่าพวกเขาจะ “จับตัวเขาได้” จริงๆ

ฉินซีไม่ได้สนใจเรื่องที่เขาไม่แยแสการ์ดของรีสอร์ทชิงหยวน เธอเพียงแต่จ้องมองไปทางจ้านเซิน“คุณรู้ว่าฉัน…”

เธอพูดยังไม่ทันจบ เพื่อไม่ให้จ้านเซินหลอกให้เธอพูดอะไร ยิ่งเธอพูดมากก็จะเป็นการเปิดเผยข้อมูล

เธอค่อยๆ เคยชินกับความมืดในห้อง แต่ยังคงมองเห็นสีหน้าของจ้านเซินไม่ชัด เห็นแต่เพียงเค้าหน้าของเขาเท่านั้น

แต่แม้จะไม่เห็นแค่ไม่กี่วินาที เธอกลับแทบจะวาดภาพสีหน้าเวลานี้ของจ้านเซินในหัวได้

มุมปากคงจะเผยอ หรี่ตานิดๆ โดยรวมแล้วแสดงความรู้สึกที่รู้สึกว่าน่าขบขัน ใช้น้ำเสียงที่เหมือนได้ฟังเรื่องตลก “แน่นอนว่าผมรู้ คุณสูญเสียความทรงจำ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท