Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1148

ตอนที่ 1148

บทที่ 1148 ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือ

ฉินซีไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน

ความวุ่นวายที่ไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนอย่างกับภูเขาสูงใหญ่ลูกแล้วลูกเล่า มาทับถมเธอไม่หยุด

เธอจะต้องหาเงินมาจุนเจือความอิ่มท้องของตัวเองและเหยาหมิ่น ยังจะต้องหาเงินมาใช้หนี้ ยังจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าตกลงหนี้ของเหยาหมิ่นนั้นได้ยืมมาจากไหนบ้าง แล้วดอกเบี้ยก็คิดยังไงอีก

เงินนั้นอยู่ในชีวิตของฉินซี ไม่เคยสำคัญขนาดนี้มาก่อนเลย

แต่ว่าก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ปัญหาเรื่องเงิน

ความปลอดภัยของฟางฟางก็เป็นภูเขาอีกลูกหนึ่ง ที่ทับอยู่ในใจของฉินซี

จ้านเซินพูดว่าจะยอมสละฟางฟาง แต่ว่าฉินซีกลับทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เขาต้องสิ้นชีพ

เธอจะต้องทำอะไรขึ้นมาบ้าง

คำพูดที่ฉินซีพูดกับจ้านเซินนั้นไม่ได้พูดเพราะว่าโกรธ แต่ตามข้อมูลที่ฉินซีสืบค้นมานั้น ที่ที่ใช้คุมขังฟางฟางนั้นไม่ได้มีการเฝ้าไว้เข้มงวดนัก ฉินซีเข้าไปช่วยเหลือเธอตัวคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

เพียงแต่ว่า……ก็ยังจะต้องวางแผนให้ดี ๆ อีกสักหน่อย

ฉินซีรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว แล้วก็นอนหลับไปบนโซฟาอย่างเหน็ดเหนื่อยถึงขีดสุด จนกระทั่งสายโทรเข้าของคนส่งอาหารปลุกเธอตื่นขึ้นมา

จัดการอาหารเย็นไปอย่างลวก ๆ แล้วฉินซีก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง

เรื่องหาเงินให้อานหยันไปหาคิดหาวิธีก่อน ในเมื่อเรื่องของฟางฟางนั้นเป็นชีวิตคนชีวิตหนึ่ง เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบหน่อย

เธอวิเคราะห์ผลข้อมูลที่ตัวเองสืบค้นมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง และก็หาช่องโหว่ของคนเฝ้ายามได้หลายจุด โดยรวมแล้วก็กำหนดแผนการหนึ่งขึ้นมา

พอตรวจไปรอบหนึ่ง แน่ใจแล้วว่าแผนการไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร ฉินซีก็ปิดเอกสารผลการสืบค้นลง ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แล้วก็เริ่มต้นตรวจค้นหนี้สินบนตัวเหยาหมิ่นว่าติดใครไว้บ้าง

ค้นหาทีหนึ่งไม่สำคัญ แต่ใจทั้งดวงของเธอได้โดนกดทับไปอยู่ก้นเหวแล้วจริง ๆ

หนี้บนตัวเหยาหมิ่นนั้นนอกจากหลายสิบล้านที่เป็นหนี้ของธนาคารแล้ว ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นเงินที่ฉินซึ่งเทียนยืมไว้กับบุคคลทั่วไป

เงินดอกเบี้ยสูงจนน่ากลัว มีหลายก้อนยังเกือบจะเป็นหนี้นอกระบบดอกเบี้ยสูงอยู่แล้ว

ฉินซียิ่งดูก็ยิ่งจิตใจเหน็บหนาว

เอาตามสถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขา เงินทั้งหมดที่มีในทุก ๆ เดือนทุ่มเข้าไปหมด ก็ยังแทบจะคืนแม้แต่ดอกเบี้ยยังไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคืนเงินต้นเลย

เขายกมือขึ้นมานวดหัวคิ้ว ชั่วขณะหนึ่งเริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมา

เธอกับเหยาหมิ่น……จะดีขึ้นได้จริง ๆ เหรอ?

ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงได้จริงเหรอ?

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินซีก็โดนเสียงเคาะประตูปลุกตื่นอีกครั้ง

วันนี้คนที่มาเคาะประตูเหมือนว่าจะเป็นคนอีกพวกหนึ่ง ความอดทนของพวกเขาดีกว่าพวกเมื่อวานเยอะเลย ไม่เพียงกดกริ่ง ยังใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ลองงัดประตูดู ภายใต้สถานการณ์ที่ฉินซีไม่มาเปิดประตูนั้น พวกเขายังทนทานต่อเสียงแหลมสูงของผู้หญิงบ้านตรงข้าม เฝ้ารออยู่หน้าประตูตั้งนาน

รอจนพวกเขาจากไปหมดแล้ว ฉินซีถึงพบว่าแผ่นหลังของตัวเองโดนเหงื่อเย็นซึมออกมาจนเปียกไปแล้ว

ชีวิตอย่างนี้……จะสามารถอยู่ต่อไปได้จริง ๆ เหรอ?

แต่ว่าความคิดแบบนี้แค่กะพริบผ่านไปในสมองของเธอเท่านั้น

หันหน้ามามองเห็นหน้าของเหยาหมิ่น เธอแอบกัดฟันอยู่ในใจ

ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็จะต้องยืนหยัดต่อไป

เรื่องของฟางฟางไม่มีเวลาให้ล่าช้าอีกต่อไปแล้ว เอาตามแผนการที่กำหนดไว้เมื่อวาน ฉินซีเตรียมอุปกรณ์อยู่ที่บ้านไว้จนครบแล้ว รอจนถึงตอนบ่าย บอกกับเหยาหมิ่นว่าตัวเองนัดกินข้าวเย็นกับคนอื่นไว้ แล้วก็ออกไปเลย

รอเธอขับรถมาจนถึงตึกส่วนบุคคลที่ฟางฟาง โดนขังไว้นั้น ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว

เธอสำรวจรอบ ๆ อย่างรอบคอบรอบหนึ่ง

นี่เป็นตึกส่วนบุคคลที่เห็นได้บ่อย ๆ ในเขตชานเมือง ที่แทบจะไม่มีอะไรสะดุดตาเลยสักนิด ตึกนี้มีสีเทาหม่น ๆ สิ่งอำนวยความสะดวกของตึกส่วนบุคคลนี้ก็ค่อนข้างเก่า ผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ก็ได้ย้ายออกไปแล้ว ทั้งตึกไม่มีห้องไหนเปิดไฟสว่างไว้เลย

แต่ว่าเอาตามผลที่เธอสืบค้นมานั้น ฟางฟางก็โดนคุมขังอยู่ในห้องที่ชิดมุมตะวันตกของชั้นบนสุด

ใต้ตึกไม่มีประตูใหญ่ ช่องประตูมืดสนิทเปิดอ้าซ่าเอาไว้ เหมือนกับว่าไม่มีการป้องกันใด ๆ

แต่ว่าฉินซีก็ยังไม่ได้ชะล่าใจไป

ในเมื่อเธอมาตามลำพังตัวคนเดียว

ฟางฟางเป็นคนที่ถูกทอดทิ้ง แล้วถ้าตัวเองยังติดร่างแหไปด้วย ส่วนใหญ่แล้วองค์กรก็ไม่มีทางส่งคนมาช่วยตัวเองหรอก

เพราะฉะนั้นเธอจึงสำรวจทางหนีไว้ก่อนแล้วอย่างรอบคอบ แล้วค่อยทำตามแผนของตัวเองค่อย ๆ ปีนขึ้นไปบนตึกอย่างเบามือเบาเท้า

ตลอดทางนั้นราบรื่นมาก อาจจะเป็นเพราะสาเหตุที่หลายวันมานี้ต่างก็ไม่มีคนมาช่วยเขาเลย การคุมขังของฟางฟางจึงเหมือนกับผลที่ฉินซีสืบค้นมาได้เลย คือแทบจะไม่ได้ให้ฝ่ายโน้นเสียแรงไปมากเท่าไหร่

ฉินซียื่นหัวเข้าไปจากตรงระเบียง

ตึกส่วนบุคคลเก่า ๆ ชั้นบนสุดก็ไม่ได้สูงมาก ก็แค่หกชั้นเอง

เพียงแต่ว่าถ้าเป็นคนทั่วไปตกลงไปจากความสูงระดับนี้แล้วละก็ คงจะเสียชีวิตได้เช่นกัน

แต่ว่าฉินซีกลับเหมือนว่าไม่ได้เอามาใส่ใจเลยสักนิด ทั้งสองมือของเธอเกาะขอบระเบียงเอาไว้ แล้วกระโดดไปอย่างช่ำชอง และก็ตกลงสู่ระเบียงนอกห้องที่คุมขังฟางฟางไว้

เธอตกลงสู่พื้นอย่างไม่มีเสียงใด ๆ ราวกับแมวตัวหนึ่งชัด ๆ

ข้างในห้องนั้นเงียบสงบมาก เหมือนอย่างกับว่าไม่มีคน

แต่ว่าฉินซีกลับไม่ได้ปล่อยวางความระมัดระวังตัวลงแม้แต่น้อย เธอสวมแว่นตาที่สามารถมองเห็นได้ในความมืด แล้วมองสำรวจข้างในอย่างละเอียดจากขอบหน้าต่าง

ข้างในเป็นห้องที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ ผิวปูนของกำแพงได้หลุดลอกออกไป ทำให้เห็นก้อนอิฐข้างในโผล่ออกมา

ไม่มีเตียง ไม่มีโซฟา ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีเพียงฟูกนอนเก่า ๆ อันหนึ่งวางไว้ที่มุมห้อง ข้างบนมีคนคนหนึ่งนอนขดตัวอยู่

มองทีเดียวฉินซีก็มองออกแล้วว่า คนนั้นก็คือฟางฟาง

ฉินซีมองสำรวจอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว ถึงได้เปิดหน้าต่างออกอย่างเบามือเบาเท้า ไม่ให้เกิดเสียงใด ๆ ขึ้นมา

แต่ว่าเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในมุมห้องเหมือนกับว่าจะพบเห็นอะไรเข้า อยู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมา

ฉินซีกลัวเขาร้องออกเสียงขึ้นมา ก็รีบส่งสัญญาณมือออกไปให้เขา

สัญญาณมือนี้ ฟางฟางเป็นคนสอนเธอเอง

เมื่อก่อนในตอนที่เธอยังต้องฝึกฝนอยู่นั้น บางครั้งฟางฟางก็จะวิธีกระตุ้นไฟฟ้าบ้าง แต่ว่าเขามักจะระมัดระวังมาก เพราะกลัวว่าจะทำร้ายฉินซีเข้า เพราะฉะนั้นก็เลยสอนสัญญาณมือกับเธออันหนึ่ง แล้วบอกเธอว่า ถ้าหากว่ากระแสไฟฟ้าทำให้เธอทรมาน ก็ให้ทำสัญญาณมืออันนี้ แล้วเขาจะได้หยุดทันที

ฉินซีไม่เคยคิดมาก่อน ว่ามีอยู่วันหนึ่งสัญญาณมือนี้จะถูกเอามาใช้ในสถานการณ์แบบนี้

คิดว่าฟางฟางก็น่าจะเห็นสัญญาณมือนี้แล้ว ถึงได้ไม่พูดอะไร เพียงแต่ดูฉินซีพลิกตัวเข้ามาจากหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ

หลังจากที่ฉินซีเข้ามาแล้ว ก็ไม่ได้รีบร้อนทำอะไร แต่กลับล้วงขวดเล็ก ๆ ที่เอาติดตัวมา แล้วก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสองฝืน และเอาหนึ่งในสองฝืนนั้นยื่นให้กับฟางฟางฝืนหนึ่ง แล้วบอกให้เธอเอาผ้าปิดจมูกเอาไว้

ฟางฟางไม่ได้ถามให้มากความ ก็ทำตามเลย

ฉินซีใช้ผ้าเช็ดหน้าอีกฝืนปิดจมูกของตัวเองเอาไว้ จากนั้นก็เปิดฝาขวดเล็ก ๆ นั้นออก แล้วเดินไปที่ข้างประตู

ผ่านไปไม่กี่นาที ที่ข้างประตูก็มีเสียงกรนหนัก ๆ ดังลอยเข้ามา

จิตใจดวงหนึ่งที่กำลังแกว่งไปแกว่งมาของฉินซีก็ค่อย ๆ วางลง รอจนของเหลวในขวดเล็ก ๆ ได้ระเหยออกไปจนหมดแล้วนั้น เธอถึงได้เบามือเบาเท้าเดินกลับมาที่ข้างตัวฟางฟาง แล้วใช้ท่าทางมือถามเขาว่า มีคนเฝ้าแค่คนเดียวใช่ไหม

ฟางฟางพยักหน้าลง

ตอนนี้ฉินซีถึงได้วางใจลงได้ทั้งหมดสักที แล้วนั่งลงตรงข้างกายฟางฟาง

ฤทธิ์ยาขวดนี้สามารถทำให้คนเฝ้านอนหลับไปได้ทั้งคืน

เธอยังไม่ได้เปิดปากพูด ฟางฟางก็ถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม “ใครให้เธอมา?”

น้ำเสียงของเขานั้นเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนทำให้ฉินซีนิ่งอึ้งไป “ฉัน……ฉันอยากมาเอง”

ฟางฟางเม้มริมฝีปากขึ้น อย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไง “ฉันนึกว่าจ้านเซินน่าจะบอกกับเธอแล้ว ว่าฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือ ”

ชั่วขณะหนึ่งฉินซีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่พยักหน้า แล้วยอมรับเสียงต่ำว่า “จ้านเซินได้บอกกับฉันแล้วจริง ๆ ……ว่าให้ฉันไม่ต้องมา”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท