Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1142

ตอนที่ 1142

บทที่ 1142 ยากที่จะเข้าใจ

และจ้านเซิน ที่อยู่ในความทรงจำของฉินซี ก็มีความคิดแบบเดียวกัน

ในปีที่ฉินซีอายุสิบแปดนั้น จ้านเซินก็ได้มาดำรงตำแหน่งแทนพ่อของเขาแล้ว และกลายเป็นผู้นำขององค์กร

เพียงแต่ว่าจ้านเซินในตอนนั้น ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นคนที่จงรักภักดีต่อองค์กรที่สุด แต่เหมือนกับว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉินซีทั้งหมด เขาก็จะสนใจมากเกินกว่าปกติ

ฉินซีจำได้ว่าตัวเองสังกัดฝ่ายข่าวกรอง แต่ว่าภารกิจเกือบทั้งหมดของเธอกลับมีจ้านเซินมาเป็นคนมอบหมายให้เธอ การรายงานหลังจากที่ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะต้องรายงานต่อเขาโดยตรง

นี่จะต้องไม่ตรงตามกฎแน่นอน แต่ว่าดูไปแล้วไม่มีใครกล้าขัดคอจ้านเซิน เลย

เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าฉินซีจะระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลอะไรรั่วไหลออกไปยังไง แต่ว่าสุดท้ายจ้านเซิน ก็ยังรู้ข่าวที่เธออยู่กับลู่เซิ่นตลอดทั้งบ่ายอยู่ดี

ฉินซีไม่รู้ว่าเขาได้ทำการตัดสินใจอะไรไป แต่ว่ารวดเร็วเธอก็โดนองค์กรเรียกตัวกลับไปที่สำนักงานใหญ่ แล้วก็สะกดจิตให้กับเธอ

หลังจากที่โดนสะกดจิตแล้ว ฉินซีก็สามารถรู้สึกได้ว่าความรู้สึกสดใหม่ที่เธอมีต่อลู่เซิ่นนั้น อยู่ดี ๆ ก็จืดจางลงไปไม่น้อย

ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่หลงเหลืออยู่เลย แต่ยิ่งเหมือนกับว่าโดนผ้าบาง ๆ คลุมเอาไว้ชั้นหนึ่ง ที่ดูไปแล้วเหมือนกับเป็นเรื่องราวความรักของผู้อื่น

น่าจะเป็นเพราะว่าใช้การสะกดจิตมาบดบังความรู้สึกของเธอเอาไว้

เพราะฉะนั้น หลังจากนั้นแล้วฉินซีก็ไม่เคยคิดถึงลู่เซิ่นอีกเลย

ถ้าหากรู้ว่าลู่เซิ่นก็กำลังพยายามตามหาเธออยู่ละก็…….

พวกเขาน่าจะต้องได้พบเจอกันเร็วกว่านี้ และรักกันเร็วกว่านี้มั้ง

ความรู้สึกของฉินซีตอนนี้โดนจังหวะใจเต้นหลังจากที่เจอกับลู่เซิ่นครั้งแรกมาบดบังไปจนไม่เหลือแล้ว แม้กระทั่งยังลืมช่วงความทรงจำทั้งหมดที่ลู่เซิ่นมาทำให้ตัวเองปวดใจไปชั่วคราว

แต่ว่าความทรงจำช่วงนี้มาถึงตรงนี้ก็ได้สิ้นสุดลงในที่สุด

ตอนที่ฉินซีตั้งสติได้อีกครั้งนั้น ก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

ตรงหน้าเธอมีอานหยันยืนอยู่ แต่ปากของเธอกำลังอ้า ๆ หุบ ๆ พูดอะไรอยู่ “ฉันจะกลับไปถามทุกอย่างให้ชัดเจน”

ใจของฉินซีกระตุกอย่างแรงทีหนึ่ง

……ครั้งนี้เธอไม่ต้องเสียแรงอะไร ก็สามารถนึกออกได้แล้วว่าที่นี่เป็นที่ไหน

นี่คือที่ที่หลังจากเหยาหมิ่นกินยาฆ่าตัวตายแล้ว เธอก็ส่งเหยาหมิ่นมาล้างท้องที่นี่

ยังดีที่ช่วยเหลือได้ทันเวลา สุดท้ายจึงสามารถช่วยเหยาหมิ่นกลับมาได้ แต่ว่าฉินซีกลับโกรธจนถึงขีดสุด เพราะฉะนั้นจึงกะว่าจะไปหาฉินซึ่งเทียนเพื่อถามให้รู้เรื่อง

อยู่ ๆ ฉินซีก็มีความสงสัยขึ้นมา ที่นี่มีเรื่องที่เธอหลงลืมด้วยเหรอ?

เธอจำได้ว่าเคยถามอานหยันว่า หลังจากนี้แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง อานหยันบอกว่าตัวเธอโศกเศร้าเสียใจกลับมาจากบ้านตระกูลฉิน กลับไม่ได้เกิดเรื่องอะไรที่แตกต่างไป

……บางทีตัวเองอาจจะไม่ได้บอกกับอานหยัน

พอฉินซีคิดได้แบบนี้ ก็ตั้งใจสังเกตการณ์ความทรงจำช่วงนี้ของตัวเองขึ้นมา

เธอเหม่อลอยไปครู่หนึ่งนี้ ตัวเองก็ได้เดินมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาล แล้วก็เข้าไปนั่งในรถแล้ว

แต่ว่ายังไม่ทันได้สตาร์ทรถ โทรศัพท์ของเธอก็สั่นไหวขึ้นมา

ฉินซีก้มหน้ามองโทรศัพท์ทีหนึ่ง สายที่โทรเข้ามาไม่มีเบอร์โทรศัพท์แสดง

สายโทรศัพท์แบบนี้ นอกจากคนในองค์กรแล้ว ก็ไม่มีทางเป็นคนอื่นอีกแล้ว

ฉินซีไม่ได้ชักช้า เธอยื่นมือไปกดรับโทรศัพท์

เสียงจากปลายสายอีกฝั่งที่ลอยมาคือเสียงของจ้านเซิน

“มีเรื่องด่วน ตอนนี้เธออยู่ไหน?”

ฉินซีค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ตอบไปอย่างซื่อตรงว่า “ฉันอยู่โรงพยาบาล”

เห็นได้ชัดว่าจ้านเซินไม่ได้ถามเธอว่าทำไมถึงอยู่ที่โรงพยาบาลให้ยุ่งยาก ผ่านไม่กี่วินาทีแล้วก็ตอบว่า “ที่โรงน้ำชาหนานเฟิงเดี๋ยวฉันส่งตำแหน่งไปให้เธอ เธอรีบมาเดี๋ยวนี้เลย”

ฉินซีไม่มีทางเลือก จึงได้แต่ทิ้งความคิดที่จะไปบ้านตระกูลฉินก่อน แล้วหันมาดูแผนที่ในโทรศัพท์ แล้วก็มาถึงโรงน้ำชาหนานเฟิง

เธอจอดรถลง แล้วเดินเข้าไปข้างใน

จ้านเซินอยู่ในห้องส่วนตัวตรงหัวมุมชั้นสอง พอเห็นฉินซีเดินเข้ามา ปฏิกิริยาของเขาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

จนกระทั่งฉินซีมานั่งลงตรงหน้าเขา เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองฉินซีทีหนึ่ง

“เกิดเรื่องขึ้นกับฟางฟางแล้ว ”

ฉินซีขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที “ฟางฟางเหรอ?”

จ้านเซินพยักหน้า

ชั่วขณะหนึ่งฉินซีรู้สึกเข้าใจได้ยาก “ฟางฟาง จะเกิดเรื่องขึ้นได้ยังไงกัน?”

ฟางฟางไม่เหมือนกับพวกเขา เธอเป็นเพียงนักทดลองที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ปกติอยู่ภายในองค์กรก็แค่ทำการทดลองและแก้ไขจุดบกพร่องก็พอแล้ว และไม่ต้องออกมาทำภารกิจ ถ้าพูดตามหลักแล้ว ก็ต้องไม่มีอันตรายใด ๆ ถึงจะถูก

จ้านเซินกลับไม่ได้ตอบคำถามนี้ของเธอ แต่กลับเอาแท็บเล็ตตรงหน้าเลื่อนมาให้เธอ

“สุดท้าย ตำแหน่งสุดท้ายของเขาคืออยู่ตรงนี้ พวกเราสงสัยว่าเธอโดนลักพาตัวไประหว่างทางที่กลับบ้าน เธอเดินหน้าตรวจสอบตามข้อมูลเหล่านี้ได้เลย”

ฉินซีกลับไม่ได้รีบก้มหน้าดูแท็บเล็ตในทันที

“ตกลงมันเรื่องอะไรกัน?” ฉินซีเอาตัวโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วจ้องตาของจ้านเซิน เอาไว้ “ทำไมฟางฟางถึงได้โดนลักพาตัวไป?”

ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้การไปมาหาสู่ของเธอกับฟางฟางจะไม่มากเท่าไหร่แล้ว แต่ว่าเริ่มตั้งแต่ที่เธอโดนเขาช่วยไว้ตอนที่อยู่ในหอคอยCของค่ายฝึกอบรม จนกระทั่งมาถึงตอนที่เธอบรรลุนิติภาวะและสิ้นสุดบทเรียนทุกอย่าง ในเวลาแปดปีเต็ม ๆ ฟางฟางล้วนมีตัวตนอยู่อย่างสำคัญอย่างยิ่ง สิ่งที่ฟางฟางสอนให้กับเธอ ไม่ได้มีเพียงแค่สิ่งที่องค์กรต้องการ

เธอยังจำประโยคนั้นที่ฟางฟางพูดได้เสมอ “ฉันหวังว่าเธอจะฝึกไม่เป็น” เพราะฉะนั้นถึงได้ไม่โดนองค์กรหลอมละลายให้กลายเป็นมนุษย์เครื่องมือที่ไร้ความรู้สึกไป

สำหรับฉินซีมาพูดแล้ว เธอก็เหมือนกับว่ามีมารดาสองคน

ในบ้านมีเหยาหมิ่น และที่ในองค์กรมีฟางฟาง

เพราะฉะนั้นสำหรับการที่ฟางฟางเกิดเรื่องขึ้นนั้น เธอไม่มีทางที่จะบดบังการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกของตัวเองได้อีกแล้ว

เพียงแต่ว่าคราวนี้จ้านเซินกลับเมตตาอย่างเกินความคาดหมาย เขามองฉินซีที่มีท่าทีร้อนรน แล้วหยุดนิ่งไปไม่กี่วินาที สุดท้ายก็เปิดปากพูดขึ้นว่า

“การทดลองที่เขาทำในช่วงนี้ เกี่ยวเนื่องกับความลับอย่างหนึ่ง ถ้าสามารถได้รับข้อมูลใหม่ ๆ ละก็……ก็จะมีมูลค่ามหาศาล”

คิ้วของฉินซีก็ยังคงขมวดเข้าหากันอย่างแน่นหนา

ในคำพูดของจ้านเซิน นั้น มีจุดที่น่าสงสัยอยู่เยอะมาก

การทดลองที่เป็นความลับในองค์กร ทำไมถึงได้รั่วไหลออกไปได้?

แล้วรายชื่อของผู้ที่ร่วมทดลอง ไปให้คนอื่นรู้เข้าได้ยังไงกัน?

ฉินซีอยู่ในองค์กรมาหลายปีขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องรู้อยู่แล้วว่าระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กรนั้นเคร่งครัดแค่ไหน แล้วข้อมูลที่ถือได้ว่าเป็นความลับแบบนี้ แทบจะไม่มีทางที่จะให้คนนอกรู้ได้แน่ ๆ

แต่ว่ากลับเป็นฟางฟางเท่านั้นที่เกิดเรื่องขึ้น

ในใจของเธอยังมีความสงสัยอยู่มากมายแต่ว่าเธอรู้ดีว่า จ้านเซินที่อยู่ตรงหน้านี้จะไม่มีทางบอกรายละเอียดอะไรกับเธออีกแล้ว

เพราะฉะนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่ไปหาคำตอบเอาเอง

พอย้อนความทรงจำมาถึงตรงนี้ อยู่ ๆ ฉินซีก็เข้าใจขึ้นมา

อานหยันมักจะพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า ช่วงที่เหยาหมิ่นนอนโรงพยาบาลอยู่นั้น มองดูตัวเธอแล้ว มักจะรู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยอย่างผิดปกติ

ที่แท้ในช่วงเวลานั้นตัวเองไม่ใช่แค่ต้องกังวลสถานการณ์ของเหยาหมิ่นเพียงคนเดียว ยังมีเรื่องของฟางฟางที่ต้องการให้ไปสืบค้นไปด้วย แน่นอนว่าก็หลีกเลี่ยงความเหน็ดเหนื่อยไปไม่ได้

ในความทรงจำ ตัวเองได้เก็บข้อมูลที่จ้านเซิน ให้มาให้เรียบร้อยดีแล้ว แล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากโรงน้ำชา

เข้ามานั่งในรถ ฉินซีก็ยกมือขึ้นมาดูนาฬิกา สุดท้ายก็เหยียบคันเร่ง แล้วก็ขับรถมุ่งหน้าไปบ้านตระกูลฉิน

โรงน้ำชาหนานเฟิงอยู่ห่างกับบ้านตระกูลฉินไม่มากนัก ไม่นานเท่าไหร่ ฉินซีก็มาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลฉิน

ยามหน้าประตูก็ต้องจำรถของเธอได้อยู่แล้ว เธอจึงไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ ตลอดทาง จนมาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลฉิน

แต่ว่าพอเธอเพิ่งจะเดินเข้าประตูมา ก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงลอยออกมาจากในห้อง

สำหรับฉินซีเมื่อตอนนั้นมาพูดแล้ว เสียงนี้ก็ยังถือได้ว่าแปลกหูมาก

แต่ว่าสำหรับเธอในตอนนี้มาพูดแล้วนั้น เสียงนี้กลับคุ้นเคยไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

ฉินซีเพิ่มความเร็วของฝีเท้า และหลีกเลี่ยงฉากบังลมที่หน้าประตูเดินมาถึงห้องรับแขก พอเงยหน้าขึ้นมา ก็สบตาเข้าผู้หญิง“แปลกหน้า”คนหนึ่งเข้าเต็มสองตา

……และไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลี่เหวยนั่นเอง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท