Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1147

ตอนที่ 1147

บทที่ 1147 สร้างเรื่องใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน

เส้นเลือดสีเขียวที่ข้างหน้าผากของจ้านเซินกระตุกขึ้น ดูไปแล้วต้องใช้แรงมากมายถึงได้อดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ได้

“ฉินซี ฉันไม่สนว่าเธอจะเชื่อฉันหรือไม่” จ้านเซินสูดลมหายใจลึก ๆ เข้าไปทีหนึ่ง แล้วเปิดปากพูด “ที่ให้เธอมาสืบค้นนั้น เป็นความคิดของฉันเองคนเดียว”

ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เหมือนอย่างกับว่ามีความไม่เข้าใจบางอย่างต่อสิ่งที่เขาพูด

แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เปิดปาก

จ้านเซินก็เหมือนกับว่าไม่ได้สนใจ ยังคงพูดเองเออเองต่อไป “ฉันเห็นข่าวที่ฟางฟางเกิดเรื่อง ก็รีบวางแผนการที่จะช่วยเขาว่าจะช่วยยังไง วันนั้นตอนที่ฉันมาหาเธอ ก็เพิ่งจะรู้ข่าวมาหมาด ๆ เช่นกัน ”

ฉินซีหยีตาขึ้น ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจึงเปิดปากถาม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นทำไมตอนนี้คุณถึงได้……”

“ฉันพูดแล้วว่า พอฉันได้ยินข่าวปุ๊บก็ตัดสินใจทันที” จ้านเซินพูดขัดเธอขึ้น “แต่ว่าเธอยังจำได้ไหมว่าวันนั้นถามคำถามอะไรฉันไปบ้าง?”

ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย สุดท้ายก็พยักหน้าไปเบา ๆ

แน่นอนเธอจะต้องจำได้อยู่แล้ว

ฟางฟางทำไมถึงเกิดเรื่องได้นั้นเธอเองก็เต็มไปด้วยความสงสัย ยังถามคำถามกับจ้านเซินต่อกันไปตั้งหลายคำถาม ทำไมข่าวของฟางฟางถึงได้รั่วไหล? ทำไมถึงได้โดนจับไป?

“ฉันก็สงสัยเหมือนกัน” จ้านเซินมองฉินซี น้ำเสียงกลายเป็นเชื่องช้าลง “เพราะฉะนั้นหลังจากที่ฉันกลับไปแล้ว ก็ตรวจสอบอย่างจริงจังดูสักหน่อย”

คำพูดของเขาอยู่ ๆ ก็ขาดลงตรงนี้ เหมือนว่ามีอะไรจะพูด แต่กลับโดนตัวเขาเองกลืนกลับไป

“ผลของการสืบค้น……ฉันบอกเธอไม่ได้” จ้านเซินหรี่ตาลงต่ำ ไม่ได้สบตากับฉินซี “เธอรู้ไว้แค่ว่า ที่ฟางฟางตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ไม่คาดคิด เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องตามต่อแล้ว”

สีหน้าของฉินซีค่อย ๆ เย็นลงมา “ไม่ใช่สิ่งที่ไม่คาดคิดงั้นเหรอ? หมายความว่ายังไง? หรือว่ามีคนตั้งใจให้ฟางฟางโดนควบคุมตัวเหรอ?”

จ้านเซินไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองเธอเท่านั้น

ฉินซีรู้สึกแค่ว่าหัวใจทั้งดวงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บ

“จ้านเซิน” เธอรู้สึกว่าในน้ำเสียงตัวเองเต็มไปด้วยความอ่อนล้า “เขาเป็นแม่ของคุณนะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ตอนนี้เขาตกอยู่ในอันตราย คุณก็แค่เพราะว่าเขาโดนปองร้ายอย่างจงใจ ก็จะยอมแพ้ที่จะช่วยเขาแล้วเหรอ?”

จ้านเซินเงียบอยู่นาน ถึงได้เปิดปากพูดเสียงต่ำขึ้น “ความหมายของจงใจคือ……ถึงแม้ว่าช่วยไปครั้งนี้แล้ว ครั้งหน้า เขาก็ยังจะตกไปอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกันอีก”

แล้วจะไม่สามารถปกป้องเขาไว้ตลอดไปเลยเหรอ?

ฉินซีแค่รู้สึกว่าแรงโทสะอย่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาในสมอง ตบโต๊ะทีหนึ่งแล้วก็ลุกยืนขึ้น

“คุณไม่ไปช่วยเขาใช่ไหม? ได้ งั้นฉันไปเอง!”

“ฉินซี!” น้ำเสียงของจ้านเซินก็เย็นเฉียบลงมา “อย่าใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา อย่าบุ่มบ่าม หลายปีมานี้องค์กรปลูกฝังเธอมาอย่างนี้เหรอ?”

ฉินซียิ้มเย็นขึ้นทีหนึ่ง “ใช่ซิ องค์กรที่มีคนแบบคุณเป็นผู้นำนี้ในหลายปีมานี้ ยังสามารถปลูกฝังคนแบบฉันมาได้คนหนึ่ง ฉันก็รู้สึกว่ามีความไม่อยากจะเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว ”

พูดจบ เธอก็ไม่ดูสีหน้าของจ้านเซิน ยืดตัวตรงแล้วเดินออกไปเลย

ถึงแม้ว่าฉินซีจะยังย้อนความทรงจำกลับมาได้ไม่หมด แต่ว่าเธอสามารถพอจะคาดเดาได้บ้างแล้ว

เอาตามนิสัยของตัวเองในตอนนั้น จะต้องไม่เชื่อฟังจ้านเซินอย่างแน่นอน แต่ว่าเลือกที่จะไปช่วยฟางฟาง

พอออกมาจากโรงน้ำชาแล้ว ฉินซียังโมโหอยู่เต็มอก แล้วก็กลับมาถึงที่ที่อยู่ชั่วคราวของเธอกับเหยาหมิ่น

สีตรงหน้าประตูได้แห้งไปแล้ว อักษรสีแดงสด ๆ สี่ตัว“ติดหนี้ชดใช้”ประทับลงในดวงตาของฉินซี ทำให้ดวงตาของเธอก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

เธอหลับตาลง อยากจะแกล้งทำเป็นเหมือนกับว่าไม่เห็นอะไรเลย แล้วล้วงกุญแจออกมาและเดินไปข้างใน แล้วอยู่ ๆ ประตูฝั่งตรงข้ามก็เปิดออกมา

“เธอเป็นคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อวานใช่ไหม?” เสียงของผู้หญิงคนนั้นแหลมสูง พอฉินซีได้ยินก็ทำให้นึกถึง เมื่อเช้าตอนที่คนพวกนั้นมาทวงหนี้ เสียงที่ออกมาพร่ำบ่นมีเสียงของเขาอยู่ด้วยเสียงหนึ่งด้วย

แผ่นหลังของฉินซีแข็งค้างไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกไป

“นี่! เป็นสาวเป็นนาง ตกลงติดหนี้เขาไว้เท่าไหร่ล่ะ ถึงได้โดนคนอื่นเขาตามตูดมาทวงหนี้แบบนี้?” ผู้หญิงคนนั้นพูดจาไม่ไว้หน้าสักนิด เขาเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงข้างกายฉินซี แล้วยื่นนิ้วที่ทาเล็บสีแดงสดไว้ออกมาชี้หน้าฉินซี “เธอทำอะไรมาฉันไม่สน แต่ว่าพี่ขอเตือนนะ รีบเอาเงินที่ติดคนอื่นไว้ไปชดใช้เร็ว ๆ ถ้าหากยังให้คนมาโหวกเหวกโวยวายแต่เช้า เสียงดังจนทำให้ทุกคนนอนกันไม่ได้ งั้นฉันก็มีวิธีเยอะแยะที่จะทำให้เธออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีก ได้ยินหรือยัง?”

ฉินซีมีไฟโกรธอย่างหนึ่งที่ลุกโชนจากในใจขึ้นมาจนถึงคอ เธอแทบจะใช้แรงทั้งตัว ถึงได้อดกลั้นความอยากที่จะเอาคืนกลับไปของตัวเอง

แต่ว่ามือทั้งคู่ก็กำหมัดแน่นอยู่ข้างลำตัวแล้ว

ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเห็นสีหน้าของฉินซีดูไม่ค่อยปกติแล้ว ก็ไม่ได้บังคับให้ฉินซีตอบอีก เพียงแต่ตัวเองเดินกลับเข้าบ้านไปด้วย แล้วบ่นพึมพำไปด้วย “ดูแล้วอายุก็ไม่เยอะ และก็ไม่รู้ว่าทำเรื่องสกปรกอะไร ถึงได้ติดหนี้ไว้มากมายขนาดนี้”

พูดจบ เหมือนกับว่าจะกลัวฉินซีเอาคืนยังไงอย่างงั้น รีบสะบัดประตูปิดอย่างแรง

ฉินซียืนอยู่หน้าประตูและปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอ ถึงได้พยายามให้ใบหน้าของตัวเองที่แดงขึ้นเพราะเกิดจากความโกรธพอลดลงไปได้บ้าง

เธอถอนหายใจยาว ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็บิดกุญแจเปิดประตูเข้าไป

พอเปิดประตูแล้ว เงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้ากับเหยาหมิ่นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“แม่?” ฉินซีรีบปิดประตูลง แล้วมองเขา “หนูบอกว่าให้แม่นอนพักผ่อนในห้องดี ๆ ไม่ใช่เหรอ? แล้วออกมาทำไมกัน?”

เหยาหมิ่นอ้าปากขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาว่า “แม่……แม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของลูก”

ชั่วครู่หนึ่งฉินซีไม่รู้ว่าควรจะตอบว่ายังไงดี

ตึกที่อยู่อาศัยนี้ค่อนข้างเก่ามากแล้ว ผลของการกั้นเสียงไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจะต้องไม่ดีเท่าไหร่

คำพูดของผู้หญิงเมื่อกี้ น่าจะต้องโดนเหยาหมิ่นฟังเข้าไปหมดแล้ว

“แม่……” เธอเดินไปทางเหยาหมิ่นก้าวหนึ่ง แต่กลับหยุดนิ่งไปไม่กี่วินาที

เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะปลอบโยนเหยาหมิ่นยังไง

หลังจากไม่กี่วินาทีผ่านไปแล้ว เธอถึงได้พยายามเค้นรอยยิ้มบนใบหน้าออกมาได้ทีหนึ่ง “วันนี้หนูไปหาอานหยันเอารถของหนูขายไปแล้ว และอานหยันก็รับปากหนูว่าจะเอารูปที่หนูถ่ายไปขายให้ด้วย น่าจะขายได้เงินมาไม่น้อย ครั้งหน้าถ้ามีคนมาอีก ก็จะได้ไม่ต้องหลบหน้าหลบตาแบบนี้แล้ว”

คำพูดของเธอเห็นได้ชัดว่าพูดเกินจริงเพื่อตบตาคนอื่น

เงินที่เธอจะได้จะมีเท่าไหร่นั้น ในใจของตัวเธอเองก็ยังไม่รู้เลย แต่ว่าเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่พวกมาทวงหนี้อยากจะได้แล้วละก็ ก็ต้องเป็นขนหนึ่งเส้นในวัวเก้าตัวแน่นอน

แล้วจะสามารถทำให้พวกเขาพอใจได้ยังไง แล้วการต่อรองกับพวกเขาล่ะ?

แต่ว่าฉินซีเห็นสีหน้าที่ขาวซีดของเหยาหมิ่น และท่าทางที่สั่นคลอนเหมือนจะรับไม่ไหวแล้ว เธอจึงได้แต่กัดฟันพูดไปแบบนี้

เธอและเหยาหมิ่น จะล้มลงทั้งสองคนไม่ได้

พอเหยาหมิ่นฟังคำพูดของเธอจบ บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มเซียว ๆ โผล่ขึ้นมาทีหนึ่ง

“เพราะแม่ลากลูกมาด้วยแท้ ๆ ทำให้ลูกต้องลำบากแล้ว”

เขาพูดขึ้นเสียงเบา

แต่พอฉินซีได้ยิน ก็ขมวดคิ้วขึ้น

“แม่ค่ะ เราพูดกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าพูดแบบนี้อีก!” ฉินซีพูดขึ้น แล้วเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงข้างกายเหยาหมิ่น และยื่นมือออกไปกอดเขาไว้เหมือนเช่นเมื่อก่อนทุกครั้ง “ต่อไปเราสองคนมาพยายามไปด้วยกัน จะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน”

เหยาหมิ่นยิ้มขึ้นจาง ๆ และยื่นมือออกไปลูบผมเธอเหมือนเช่นเมื่อก่อนทุกครั้ง ยังคงไม่เปิดปากพูดตอบเธอ

และเพราะว่าเขาเพิ่งจะป่วยหนักมา พอพูดคุยที่ข้างนอกกับฉินซีได้ไม่กี่ประโยคก็กลับเข้าไปพักผ่อนข้างในห้องแล้ว

ฉินซีรู้สึกไม่มีอารมณ์ทำกับข้าวแล้วจริง ๆ จึงสั่งอาหารจากข้างนอกมาสองส่วน แล้วตัวเองก็นอนหงายอยู่บนโซฟา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท