Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1123

ตอนที่ 1123

บทที่ 1123 ลางสังหรณ์ในทางร้าย

ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองใช้ความประหลาดใจตลอดทั้งปีหมดไปในคืนนี้

จ้านเซินรู้เรื่องนี้…

ทำไมเขารู้เรื่องนี้ เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง

“ชู่…” ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าฉินซีจะเอ่ยปากถามอะไรอีก จ้านเซินยกนิ้วชี้ขึ้นมา ทำท่าไม่ให้พูด “ผมรู้ว่าตอนนี้คุณแปลกใจมาก ผมคือใคร เข้ามาที่นี่ได้ยังไง ทำไมผมรู้เรื่องคุณดีขนาดนี้ และทำไมผมต้องบอกเรื่องลู่เซิ่นกับคุณ สารพัดคำถามเกิดขึ้น ผมไม่มีความอดทนที่จะอธิบายรายละเอียดกับคุณหรอกนะ”

ไม่รอฉินซีเอ่ยคำใด เขาพูดต่อไป “ถ้าคุณอยากรู้ ไปกับผมที่หนึ่ง ผมจะบอกทุกอย่างกับคุณ”

ฉินซีขมวดคิ้วแน่น ถามเสียงเย็น “คุณเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉัน ทำไมฉันต้องไปกับคุณ”

จ้านเซินดูเหมือนจะโกรธกับคำว่า “คนแปลกหน้า” ทั้งตัวแผ่ความเย็นชาออกมา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น “คุณกังวลอะไร ความปลอดภัยของคุณอย่างนั้นหรือ คุณคิดว่า ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน ถ้าผมจะทำอะไรคุณ มันจะแตกต่างกันตรงไหน”

ฉินซีไม่รู้จะหาคำพูดมาตอบโต้อย่างไรดี

รีสอร์ทชิงหยวนมีการดูแลเหมือนป้อมปราการแข็งแกร่งจ้านเซินกลับเข้าออกได้สบายๆ ตอนบ่ายนึกจะมาก็มา พวกการ์ดหาจนรอบก็ไม่เจอเบาะแสใดๆ ถึงแม้จะเพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาก แต่ตอนกลางคืนเขายังเข้ามาในห้องนอนที่มีการดูแลเข้มงวดมากที่สุดได้ง่ายดาย ฉินซีแม้จะเป็นคนหนึ่งที่ความรู้สึกระมัดระวังตัวดีมาก เขาเดินมาถึงข้างหลังเธอแล้ว เธอกลับไม่รู้สึกตัวสักนิด

ถ้าหากเขาคิดร้ายละก็ คงจะชกเธอสลบแล้วพาตัวเธอไปตั้งแต่ตอนที่เพิ่งเข้ามาแล้ว

แต่เธอจะเชื่อง่ายๆ ได้อย่างไรกัน

ฉินซีตอบกลับสีหน้าเรียบเฉย “แต่อย่างน้อยที่นี่ คุณก็ทำอะไรไม่ได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องพูดอะไรตั้งเยอะแยะ พาตัวฉันไปเสียแต่ทีแรกแล้ว”

จ้านเซินยิ้มนิดๆ “ฉินซี คุณมองผมผิดไปแล้ว”

ทันใดนั้นฉินซีรู้สึกสังหรณ์ในทางร้าย สัญชาตญาณบอกให้เธอถอย

แต่จ้านเซินว่องไวกว่าเธอมาก

ดูเหมือนเขาใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเคลื่อนตัวมาอยู่เบื้องหน้าฉินซี

ฉินซีอ้าปากจะตะโกน แต่ถูกเขาปิดปากอย่างรวดเร็ว

“เชื่อฟังกันหน่อยสิ” เขากระซิบข้างหูของฉินซี

ผ้าเช็ดมือที่พับอยู่ในมือของเขา สัมผัสของผ้าอ่อนนุ่ม แตะที่ปลายจมูกของฉินซี กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมา เหมือนกับกลิ่นหอมของน้ำยาซักเสื้อผ้า

แต่ฉินซีรู้ดี นี่ไม่ใช่กลิ่นน้ำยาซักผ้าแน่นอน

เธอพยายามกลั้นหายใจเพื่อไม่สูดดมเอากลิ่นนั้นเข้าไป แต่ทำได้ไม่ถึงนาที ก็ไม่อาจกลั้นหายใจต่อไปได้

กลิ่นหอมนั้นลอยเข้าจมูกฉินซี ค่อยๆ เข้าไปในโพรงจมูก

เธอรู้สึกว่าสมองของตัวเองถูกกลิ่นหอมนั้นกระจายเข้าไป ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกควบคุมประสาทของตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย กล้ามเนื้อก็อ่อนแรง คนที่อยู่ข้างๆ น่าเชื่อถือสนิทใจ เขาพูดอะไร ตัวเองควรจะคล้อยตาม

ความรู้สึกนี้ไม่ถูก ประสาทสุดท้ายที่ยังตื่นตัวส่งสัญญาณเตือน

ยาประเภทควบคุมประสาท!

สติสัมปชัญญะสุดท้ายส่งเสียงกรีดร้อง

แต่เสียงเตือนเบาเหลือเกิน แทบจะจะถูกฝังในสมองทันที

ในที่สุดการแสดงออกของฉินซีก็คล้อยตามแต่โดยดี

จ้านเซินถึงค่อยๆ ปล่อยมือที่ปิดปากและจมูกของเธอออก ก้มหน้าพิจารณาเธออย่างละเอียด ราวกับมองเห็นท่าทางของเธอได้ชัดเจนท่ามกลางความมืดมิดเช่นนี้

ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มพึงพอใจ น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน

“เอาล่ะ ตอนนี้ ฟังผมนะ”

……

พ่อบ้านตากระตุกทั้งคืน ทำอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด ราวกับเป็นลางร้ายบางอย่าง

แต่เขาเดินตรวจตราทุกซอกมุมในบ้านแล้ว ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ

ถ้าจะพูดว่าอะไรที่ผิดปกติมากที่สุด…ก็คือฉินซี

อยู่มาจนอายุปูนนี้ วันนี้ความผิดปกติของฉินซีเห็นได้ชัด

ท่าทางผิดปกติของเธอ ราวกับจะ…บอกลา

แต่พ่อบ้านครุ่นคิดแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้

ก็เห็นอยู่ว่าไม่กี่วันก่อนตอนที่ลู่เซิ่นไปทำงานต่างเมืองทั้งสองก็ยังดีๆ กันอยู่ กอดกันที่หน้าประตูหวานชื่นนานสองนาน และยังสัญญากันว่ากลับมาแล้วจะไปเที่ยวกัน ฉินซีไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรไปจากที่นี่กะทันหันเช่นนี้

พ่อบ้านยกมือขยี้ตา ทอดถอนใจตัวเองแก่แล้ว ทำอะไรก็ตื่นตูมง่าย

แต่ประโยคทอดถอนใจนี้ยังพูดไม่ทันจบ เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นฉินซีลงมาจากชั้นบน

นอกจากตัวเธอแล้ว ยังมีกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง

ในใจพ่อบ้านทันใดนั้นรู้สึกถึงสัญญาณเตือนภัย รีบเดินเข้าไปหา ดึงกระเป๋าเดินทางจากมือฉินซีมา ถามอย่างกังวล “เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

ฉินซีก้มหน้า ทำให้พ่อบ้านเห็นสีหน้าของเธอไม่ชัด “อานหยันมีเรื่องนิดหน่อย ฉันต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเธอสองสามวันค่ะ”

พ่อบ้านยังคงรู้สึกไม่วางใจ “ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว คุณไปตอนนี้ไม่ปลอดภัย ให้การ์ดที่บ้านไปส่งดีกว่า พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยไปดีมั้ยครับ”

ฉินซีส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องความปลอดภัย คือ… อานหยันมีเรื่องนิดหน่อย อารมณ์ไม่ดี ฉันไปเป็นเพื่อนเธอ แล้วจะเลยไปอยู่กับเธอสองสามวัน เหมือนเมื่อก่อนไงคะ รอลู่เซิ่นกลับมา ฉันก็จะกลับมาค่ะ”

เมื่อก่อนเวลาที่ลู่เซิ่นไปทำงานฉินซีไปอยู่บ้านอานหยันหลายวันค่อยกลับมาจริงอยู่ พ่อบ้านรู้ดี อีกอย่างเหตุผลนี้ของฉินซีทำให้เขาหาคำพูดมาปฏิเสธไม่ได้ สุดท้ายได้แต่ยืนยัน “ตอนนี้ดึกมากแล้ว คุณขับรถไปเองไม่ปลอดภัย ให้คนขับรถไปส่งเถอะครับ”

ครั้งนี้ฉินซีไม่ปฏิเสธ พยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”

พ่อบ้านค่อยโล่งอก

กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของฉินซี วางในกระโปรงหลังรถไม่ได้ คนรับใช้จึงวางกระเป๋าที่เบาะหลังแทน

ถ้าหากมีใครสักคนเปิดกระเป๋าดู เห็นข้างในมีกล่องกระดาษสองใบ คงจะสงสัยเป็นแน่ แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น

พวกคนรับใช้วางกระเป๋าเดินทางทางด้านซ้าย ฉินซีเข้าไปนั่งทางด้านขวาของรถ

พ่อบ้านพยายามระงับลางสังหรณ์ในทางร้ายที่เกิดขึ้นในใจอย่างบอกไม่ถูก โบกมือให้ฉินซี “ประธานลู่ไม่อยู่ คุณก็ไม่อยู่ ที่นี่เงียบเหงา ถ้าเพื่อนคุณไม่เป็นอะไรแล้ว รีบกลับมานะครับ!”

ฉินซีพยักหน้าตอบรับ

พ่อบ้านหันไปกำชับกับคนขับรถ “ส่งคุณผู้หญิงให้ถึงหน้าประตูนะ”

คนขับรถรับคำสั่งของพ่อบ้าน

พ่อบ้านถึงจะวางใจ ส่งฉินซีออกไป

เขามองรถค่อยๆ ลับสายตา ในใจลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายที่บอกไม่ถูกนั้นก็แรงขึ้น

พ่อบ้านไม่รู้จะทำอย่างไรดี ครุ่นคิด แล้วโทรไปหาลู่เซิ่น

……

ขณะที่ลู่เซิ่นรับสายนั้น รถเพิ่งจะจอดที่หน้าประตูบ้านเก่า

เมื่อเห็นว่าเป็นสายเข้าจากพ่อบ้าน เขาประหลาดใจไม่น้อย นั่นเพราะพ่อบ้านรีสอร์ทชิงหยวนคนนี้แทบจะไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาเขามาก่อน

มีเรื่องอะไรกันนะ

ลู่เซิ่นแทบจะคิดถึงฉินซีทันที เขาจึงไม่ชักช้า รีบรับสายทันที

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท