Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1139

ตอนที่ 1139

บทที่ 1139 ไม่สามารถมีความรักและแต่งงานได้

ฟางฟางพาฉินซีมาถึงข้างโซฟา แล้วให้เธอนั่งลง และตัวเองก็นั่งลงตามไปด้วย

“ตอนนี้สิ่งที่ฉันจะพูดนี้ เธอจะต้องจำให้ดี แต่ว่าเธอก็จะต้องรับประกันด้วยว่า จะไม่แพร่งพรายออกไปให้คนอื่นรู้” ฟางฟางมองตาของฉินซีไว้

ฉินซีพยักหน้า “ฉันจะไม่บอกใครเลยค่ะ แม้แต่พ่อกับแม่ก็จะไม่บอก”

ฟางฟางยิ้มเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าเชื่อใจเธอหรือเปล่า แต่ว่าในที่สุดก็เปิดปากพูดขึ้น

“องค์กรที่พวกเราอยู่นี้มีชื่อเรียกว่า ‘เฟิง’ แต่ว่าชื่อเรียกอันนี้เกือบจะไม่มีคนใช้ เพราะว่าองค์กรนี้ทั้งหมดไม่ได้เปิดเผยการมีตัวตนอยู่” ฟางฟางพูดขึ้นมา

“ไม่ได้เปิดเผยการมีตัวตนเหรอคะ?” ฉินซีมีความสงสัย

“พูดอีกอย่างก็คือ นอกจากคนในองค์กรของพวกเราแล้ว และคนที่เราตั้งใจไปใกล้ชิดด้วย ก็จะไม่มีใครรู้ถึงการมีตัวตนของพวกเรา”ฟางฟางอธิบาย

ฉินซีพยักหน้า

และฉินซีที่อาศัยอยู่ในร่างของเธอ ก็พยักหน้าตามไปด้วย

ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง……

“เมื่อก่อนฉันเคยบอกเธอไปแล้วนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเธอยังจำได้ไหม” ฟางฟางเห็นว่าเธอเข้าใจแล้ว ก็เปิดปากพูดกับเธอต่อว่า “องค์กรของพวกเรานั้นยิ่งใหญ่มาก และก็มีความสัมพันธ์กับทางการทหารของหลาย ๆ ประเทศ”

ฉินซีจำได้แม่นยำมาก เพราะฉะนั้นจึงพยักหน้า

ฟางฟางยิ้มขึ้นจาง ๆ “และนี่ก็คือคุณสมบัติขององค์กรของเรา พวกเราไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ว่ากลับร่วมมือกับทุก ๆ ประเทศ พวกเรามีห้องทดลองที่ดีที่สุดของตัวเอง และเครือข่ายข่าวกรองเป็นของตัวเอง มีประเทศมากมายหรือว่าบุคคลส่วนตัวที่มาร่วมมือกับเรา และยังมาซื้อยา อาวุธ และข่าวกรองกับเราอีกด้วย”

ฉินซีแอบตกใจขึ้นในใจลึก ๆ

“เธอมีอะไรอยากจะถาม สามารถถามฉันได้ทุกเวลา” เมื่อมองความสงสัยของฉินซีออก ฟางฟางจึงพูดขึ้นเอง

ฉินซีรีบเปิดปากถามขึ้นทันที “แต่ว่าสมาชิกของพวกคุณ……ล้วนใช้วิธีแบบนี้คัดเลือกออกมาเหรอคะ?”

พูดไปด้วย และก็เอามือชี้ที่ตัวเองไปด้วย

ฟางฟางมองไปแล้วก็เข้าใจความหมายของเธอขึ้นมา

ค่ายฝึกอบรมขององค์กรที่เสียแรงกายแรงใจ และยังต้องฝึกฝนอีกสามปี จนมาถึงสุดท้ายคัดมาได้แค่คนเดียว มาตรฐานการคัดเลือกแบบนี้มันคงจะดูรุนแรงเกินไปหน่อย เมื่อเทียบกันแล้ว คนที่สามารถผ่านการคัดเลือกเข้ามาก็น่าจะน้อยมาก แล้วจะสามารถประคับประคององค์กรที่“ยิ่งใหญ่”อย่างนี้ไปได้ยังไง?

“ขอบเขตอำนาจขององค์กรเรานั้นยิ่งใหญ่มาก” ฟางฟางยิ้มแล้วพูดขึ้น “แต่ว่าคนที่จงรักภักดีจริง ๆ กลับมีไม่เยอะ งานภายนอกมากมายนั้นเราได้มอบหมายให้คนทั่วไปไปทำ พวกเขาก็ไม่รู้หรอกว่า ตัวเองกำลังทำประโยชน์ให้กับใครอยู่ แต่ว่าค่ายฝึกอบรมนี้ไม่เหมือนกัน คนมีความสามารถที่ผ่านการคัดเลือกมาจากค่ายฝึกอบรมนั้น ส่วนใหญ่จะได้เข้าสู่องค์กรและกลายเป็นกระดูกสันหลังขององค์กร”

ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองยังคงมีความสงสัยอยู่เต็มใบหน้า

และแล้วฟางฟางก็อธิบายมากยิ่งขึ้นอีกขั้นหนึ่ง “เธอก็รู้ว่า คนที่มาเข้าค่ายฝึกอบรมนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีพื้นเพครอบครัวมายังไง เมื่อพวกเขาได้เข้าร่วมกับองค์กร ก็จะยิ่งมีความทะเยอทะยานและมองการณ์ไกล และก็ยังจะช่วยองค์กรขยายเส้นสายได้มากยิ่งขึ้น”

อยู่ ๆ ฉินซีก็เข้าใจขึ้นมา

ที่แท้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง……

ฟางฟางเห็นว่าเธอไม่มีคำถามแล้ว ก็พูดต่อไปอีกว่า “ตอนนี้คนที่จงรักภักดีภายในองค์กรนั้นมีจำนวนคนอยู่ไม่เยอะ ต่อไปเธอก็น่าจะมีโอกาสได้ค่อย ๆ พบเจอ……”

แต่ว่าฉินซีที่สิบสามขวบกลับอยู่ ๆ ก็เปิดปากพูดขัดคำพูดของเขาขึ้นมา “งั้นจ้านเซินก็เข้ามาด้วยวิธีแบบนี้ด้วยเหรอคะ ?”

ฉินซีเห็นแววตื่นตระหนกกะพริบขึ้นแป๊บหนึ่งในดวงตาของฟางฟางได้อย่างชัดเจน

“เขา……ไม่ใช่” ฟางฟางเปิดปากพูดขึ้น

เขาหรี่ตาลงต่ำ ท่าทางอย่างกับว่าไม่อยากจะพูดมากเท่าไหร่

แต่ว่าในเมื่อตอนนั้นฉินซีอายุยังน้อย สำหรับเรื่องที่ตัวเองไม่เข้าใจแล้ว ก็จะมีความรู้สึกบุ่มบ่ามจนอยากจะถามไปให้หมดเปลือก

“งั้นเขาเข้ามาได้ยังไงกันคะ?” ฉินซีอาจจะค่อนข้างรู้สึกแปลกใจต่อครูฝึกของตัวเองคนนี้ เพราะฉะนั้นเธอถึงได้จับไว้ไม่ยอมปล่อย“ยังมีวิธีอื่นอีกเหรอคะ?”

ฟางฟางเงียบไปหลายวินาที ในที่สุดถึงได้ยอมเปิดปากพูดออกมา “เขาไม่ได้โดนคัดเลือกเข้ามา แต่เขา……เป็นลูกชายของท่านผู้นำขององค์กร”

สำหรับคำตอบนี้นั้นฉินซีคนปัจจุบันกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก

ผู้นำองค์กรคนที่ว่ามานั้น ก็น่าจะเป็นชายวัยกลางคนที่หน้าตามีส่วนคล้ายคลึงกับจ้านเซินคนนั้น

แต่ว่าสิ่งที่เธอสนใจอยู่บ้าง ก็คือปฏิกิริยาของฟางฟาง

ลูกชายของผู้นำ แล้วทำไมถึงได้ทำให้เธอพูดออกมาได้ยากขนาดนี้?

ครั้งนี้ ฉินซีสิบสามขวบเหมือนอยู่ ๆ ก็จะรอบรู้ขึ้นมายังไงอย่างงั้น แล้วถามคำถามที่เธอสงสัยอยู่ขึ้นมาด้วย

“อย่างนี้เหรอคะ……แต่ว่าฉันรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของคุณกับจ้านเซิน ก็เหมือนจะไม่ธรรมดานะคะ?”

ยังไงก็ยังเป็นตอนเด็ก ๆ ดี ไม่ว่าจะถามคำถามที่ซื่อตรงและโหดร้ายแค่ไหน ก็สามารถใช้ความไร้เดียงสามาบดบังไปได้

คำพูดพวกนี้ของฉินซีถามออกไป ก็รู้สึกว่ารอยยิ้มที่มุมปากของฟางฟางนั้นดูฝืน ๆ ขึ้นเล็กน้อย

เธอยึกยักไปไม่กี่วินาที ดูไปแล้วเหมือนอยากจะปฏิเสธ แต่ว่าสุดท้ายก็ยอมแพ้ต่อการยึกยัก

เธอพยักหน้าขึ้นเบา ๆ “จ้านเซินเป็น……ลูกชายของฉันกับผู้นำ”

ถึงแม้จะมีการเตรียมใจไว้แล้ว แต่ว่าฉินซีก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี

“คุณ…… เขา…… พวกคุณ……” แต่ฉินซีสิบสามขวบกลับยิ่งโดนความตรงไปตรงมาของเขาทำให้ตกใจจนพูดจาอ้ำ ๆ อึ้ง ตั้งนานยังพูดประโยคที่ปะติดปะต่อกันออกมาไม่ได้

แต่กลับเป็นฟางฟางที่ตั้งสติได้ก่อน และมองฉินซีแล้วพูดว่า “เธอสงสัยมาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังตกใจได้ขนาดนี้ล่ะ”

ปากของฉินซีอ้าแล้วก็หุบลง ผ่านไปหลายนาทีแล้วถึงถามคำถามอ้ำอึ้งออกมาคำถามหนึ่ง “งั้นจ้านเซินทำไมไม่เคยเรียกคุณว่าแม่มาก่อนเลย เขาเรียกแต่ชื่อคุณทั้งนั้น……”

ฉินซีก็จำได้อย่างชัดเจนว่า ในตอนที่ตัวเองเห็นฟางฟางและจ้านเซินปรากฏตัวพร้อมกันครั้งแรกในความทรงจำนั้น เห็นได้ชัดว่าจ้านเซินเรียกฟางฟางด้วยชื่อโดยตรง

หรือว่าจะเป็นวัฒนธรรมตะวันตกเหรอ?

แต่ว่าอย่างรวดเร็วฉินซีก็ปฏิเสธความเป็นไปได้แบบนี้อยู่ในใจไป

เพราะว่าไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องสรรพนามเท่านั้น

เธอดูจากช่วงความทรงจำทั้งหมดของตัวเองแล้ว ราวกับว่าจ้านเซินนั้นไม่เคยเห็นว่าฟางฟางเป็นแม่ตัวเองเลยสักครั้ง

ท่าทีที่เขามีต่อฟางฟาง ถ้าจะเทียบว่าเป็นมารดา ก็ยิ่งเหมือนกับเป็นลูกน้องคนหนึ่งมากกว่า

มุมปากของฟางฟางมีรอยยิ้มขมขื่นออกมา เขาเงียบอยู่นาน ถึงได้เปิดปากพูดขึ้นว่า

“ฉินซี ที่จริงฉันไม่ได้กะว่าจะบอกกฎเกณฑ์ภายในขององค์กรนี้ให้เธอรู้เร็วขนาดนี้ แต่ว่าในเมื่อเธอถามออกมาแล้ว งั้นฉันก็……บอกเธอเลยละกัน” เขายังคงหรี่ตาลงต่ำเช่นเดิม และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก “องค์กรมีกฎว่า ระหว่างที่อยู่ในองค์กร พวกเราไม่สามารถมีความรักและแต่งงานได้ ไม่สามารถมีความรู้สึก แม้แต่ยังต้องพยายามยับยั้งชั่งใจอารมณ์ที่อ่อนไหวเกินไปของตัวเองอีกด้วย”

ฉินซีที่อายุสิบสามขวบเหมือนจะเข้าใจได้ยาก เธอได้แต่นิ่งอึ้งอยู่กับที่

“ไม่สามารถมีความรักและแต่งงานได้……” ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองพึมพำซ้ำ ๆ ไปรอบหนึ่ง แล้วก็ถามขึ้นอีกครั้งเหมือนไม่เข้าใจเอามาก ๆ ว่า “เพราะฉะนั้น คุณกับผู้นำ ก็เลยไม่ได้แต่งงานกันเหรอคะ?’

ฟางฟางพยักหน้าเบามาก ๆ

ความโศกเศร้าบนใบหน้าของเขาดูชัดเจนขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นฉินซีที่อ่อนต่อโลก ก็รู้ว่าไม่ควรที่จะถามต่อไปอีกแล้ว

และฉินซีที่อาศัยอยู่ในร่างของเธอ คราวนี้ก็มีความรู้สึกแบบที่ว่าอยู่ ๆ ก็เข้าใจแล้วขึ้นมา

การแนะนำในครั้งนี้ของฟางฟาง ได้อธิบายความสงสัยในใจของเธอได้มากมาย

เธอจำได้ว่าตอนที่ลู่เซิ่นแนะนำบริษัทแม่ของถังย่าให้ตัวเองนั้นเขาเคยพูดไว้ว่า เขาก็เช็กความตื้นลึกหนาบางของบริษัทนั้นไม่เจอเช่นกัน

แต่ตอนนี้มาดูแล้ว สาเหตุนั้นก็ชัดเจนมากเลย บริษัทของถังย่าก็คือส่วนหนึ่งขององค์กรที่ชื่อ“เฟิง”ที่ว่ามานี้ งั้นก็จะต้องไม่ให้คนตรวจเจอตื้นลึกหนาบางอยู่แล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท