Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1128

ตอนที่ 1128

บทที่ 1128 ย้อนคิดทุกเรื่องราว

ฉินซีสังเกตรอบๆ อย่างระแวดระวัง

ตัวเองอยู่ในห้องขนาดไม่ค่อยใหญ่ ห้องสี่เหลี่ยม นอกจากห้องน้ำเล็กๆ ทางซ้ายมือแล้ว มุมอื่นมองปราดเดียวก็เห็นทั้งหมด

ในห้องนี้ดูเหมือนจะไม่มีคนอื่น

ฉินซีลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง เดินไปที่ประตู แน่ใจว่าประตูล็อกดีแล้ว ค่อยเดินไปมา

ผ้าม่านในห้องไม่ได้ถูกดึงปิด แสงอาทิตย์จึงสาดส่องเข้ามา ทำให้ทั้งห้องสว่าง

การตกแต่งห้องเรียบง่ายมากจนเรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยผ่านการตกแต่งอะไร ผนังรอบด้านและฝ้าแค่ทาสีขาว ไม่มีการตกแต่งอะไรเช่นกัน

ผนังฝั่งตรงข้ามประตูวางโซฟาหนังสีน้ำตาลเข้ม ข้างโซฟามีชั้นหนังสือเล็กๆ ถัดเข้ามาคือเตียงที่ฉินซีนอนอยู่เมื่อครู่ ผ้าปูเตียงสีขาวบนเตียง กล่องของเธอวางที่ปลายเตียง

นอกจากนี้ ในห้องก็ไม่มีข้าวของอะไรมากมาย ในห้องมีกลิ่นฝุ่นที่แสดงว่าไม่มีคนอยู่มานาน แม้ว่าจะตั้งใจกวาดถู แต่ยังคงปิดซ่อนความรู้สึกไร้ชีวิตชีวาไม่ได้

ฉินซีหามือถือของตัวเองไม่เจอ และไม่มีเครื่องมือสื่อสารใดๆ กับโลกภายนอก บนผนังแม้แต่นาฬิกาสักเรือนก็ไม่มี เธอได้แต่ตัดสินจากท้องฟ้าด้านนอก เวลาตอนนี้คงจะเที่ยงวันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นเที่ยงของวันไหนกันแน่

นับแต่ตัวเองถูกบุกประชิดตัวที่รีสอร์ทชิงหยวน ผ่านไปนานแค่ไหนกันแน่นะ

ที่นี่ คือที่ไหนกันแน่นะ

เธอขมวดคิ้ว รู้สึกกระสับกระส่าย

ภายในห้องไม่ใหญ่นัก เธอเดินวนรอบหนึ่ง จนแน่ใจว่าในห้องไม่มีใคร ก็มายืนตรงหน้าต่างในที่สุด

หน้าต่างเปิดกว้าง ไม่มีมาตรการป้องกันอะไร แต่เมื่อฉินซีเดินออกไป ถึงได้รู้เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น

มองจากความสูงของหน้าต่างลงไป คะเนห้องที่เธออยู่อย่างน้อยคือชั้นยี่สิบ

นอกจากเธอคิดไม่ตกจนกระโดดลงไป ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครคิดกระโดดลงไปจากที่นี่

แต่ฉินซีไม่ได้เดินออกจากตรงนั้นทันที

เธอยืนที่หน้าต่าง สังเกตสิ่งแวดล้อมโดยรอบอย่างละเอียด

ห้องสูงเกินไป มองรายละเอียดบนพื้นล่างได้ไม่ชัดเจน แต่เป็นตำแหน่งที่สังเกตรอบๆ ได้ดีมาก

สถานที่เธออยู่ตอนนี้ดูเหมือนจะโดดเดี่ยว นอกจากตึกสูงหลังนี้ แทบไม่เห็นอาคารตึกสูงอื่นๆ

…จริงสิ แม้แต่บ้านเรือนคนทั่วไปก็แทบไม่มี

สิ่งแวดล้อมโดยรอบสวยงามมาก ฉินซีมองออกไปไกลๆ น่าจะเป็นทะเล ใกล้อีกหน่อยปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจี

เมื่อเห็นทะเลนั่น ทันใดนั้นฉินซีมีลางสังหรณ์ไม่ดี ตอนนี้เธอคงจะไม่ได้อยู่บนเกาะหรอกนะ

เมื่อเกิดความสงสัยเช่นนี้ ฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าอากาศมีกลิ่นชื้นเค็มที่เป็นกลิ่นเฉพาะจากริมทะเล

ฉินซีสังเกตอย่างละเอียดอีกครู่หนึ่ง ในหัวก็เกิดภาพที่น่าตลกขึ้น

เกาะว่างเปล่าไร้ผู้คน แต่ตรงกลางเกาะกลับมีตึกสูงผุดขึ้น

มองดูแล้วอย่างกับฉากในภาพยนตร์ไซไฟ แต่ฉินซีรู้สึกจากจิตใต้สำนึกว่า นี่คือความจริง

แต่การสังเกตเช่นนี้ ก็แค่เข้าใจสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ไม่เกิดประโยชน์อะไร

ฉินซีไม่รู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวสักนิด จึงคิดไม่ออกว่าจะหนีไปจากที่นี่ได้อย่างไร

มองดูอยู่นาน ก็ไม่ได้ผลอะไร ฉินซีรู้สึกอึดอัดนั่งลงที่โซฟา ซุกหน้ากับฝ่ามือ สูดลมหายใจลึกหลายครั้ง

นิ่งเข้าไว้ ฉินซีบอกกับตัวเอง เวลานี้ถ้าความคิดสับสน ก็จะตกอยู่ในกำมือคนอื่น

เธอต้องสงบสติอารมณ์ ถึงจะคิดหาวิธีหนีไปจากที่นี่ได้

สิ่งสำคัญอันดับแรก ก็คือเรียบเรียงความทรงจำที่สับสนในหัวสมองของตัวเองก่อน

ฉินซีแค่ย้อนคิดไม่กี่วินาที ก็รู้สึกปวดขมับจี๊ดๆ เหมือนเข็มแทง

แต่เธอขมวดคิ้วอดกลั้นความปวดนั้น

ย้อนความทรงจำเช่นนี้ คล้ายกับใช้มุมมองพระเจ้าสังเกต

วิญญาณของฉินซีลอยออกมา ผ่านห้องนอนที่มืดมิด มองตัวเองจากอีกมุมหนึ่ง

จ้านเซินใช้อะไรสักอย่างอุดจมูกของตัวเอง จากนั้นตัวเองก็เหมือนสูญเสียการควบคุม ตัวลอยๆ ไม่ว่าเขาพูดอะไรกับตัวเอง ก็รู้สึกว่าควรจะเชื่อฟัง

จ้านเซินกระซิบอะไรสักอย่างกับตัวเอง ทำสัญลักษณ์มือตรงหน้า แล้วตัวเองก็พยักหน้า แสดงว่าเข้าใจ

จ้านเซินถอยหลังไปหลายก้าว หายตัวไปทางระเบียง

ส่วนเธอหยิบกระเป๋าเดินทาง เดินลงไปพูดกับพ่อบ้าน ตัวเองจะไปบ้านอานหยัน…

เธอเพิ่งจะคิดถึงตรงนี้ ก็มีเสียงความเคลื่อนไหวดังมาจากทางประตู

ฉินซีหันไปมอง

——จ้านเซินยืนที่หน้าประตู

ฉินซีไม่แปลกใจสักนิดที่เขาเปิดประตูที่ตัวเองเพิ่งลงกลอนได้อย่างง่ายดาย และไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยที่เขาคือคนที่ปรากฏตัวตรงนั้น

หรือกล่าวได้ว่า ใบหน้าของเธอไม่แสดงอารมณ์แต่อย่างใด สายตาก็ไม่สนใจจ้านเซินราวกับเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ

จ้านเซินไม่ใส่ใจท่าทีเย็นชาของเธอ เดินยิ้มเข้ามาทักทาย “คุณตื่นเร็วกว่าที่ผมคิดมาก นึกไม่ถึง ไม่ได้ฝึกนานขนาดนี้ สภาพร่างกายของคุณยังดีขนาดนี้”

ฉินซีสีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่ได้ยินที่จ้านเซินพูด

แต่ในใจของเธอเกิดความสงสัยขึ้น

ฝึกหรือ

ฝึกอะไร

ทำไมตัวเองต้องฝึก

แม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงออกอะไร แต่ดูเหมือน จ้านเซินมองเห็นความคิดของเธอทะลุปรุโปร่ง สีหน้ายังเปื้อนยิ้ม “สงสัยมากใช่ไหมว่าที่นี่ที่ไหน ทำไมผมต้องไปหาคุณ ทำไมผมห่วงใยคุณขนาดนี้”

ฉินซีรู้สึกว่าการที่เขาเรียกการกระทำของตัวเอง “ห่วงใย” เป็นเรื่องขำไม่ออก

แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ คำถามที่เขาพูดถึง เป็นเรื่องที่เธอสงสัยมากจริงๆ

ตอนที่เธอสนทนากับจ้านเซินก็มองออกจ้านเซินกับตัวเอง ไม่ใช่คนเพิ่งรู้จักกันแน่นอน

เขารู้ว่าเธอสูญเสียความทรงจำ รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับอานหยัน และยังรู้ด้วยว่าบางครั้งเธอไปอยู่กับอานหยัน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่แต่งข้ออ้างเช่นนั้นหลอกพ่อบ้าน นอกเสียจากเขาจะรู้ว่า ข้ออ้างนี้ต้องใช้ได้แน่

เมื่อคิดว่าจะต้องมีคนคอยแอบตามดูตัวเองมานานขนาดนี้ ฉินซีรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

“เอาล่ะ” จ้านเซินนั่งลงข้างเธอ ยืดตัวตรง “ผมรับปากคุณไว้ มาที่นี่กับผมแล้ว จะบอกคุณทุกอย่าง ผมไม่ชอบผิดคำพูด”

สายตาของฉินซีขยับนิดหนึ่ง แต่ยังคงไม่ได้มองเขา

อะไรเรียกว่าเธอ “มาที่นี่กับเขา” เธอถูกลักพาตัวมาที่นี่ต่างหาก

เธอนึกถึงช่วงเวลาไม่กี่นาทีที่กลิ่นหอมนั้นทะลุเข้าสมองของเธอได้ไม่ทันไร มีอีกคนหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าประตู

คนผู้นั้นสวมเสื้อกาวน์สีขาว รูปร่างสูงใหญ่ ตัดผมสั้น สวมแว่นตา เพราะแสงสะท้อนของแว่นตา ฉินซีจึงเห็นหน้าเขาไม่ชัด

“แต่ผมไม่ใช่คนมีความอดทนมากนัก ผมบอกคุณแล้ว ดีกว่าให้ผมบอกคุณทุกเรื่อง ทำให้คุณจำได้ ไม่อย่างนั้น…ให้คุณนึกได้เอง” จ้านเซินพูดเรื่อยๆ

ฉินซีมองคนสวมชุดกาวน์ที่เดินเข้ามาใกล้ ดวงตากระตุกทันที

จ้านเซินอยากจะให้เธอฟื้นความจำทันที!

จิตแพทย์ของเธอใช้วิธีที่อ่อนโยนขนาดนั้นรักษา เธอยังรู้สึกทรมาน

ถ้าหากให้เธอจำทุกเรื่องราวในทันที

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท