Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1138

ตอนที่ 1138

บทที่ 1138 สามารถโดนช่วยกลับมา

บางครั้งที่ฟางฟางก็ยังใช้พลังงานไฟฟ้ากระตุ้นอยู่บ้าง แต่ว่าเมื่อดูจากในความทรงจำแล้ว ฉินซีไม่เคยเจ็บปวดแบบนั้นอีกเลย

ดูไปแล้ว ฟางฟางก็คือนักทดสอบของตัวเองนี่เอง

ฉินซีก็ยังรู้สึกว่า ขั้นตอนการจับคู่ที่ทุกคนจับคู่กับนักทดสอบนั้น ทำอย่างกับว่าเอาคนไปเป็นเพียงของทดลอง แต่ไม่ได้เห็นว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่ง

เพียงแต่ว่ายังดีที่นักทดสอบคนนี้ที่ตัวเองได้จับคู่ด้วย ยังเป็นคนที่อ่อนโยนและมีเมตตา

“เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?” ฟางฟางเข้าประตูมา ก็เปิดปากถามขึ้นทันที

ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองยิ้มขึ้นเล็กน้อย และน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ “ฉันจะต้องไม่มีปัญหาแน่ค่ะ”

ฟางฟางก็ยิ้มตามขึ้นมา “ใช่ ฉันเชื่อใจเธอ ภารกิจครั้งนี้ของเธอจะง่ายกว่าการฝึกในเวลาปกติของพวกเราอยู่เล็กน้อย”

“เป็นอะไรเหรอคะ?” ฉินซีถามขึ้น

“ไปที่สนามฝึกของคนอื่น แล้วสำรวจพื้นที่ภูมิศาสตร์สักหน่อย” ฟางฟางพูดขึ้นอย่างง่ายดาย

ฉินซีในใจรู้สึกมีความสงสัยขึ้นมา

แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าตัวเองที่สิบสามขวบนั้นไม่มีทางระมัดระวังและพบว่า“ที่สนามฝึกของคนอื่น”หกคำนี้มีอะไรที่แปลกประหลาดอยู่ แต่ว่าได้แค่พยักหน้าโดยตรงเท่านั้น “รับรองว่าต้องสำเร็จค่ะ”

ฟางฟางมองเธอก็ยิ้มขึ้น “งั้นฉันรอข่าวจากเธอนะ”

ต่อจากนั้นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เหมือนราวกับโดนกดเร่งความเร็ว

ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะเปิดปากตอบรับไป พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองได้นั่งอยู่ในรถแล้ว

ในรถนอกจากตัวเองแล้ว ยังมีผู้ชายสามคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน

เหมือนว่าทุกคนต่างก็โดนสั่งให้เก็บภารกิจของตัวเองไว้เป็นความลับ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครพูดอะไร ต่างก็ก้มหน้าไม่พูดอะไร

และฉินซีรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะนั่งอยู่ในรถได้ไม่นาน รถก็จอดลงแล้ว มีคนพูดขึ้นว่า “ถึงแล้ว” และทุกคนก็ทยอยกันลงมาเหมือนปลาที่ว่ายน้ำต่อกันไปเป็นฝูง

ฉินซีเพิ่งลงจากรถ อยู่ ๆ ภาพเหตุการณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ตัวเองได้อยู่ตามลำพังแล้ว และยืนอยู่ในป่าไม้ฝืนหนึ่ง

ฉินซีรู้ว่านี่คือ ภารกิจของตัวเองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ถ้าเปลี่ยนเป็นเด็กผู้หญิงสิบสามขวบทั่วไปไม่ว่าคนไหน ถ้าโดนทิ้งไว้ตัวคนเดียวในป่าที่ไม่มีคนเลยสักคนแบบนี้ ส่วนใหญ่คงจะตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแล้ว

แต่เห็นได้ชัดว่าฉินซีไม่ได้เป็นเด็กผู้หญิงสิบสามขวบทั่วไปอีกแล้ว

เธอสามารถรู้สึกได้ว่าจังหวะหัวใจของตัวเองเต้นได้สม่ำเสมอมาก ฝ่ามือก็ไม่ได้มีเหงื่อออก เหมือนอย่างกับว่ากำลังเดินอยู่บนถนนหน้าบ้าน แต่ไม่ได้กำลังทำภารกิจอยู่ในพื้นที่“ของคนอื่น”

เด็กอายุสิบสามนั้นน้ำหนักตัวเบามาก เพราะฉะนั้นท่าทางของเธอจึงเบามากเหมือนกัน เกือบจะไม่ได้ทำให้เกิดเสียงใด ๆ ขึ้นมาเลย เสียงที่เกิดขึ้นตอนที่เดินผ่านกิ่งไม้ใบหญ้า ก็ยังดังสู้เสียงที่ลมพัดผ่านกิ่งไม้ใบหญ้าไม่ได้เลย

เห็นได้ชัดว่าเธอค่อนข้างคุ้นเคยกับการสำรวจแบบระมัดระวังแบบนี้ ไปถึงจุดสำรวจหลายจุดอย่างมีความชำนาญ แล้วสำรวจอย่างละเอียดไปรอบหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวสู่เส้นทางกลับอย่างเบามือเบาเท้า

อาจจะเป็นเพราะสาเหตุที่โดนยัดความทรงทำฝึกฝนทั้งสามปีกลับเข้ามา ฉินซีที่อาศัยอยู่ในร่างตอนเด็กของตัวเองก็มองตามสายตาของตัวเอง และเหมือนเป็นไปโดยสัญชาตญาณ แล้วจดจำภูมิศาสตร์รอบข้างเอาไว้ในหัวสมองได้ทั้งหมด

ภาพกะพริบอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองได้กลับมาถึงในค่ายแล้ว และกำลังร่างสิ่งที่ตัวเองเห็นออกมาตามความทรงจำโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ผ่านไปไม่นาน เธอก็ถ่ายทอดทุกอย่างที่ตัวเองเห็นไว้บนกระดาษตรงหน้าแล้ว ที่สำคัญยังวงพื้นที่ที่สามารถสร้างกับดักได้ง่ายเอาไว้อีกด้วย

คนหลายคนที่ล้อมรอบตัวเธอต่างก็พยักหน้า แล้วก็แยกย้ายกันไป

ฉินซีไม่รู้ว่าภารกิจของพวกเขาคืออะไร และก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถไปถามได้

แต่ว่าเธอรู้ว่า ภารกิจของตัวเองเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว

เธอรออยู่ในค่ายได้ไม่นาน อยู่ ๆ ที่ไกล ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมา

ฉินซีไม่รู้ว่าเพราะอะไร อยู่ ๆ ในใจก็ร้อนรนขึ้นมา

นี่เป็นความเคลื่อนไหวที่มาจากในใจของฉินซีคนปัจจุบัน

แต่ว่าเธอกลับไม่รู้เลยสักนิด ว่าเป็นเพราะอะไร

ไม่กี่นาทีผ่านไป คนทั้งหมดต่างก็กลับมาแล้ว

ทุกคนไม่ได้พูดอะไร ฉินซีสามารถมองจากสีหน้าของพวกเขาได้ว่า ภารกิจของพวกเขาก็เสร็จสมบูรณ์กันแล้ว

จนถึงพอขึ้นมานั่งอยู่ในรถแล้ว ทุกคนถึงทนไม่ไหวแล้วพูดคุยเสียงต่ำกันขึ้นมา

“เด็กผู้ชายตระกูลลู่คนนั้นช่างดวงแข็งจริง ๆ” เด็กผู้ชายคนหนึ่งพึมพำเสียงเบา “ฉันคิดว่าเขาจะต้องตายแน่ ๆ แล้ว”

“ก็ใช่น่ะซิ” เด็กผู้ชายอีกคนเห็นด้วย “คิดไม่ถึงว่าเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ยังโดนช่วยชีวิตกลับมาได้”

เพิ่งพูดไปสองประโยค คนขับรถข้างหน้าก็กระแอมไอขึ้นมาสอบคำ

เด็กผู้ชายสองคนนั้นรีบหยุดเสียงพูดคุยกันลงทันที

ฉินซีกลับนิ่งอึ้งอยู่ในใจ

เด็กผู้ชายตระกูลลู่……

คนแซ่ลู่นั้นมีไม่น้อย แต่ว่าก็มีอยู่ไม่กี่คนที่โดนเรียกแทนว่า “คนตระกูลลู่”

หรือว่า……จะเป็นลู่เซิ่น?

แต่ว่าลู่เซิ่นเป็นอะไรไปล่ะ? อะไรคือดวงแข็งมาก? แล้วทำไมจะต้องตายแน่ ๆ ล่ะ?

ในหัวสมองของฉินซีแค่แป๊บเดียวก็เต็มไปด้วยความคิดต่าง ๆ นานามากมาย เพียงแต่ว่ามันยากอยู่ที่ไม่สามารถใช้ปากของตัวเองที่อายุสิบสามขวบ มาถามทุกอย่างออกไปได้

เธอทำได้เพียงเก็บความสงสัยไว้เต็มหัวสมอง แล้วก็ตามกลับไปที่ฐาน

จ้านเซินยืนรอพวกเขาอยู่ที่หน้าประตู

สีหน้าของเขาดูอารมณ์ใด ๆ ไม่ออก รอจนทุกคนทยอยลงจากรถกันแล้ว เขาก็พาทุกคนกลับมาที่ห้องประชุม

ครั้งนี้ ที่เวทีบรรยายมีแค่คนสองคนแล้ว

ผู้ชายที่หน้าตาคล้ายจ้านเซินถือไมโครโฟนเอาไว้ แล้วเปิดปากพูดว่า “ขอต้อนรับทุกคนกลับมา”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินซีได้ยินเสียงของเขา

เสียงขรึมต่ำกว่าจ้านเซินคนปัจจุบันเล็กน้อย แฝงความรู้สึกน่าเกรงขามเอาไว้ ทำให้คนรู้สึกไม่อยากจะสบตาเข้ากับเขาตรง ๆ เลย

“สำหรับผลการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ฉันคิดว่าทุกคนน่าจะเข้าใจแล้ว” คำพูดนี้ของเขาพูดได้คลุมเครือ ทำให้คนเดาความหมายที่ชัดเจนไม่ได้ “ฉันก็จะไม่พูดไร้สาระแล้ว ขอประกาศผลโดยตรงเลยก็แล้วกัน”

ฉินซีสามารถรู้สึกได้ว่า เด็กผู้ชายหลายคนที่อยู่รอบข้างแค่ครู่เดียวก็ยื่นคอยาวกันแล้วทั้งนั้น

“ครั้งนี้คนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าองค์กรนั้น มีอยู่แค่คนเดียว”

คำพูดของเขาพูดจบลง ทั้งห้องก็เหมือนระเบิดลงแล้ว

“ใครกันน่ะ?”

“ทำไมถึงมีแค่คนเดียวล่ะ?”

“พวกเราต่างก็ทำภารกิจสำเร็จกันทั้งนั้นนี่?”

ทุกคนต่างก็ยังเป็นแค่เด็กสิบกว่าขวบ ชั่วขณะหนึ่งก็เกิดการควบคุมอารมณ์ไม่ได้

จ้านเซินและผู้ชายคนนั้นที่อยู่บนเวที เหมือนกับว่าสถานการณ์แบบนี้จะไม่ได้เกินสิ่งที่พวกเขาคาดหมายไว้ พวกเขาไม่มีท่าทีอะไรมากมาย เพียงแต่นั่งนิ่ง ๆ ในที่นั่งตัวเอง รอจนเสียงถกเถียงของทุกคนค่อย ๆ เบาลง แล้วสุดท้ายกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

“สำหรับคนที่ได้อยู่ต่อนั้น ฉันก็จะไม่ประกาศชื่อที่นี่แล้ว ขอเชิญทุกคนกลับไปที่ห้องของตัวเอง แล้วจะมีนักทดสอบของพวกเธอมาประกาศผลให้พวกเธอเอง”

พูดจบ ฉินซีก็กะพริบตา กำลังจะลุกขึ้น แต่วินาทีต่อมาก็พบว่าตัวเองได้กลับมาถึงที่ห้องแล้ว

เธออดไม่ได้อยากจะหัวเราะ แต่ก็มีความกังวลขึ้นมา

นี่ตกลงตัวเองหลงลืมไปเท่าไหร่กัน?

แม้แต่จิตใต้สำนึกก็ยังจะโดนตัวเองย้อนความทรงจำไปจนเกือบหมดแล้ว

แต่ว่าเธอกลับไม่มีเวลามาทอดถอนใจกับเรื่องพวกนี้ เพราะว่าฟางฟางได้เปิดประตูเข้ามาแล้ว

“ฉินซี” บนในหน้าของเธอมีแววยินดีจาง ๆ “ยินดีด้วย เธอได้เข้าสู่องค์กรของเราอย่างแท้จริงแล้ว”

ฉินซีคนปัจจุบันนั้นก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอยู่แล้ว แต่ว่าเธอที่สิบสามขวบ ก็น่าจะควบคุมอาการตกใจของตัวเองไม่อยู่เช่นกัน เพราะฉะนั้นถึงได้ทำให้ฟางฟางรู้สึกขำขึ้นมา แล้วก็เดินไปไม่กี่ก้าวไปถึงข้างกายเธอ และรวบตัวเธอมาอยู่ในอ้อมกอดเบา ๆ “ใช่ คือเธอนะแหละ”

ตอนที่ฉินซีโดนอ้อมกอดนี้โอบกอดไว้นั้น อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเกิดความรู้สึกปลอดภัยและสงบนิ่งขึ้นมาเล็กน้อย

แต่ว่าเขาแค่โอบกอดเธอไม่กี่วินาที แล้วก็ปล่อยมือออก

ระยะห่างของทั้งสองคนนั้นใกล้กันมาก เพราะฉะนั้นฉินซีสามารถมองเห็นปฏิกิริยาบนใบหน้าของเธอนั้นถือได้ว่าจริงจัง

“แต่ว่าเรื่องราวขององค์กรที่เธอจะต้องรู้นั้น ยังมีอีกมากมาย”

ฉินซีมองปฏิกิริยาที่จริงจังของเธอแล้ว ก็พยักหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท