Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1161

ตอนที่ 1161

บทที่​ 1161 กังวล

ฉินซีวางมือ​ถือ​ลง ผลักประตู​ออกไปจากห้องนอน

เหยาหมิ่นไม่ได้​อยู่​ใน​ห้องรับแขก เมื่อคืนน่าจะ​นอนสาย ตอนนี้ยังพักผ่อน​ในห้องนอน​อยู่​เลย

ฉินซีไม่รบกวน​เธอ เดินไปที่ห้องครัว​เอง

ก่อนที่ยังไม่ได้​เข้าไปในคณะ​ เธอเป็นคุณ​หนูที่ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจมาโดยตลอด​จริงๆ

แต่ว่าหลังจาก​เข้ามาในคณะ แม้แต่​ความสามารถ​ที่เอาตัวรอด​ในป่าเขาดงดิบ​ล้วนควบคุมได้ ตอนนี้​ใช้เครื่อง​ใช้ไฟฟ้า​ในปัจจุ​บัน​ทำอาหารเช้า​ก็ไม่ใช่เรื่อง​ยาก​อะไรแล้ว

…………เพียงแต่ว่า​รสชาติ​ถือว่า​ไม่ได้อร่อย​อะไรมาก​

เธอเอาน้ำและข้าวสารวัดตามสัดส่วน​​เรียบร้อย​แล้วก็ใส่เข้าไป​ในหม้อหุงข้าว​ กดปุ่ม​หุงโจ๊ก แล้ว​ไปอาบน้ำ จากนั้นก็ลงไปซื้อกับข้าวนิดหน่อย​ที่ใต้ตึก​ค่อยกลับมา​ ก็เกือบจะ​ได้​ทานแล้ว

ดูเวลา ใกล้​ถึง​เวลาทานอาหารเที่ยง​แล้ว​ ฉินซีตัดสินใจ​ไปตามเหยาหมิ่นออกมา​ทานข้าว​

เธอเพิ่งเดินไปที่หน้าประตู​ห้องนอน​ของ​เหยาหมิ่น ยังไม่ได้เคาะประตู​ด้วยซ้ำ ประตู​ก็เปิดออกมา​จาก​ข้างใน​แล้ว

“แม่คะ” ฉินซีมองหน้า​เหยาหมิ่นอย่างเป็นห่วงเป็น​ใย “ไม่สบายรึเปล่า​คะ? สีหน้าแย่จังเลยค่ะ​?”

เหยาหมิ่นส่ายหน้า​และฝืนยิ้ม​:” ไม่ใช้จ้า แค่เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อน​ดีๆก็แค่นั้นเอง”

ฉินซีพยักหน้า​แบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง​ หันไปพูด​ว่า:” หนูหุงโจ๊ก อยากตามแม่ไปทานซะหน่อยนะ​”

เหยาหมิ่นมองขึ้นไป​มีความประหลาดใจ​:” หนู……… ทำอาหาร? ”

สีหน้าของเธอมองขึ้นไป​มีความประหลาดใจ​และมีความลังเล​ปะปนกันอยู่ เหมือนกับ​ว่า​เป็นเพราะ​เธอทำอาหารเป็นเรื่อง​นี้เธอเองทั้งเสียใจ​และรู้สึกประทับใจ​ แต่ว่ามีความสงสัย​ว่า​อาหารมื้อนี้ทานได้รึเปล่า​นะ​

ฉินซียิ้มแย้ม​ออกมา​:” ก็แค่ใช้หม้อ​หุงข้าวไฟฟ้า​หุงโจ๊กนิดหน่อย​ จะไปยากอะไรคะ แม่ไปล้างมือเถอะ​คะ หนู​ไปตักออกมา”

เหยาหมิ่นยิ่งกว่า​ฉินซีเสียอีกไม่เคยทำงานบ้าน​และทำอาหารแม้แต่ครั้ง​เดียว​ สี​หน้ายังมีความสงสัย แต่ว่ายังคงทำตาม​

ฉินซีเข้าไปตักโจ๊ก​ในห้องครัว​ออกมา ชิมไปคำนึงแบบง่ายๆ รสชาติ​ดีกว่าที่เธอคิดเอาไว้นิดหน่อย​ และหาจานหลายใบออกมา​ใส่กับข้าว​ที่ซื้อมาเมื่อสักครู่​ วางไว้บนโต๊ะอาหาร​ หน้าตาเหมือนกับอาหารมื้อนึงแล้ว

ได้ยินเสียงออกมา​ของเหยาหมิ่น ฉินซีเงยหน้า​ขึ้น​มา​ยิ้มแย้ม​ให้กับเธอ

ยิ้มแย้ม​พูดว่า​:” นั่งคะ”

เหยาหมิ่นชิมไปคำนึงอย่างสงสัย​หัวคิ้วถึงค่อยๆผ่อนคลาย​ เงยหน้า​ขึ้น​มา​มองหน้า​ฉินซี:” อร่อยอยู่​นะ เรียนทำอาหารเมื่อไหร่​เนี่ย​?”

ฉินซีหยุดนิ่งไปสักพัก​ และผายมือ:” เรียนตอนนี้และขายตอนนี้เลยค่ะ ไม่ใช่เรื่อง​ยากอะไรนี่คะ”

เธอพูดความจริง​ไม่ได้​ ได้แต่ห้าข้ออ้างแบบมั่วๆเพื่อโกหก​เหยาหมิ่น

สายตาของเหยาหมิ่นเปลี่ยนไป​ ชัดเจนมาก……….จมลงไปในความคิด​ที่ติดลบของ​เธออีกแล้ว​

……….เพราะเธอแท้ๆ ฉินซีเป็นถึงคุณ​หนู ต้องมาเรียนทำอาหาร

เหยาหมิ่นไม่ได้​ดูถูก​การทำอาหาร​ แต่ว่าเข้าครัว​ทำอาหารเพราะ​ความชอบ และเข้าครัว​เพราะถูก​ความเป็นอยู่​บีบบังคับ​นั้น ชัดเจนมากไม่ใช่เรื่องเดียวกัน​

ฉินซีรู้สึก​อารมณ์​ของ​เหยาหมิ่นผิดไปจาก​ปกติ​ แต่ว่าคิดไม่ถึง​เธอคิดไปไกลขนาด​นี้​แล้ว​ ได้แต่คีบกับข้าว​วางไว้ในถ้วย​ของ​เธอ:” ไม่อร่อย​ก็ต้องทานเยอะ​ๆหน่อย​ค่ะ​”

เหยาหมิ่นฝืนยิ้ม และพยักหน้า​

ตอนที่ทั้งคู่​จวนจะ​ทานข้าว​เสร็จ​เรียบร้อย​ จู่ๆฉินซีถึงนึกขึ้น​ได้​ เงยหน้า​ขึ้น​มา​พูดกับเหยาหมิ่นว่า:” แม่คะ อีกไม่กี่​วัน​หนูอาจจะ​ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดนะคะ”

คิดถึง​เรื่องเมื่อคืน ฉินซีรู้สึก​ว่า​ วันหลังมีเรื่อง​อะไรต้องทักทาย​กับเหยาหมิ่นล่วงหน้า​ก่อน เพื่อไม่​ให้​เธอคิดเหลวไหล​และคิดฟุ้งซ่าน​ และฟังคำพูดคนอื่นแบบหูเบา

เหยาหมิ่นเงยหน้า​ขึ้น​มา​มองเธอ:” ทำงานต่างจังหวัด?”

ฉินซีพยักหน้า​:” อานหยันช่วยหนูหางานงานนึง ไปถ่ายรูป​ที่โรงนิตยสาร​โรงนึงในประเทศ​T”

เหยาหมิ่นขมวดคิ้ว​ หน้าตาเหมือนอยากพูดแต่ห้ามใจ​ไว้ สักพัก​ถึงพูดว่า​:” ประเทศ​T……..”

ฉินซีรู้ว่าเธอคิดมาก

ถึงแม้วิวธรรมชาติ​ที่ประเทศ​Tดีมากทีเดียว​ก็ตาม แต่ว่าชื่อเสียงด้านความปลอดภัยยอด​แย่มาโดยตลอด​ อากาศ​ก็แย่ ได้ยิน​มาว่า​คนที่ปรับตัว​ไม่ได้​ ยากที่จะผ่านพ้น​ไป​ได้สองวัน

แต่ว่าการฝึกฝน​ที่​คณะไม่ได้เสียแรงไปเปล่า​ๆ สำหรับฝีมือ​ด้านความปลอดภัย​ของ​ฉินซีในตอนนี้ แทบจะไม่ใช่ปัญหา​ สำหรับอากาศ………ร่างกายของเธอ​ใน​ตอนนี้​ส่วนใหญ่​ก็ไม่ได้มีปัญหา​อะไร​

แต่ว่าตัวเธอเองรู้ดีทุกอย่าง​ ไม่ได้แปล​ว่า​เหยาหมิ่นก็รู้ดีด้วย​

เธอพูดความจริงไม่ได้​ ได้แต่พยายาม​พูดอย่างจริงใจ​ว่า:” น่าจะไม่มีปัญหา​อะไร​ อย่าห่วงเลยค่ะ”

ชัดเจนมากเหยาหมิ่นไม่เป็นห่วง​ไม่ได้​ แต่ว่าเธอก็รู้ดี ฉินซีต้องไปหาเงิน ถึงจะมีกินมีใช้​ เพื่อให้พวกเธออยู่รอด​ต่อไป​ได้

…………..ทำไมตัวเอง​ไม่ได้​เรื่อง​ขนาดนี้​นะ?”

ความคิดของ​เธอไหลไปในทางที่ติดลบอีกแล้ว

ฉินซีเห็นว่าเธอไม่เอ่ยปากอีกแล้ว จึงรู้สึก​ว่า​เธอน่าจะยอมรับแบบเงียบๆแล้ว จึงไม่ได้พูดเรื่องนี้อีกต่อไป​ และลุกขึ้น​มา​

เหยาหมิ่นมองดูร่างเงาของเธอ ถอนหายใจ​ออกมา​แบบเงียบๆ

……………

ถึงแม้ได้​รับปากงานที่ต่างจังหวัด​ครั้งนี้แล้วก็ตาม แต่ว่าหวังพึ่งแต่งานครั้งนี้​ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่แค่ฉินซีเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น​แม้แต่เหยาหมิ่น ก็ออกไปหางานทำด้วยเช่นกัน​

เหยาหมิ่นออกไปตอนเที่ยง​ของวัน หางานที่ร้านวาดรูป​ร้านนึงในละแวกที่พวกเธอพักอยู่ ยังไงซะเป็นละแวกที่พวกเธอคุ้นเคย​ที่สุด​ ฝ่ายตรงข้าม​รับเธอทำงานเร็วมาก ส่วนฉินซีอยู่​ใต้การแนะนำของอานหยัน เริ่มถ่ายรูป​ให้กับโรงนิตยสาร​หลายที่แล้ว

เมื่อก่อนเธอถ่ายรูป​ตามใจชอบ​มาแต่ไหนแต่ไร วันนั้นจู่ๆก็พากล้องถ่ายรูป​ออกจาก​บ้าน​ด้วย แล้วก็​ยังเห็นเมฆที่สวยงามอีกด้วย จึงถ่ายบันทึก​ไว้​แบบเรื่อย​เปื่อย​ แต่ว่าตอนนี้จะเรื่อย​เปื่อย​ต่อไปไม่ได้เสียแล้ว

ขณะนี้​เธอถึงได้รู้ด้วยตัวเอง ความชอบ​กลายมาเป็น​รูปแบบ​ที่​เลี้ยงชีพตัวเองไปเสียแล้ว ช่างทรมาน​จริงๆ

เพียงแต่ว่าลองคิดกลับไป ความทรมาน​แบบนี้เมื่อเทียบกับถูกคนขวาง​ไว้ที่หน้าประตู​และความทรมาน​ที่ทานไม่อิ่มท้อง​ ถือว่า​จิ๊บจ๊อย​มาก

เพราะฉะนั้น​ฉินซีจึงกัดฟัน และยืนหยัด​ต่อไป​

ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์​แล้ว เพื่อไล่พวกทวงหนี้ออกไป เงินที่ฉินซีได้มาจากการขายรถยนต์​เกือบจะ​ใช้จ่ายหมดแล้ว​

ช่วงนี้ในคณะน่าจะยุ่งอยู่กับเรื่องของฟางฟาง แทบจะไม่ได้ไปหาเธอเลย ถูกอกถูกใจฉินซีพอดี

ถึงแม้​ค่าตอบแทน​สูง​มาก​ แต่ว่า​เธอไม่อยากมีความสัมพันธ์​เกี่ยวข้อง​กับ​คณะ​ใดๆทั้งสิ้นแล้ว

เป็นอย่างเงียบๆแบบนี้ มาถึงวันที่ฉินซีจะไปที่ประเทศ​Tก่อนหนึ่งวัน

เธอนั่งเก็บสัมภาระ​ของตัวเองอยู่ในห้องนอน​ ไม่ได้​ให้เหยาหมิ่นเข้ามายุ่งเกี่ยว​ เพราะว่า​กลัวเหยาหมิ่นดูออก​ที่เธอเคยฝึกฝน​อยู่​ในคณะ​ จะเกิดความสงสัย​รูปแบบ​ที่​แคล่วคล่อง​เกินไป​ แต่ว่าไม่นานนัก เหยาหมิ่นกลับมาเคาะประตู​แล้ว

“ฉินซี” เสียงของเธอ​ไม่นิ่งนัก สีหน้าก็ขาวซีด “ประเทศ​T…….. แผ่นดินไหว”

มือที่เก็บสัมภาระ​ของฉินซีหยุดชะงักไป​ เงยหน้า​ขึ้น​มา​มองหน้า​เหยาหมิ่น:” แผ่นดินไหว?”

เหยาหมิ่นใช้มือชี้ไปทีวีที่วางอยู่​ข้างนอก ข้างในกำลังเปิดข่าวสารเร่งด่วน​ เป็นข่าวสาร​ของประเทศ​Tที่ประสบภัย​กับแผ่นดินไหว​

ฉินซีไม่ได้ดูภาพหน้าจอ​อย่างละเอียดถี่ถ้วน​ คิดๆดู ยกมือขึ้น​มาโทรศัพท์​ไปที่โรงนิตยสาร​

ชัดเจน​มากคนในโรงนิตยสาร​ได้ดูข่าวสารแล้ว แต่ว่าน้ำเสียงการพูดจาอ้ำๆอึ้งๆ:” เมืองที่เราจัดวาง​ลงเครื่อง​ระยะห่าง​จากที่ที่แผ่นดินไหว​ไม่ใกล้มากนัก ไปที่นั่นไม่มีปัญหา​อะไร……..”

ฉินซีฟังปุ๊บก็เข้าใจปั๊บ​ โรงนิตยสาร​ทางโน้น​ไม่มีท่าทีจะยกเลิก​การถ่ายรูป​ครั้งนี้​

เธอเองก็ไม่ได้คิดจะยกเลิก​อย่างชั่วคราว​ เพราะฉะนั้น​จึงพยักหน้า​และตอบรับไปเรียบร้อย​

รอเธอวางสาย และหันหน้า​กลับมา​กลับ​เห็นสีหน้าของเหยาหมิ่นที่ยิ่งอยู่ยิ่งขาวซีด

” แม่คะ……..” ฉินซีรู้ดีเธอเป็นห่วงตัวเอง พยายาม​เอ่ยปาก​อธิบาย​ “ที่ที่หนูไป ไม่ได้ใกล้กับที่ที่แผ่นดินไหว​……

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท