Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1143

ตอนที่ 1143

บทที่ 1143 คุณขาดเงินขนาดนี้เลยเหรอ

ฉินซียืมดวงตาตัวเอง แล้วมองสบตากับหลี่เหวยเมื่อหลายปีก่อน

หลี่เหวยในตอนนั้นดูอ่อนเยาว์กว่าในตอนนี้บ้าง แต่ว่าในเมื่อยังไม่ได้แต่งเข้าตระกูลฉิน เพราะฉะนั้นทั้งตัวจึงยังแต่งตัวเฉิ่ม ๆ เชย ๆ อยู่

เขามองฉินซี แล้วบนใบหน้าก็มีรอยยิ้มโผล่ออกมา “อ่อ ฉินซีกลับมาแล้วเหรอ?”

คำพูดประโยคนี้ของเขาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกเหมือนว่าเป็นเจ้าของบ้าน ฉินซีแทบจะใช้เวลาแค่ชั่วพริบตา ก็รู้สถานะของเขาแล้ว

เมื่อเอาทุกอย่างมาประกอบกันแล้วดู

ที่เหยาหมิ่นโดนใส่ร้ายป้ายสี หย่า หนี้สินจำนวนมหาศาลและข่าวอื้อฉาวที่ตกลงมาจากฟ้าจนมาทับเขาจนล้ม แต่ฉินซึ่งเทียนกลับแค่ชั่วพริบตาก็อดทนรอไม่ไหวแล้วพาคนใหม่เข้ามาในบ้านแล้ว

ตรงหน้าของฉินซีอย่างกับว่าผ้าม่านบังตาโดนฉีกออกแล้ว

……ที่แท้ที่เขาทำทั้งหมดนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อต้องการโอนย้ายภาระหนี้สินเท่านั้น ยังเพื่อผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ด้วย

ฉินซีรู้สึกความโกรธมากจนเกินไป แล้วกลับสงบนิ่งลงมา

ตอนนี้จะมาไถ่ถามฉินซึ่งเทียน แล้วยังจะมีความหมายล่ะ?

เขาจะมีทางยอมรับความผิดของตัวเองเหรอ? หรือจะยอมรับทุกสิ่งที่ทำกับเหยาหมิ่นอย่างตรงไปตรงมาได้เหรอ?

ถ้าหากว่าเขาจะซื่อตรงขนาดนี้ ก็คงจะไม่มีฉินซึ่งเทียนในตอนนี้แล้ว

เพราะฉะนั้นเธอจึงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วประเมินหลี่เหวยตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความดูถูก “ที่บ้านมีคนรับใช้มาใหม่เหรอ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เหวยนิ่งค้างไป

“ทำไมพูดอย่างนี้!” ฉินซึ่งเทียนรีบลุกขึ้นมา แก้ไขสถานการณ์ “เสี่ยวซี นี่เป็นคุณน้าหลี่ของแก”

ฉินซีขำออกมาคำหนึ่ง แล้วหันไปมองทางฉินซึ่งเทียน “คุณก็เพราะว่านังผู้หญิงคนนี้ ถึงกลับต้องทำให้แม่ฉันถึงตายเลยเหรอ?”

บนใบหน้าของหลี่เหวยเขียวจุดหนึ่งขาวจุดหนึ่งแล้ว ฉินซึ่งเทียนรวบตัวเธอทีเดียวมาบังไว้หลังเขา แล้วมองฉินซีด้วยแววตาโกรธจัด“ฉินซี! หลายปีมานี้ สอนมารยาทแกมาแบบนี้เหรอ?”

ฉินซียิ้มขึ้นเย็น ๆ “คุณปู่ของฉันสอนคุณมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ก็เพื่อให้คุณมาสาดน้ำสกปรกใส่แม่ฉัน แล้วเปลี่ยนให้ผู้หญิงอื่นมาเข้าบ้านแทนเหรอ?”

สีหน้าของฉินซึ่งเทียนยิ่งดูแย่มากขึ้น “แม่ของแกไม่รักดีเอง!”

ตอนที่เขาพูดคำพูดนี้นั้นอย่างกับว่าพูดด้วยความชอบธรรม ไม่มีท่าทีละอายใจเลยสักนิด

ถ้าหากไม่ใช่ว่าเห็นหลี่เหวยยืนอยู่ตรงนี้ด้วยตาตัวเอง คงจะมีความเป็นไปได้ที่ฉินซีจะสงสัยว่าคนที่ไม่รักดีจริง ๆ คือเหยาหมิ่น แต่ไม่ใช่ฉินซึ่งเทียน

ปฏิกิริยาของเขาแข็งกระด้างขนาดนี้ ดูแล้วก็คือไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองมีปัญหาแน่ เพราะฉะนั้นฉินซีจึงขี้เกียจจะไปโต้แย้งกับปัญหานี้อีกแล้ว

ตั้งแต่แรกเธอก็มีปัญหาอื่นอยากจะถามอยู่แล้ว

“คุณขาดเงินขนาดนี้เลยเหรอ?”

สีหน้าของฉินซึ่งเทียนนิ่งค้าง “แกกำลังพูดเรื่องอะไร?”

ฉินซีไม่อยากจะเสียเวลาอ้อมค้อมกับเขาอีก ก็เลยพูดไปตรง ๆ “คุณเอาบ้านของคุณปู่ไปขายแล้ว”

ฉินซึ่งเทียนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ปู่ของแกเสียไปตั้งหลายปีแล้ว บ้านหลังนั้นเป็นของฉัน ในเมื่อไม่มีคนอยู่ ก็ขายทิ้งไปดีกว่าไม่ใช่เหรอ……”

“ฉินซึ่งเทียน” ฉินซีพูดขัดเขาขึ้นด้วยเสียงเย็น “คุณไม่เคยเอาคุณปู่และแม่ของฉันมาไว้ในใจเลย ใช่ไหม?”

พอคำพูดออกจากปาก ฉินซีก็รู้แล้วว่า ตัวเองน่าจะถามคำถามที่ไม่มีความหมายออกไปอีกแล้ว

สิ่งสำคัญที่เธอเอามาใส่ไว้ในใจ ความทรงจำเต็มเปี่ยมที่อยู่ในบ้านหลังนั้น แต่สำหรับฉินซึ่งเทียนมาพูดแล้ว กลับไม่มีความหมายอะไรเลยแม้แต่น้อย

และก็เป็นเช่นนั้น ฉินซึ่งเทียนไม่ได้ตอบคำถามของเธอโดยตรง แต่กลับขมวดคิ้วแล้วก็จ้องเธอเขม็ง “ฉันเป็นพ่อของแกนะ! แกมาเรียกชื่อฉันตรง ๆ ได้ยังไงกัน?”

ฉินซีมองหน้าที่โกรธจนแดงของเขา และสีหน้าที่เป็นกังวลของหลี่เหวยที่โดนเขาบังไว้ข้างหลังด้วยสายตาเย็นชา

ไฟในห้องรับแขกสว่างไสว จนส่องทุกอย่างออกมาได้ชัดเจน เธอกลับเหมือนกับว่ากำลังดูละครไร้สาระเรื่องหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองอยู่

“ฉินซึ่งเทียน” ฉินซีพูดขึ้นทีละตัวทีละตัว “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลฉินอีก ฉันไม่มีพ่ออย่างคุณ คุณทำให้รู้สึกถึงความไร้ยางอาย”

พอคำพูดพวกนี้ของเธอพูดออกไป ฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวยก็ถลึงตาโต

ในความตกใจของฉินซึ่งเทียนแฝงไว้ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แต่ในแววตาของหลี่เหวยกลับมีความแอบดีใจพาดผ่าน

ฉินซีมั่นใจมากว่าตัวเองไม่ได้มองผิดไปแน่

ใช้นิ้วเท้ามาคิดยังรู้เลยว่า ถ้าฉินซีถอยออกไปจากตระกูลฉินแล้ว ต่อไปมรดกทั้งหมดของตระกูลฉิน ก็จะต้องตกมาเป็นของเขาอยู่แล้ว

ถ้าเขาไม่ดีใจซิ ถึงจะแปลก

ฉินซึ่งเทียนกลับจ้องฉินซีอยู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ เหมือนกับอยากจะยืนยันว่าเธอแค่พูดไปเรื่อยเท่านั้นใช่ไหม “ฉินซี! แกรู้ตัวไหมว่าแกกำลังทำอะไรอยู่!”

ฉินซียิ้มขึ้นจาง ๆ “ฉันก็ต้องรู้อยู่แล้ว ยืนอยู่ต่อหน้าคุณ มองใบหน้าสารเลวของคุณนี้อยู่ แม้แต่หายใจฉันยังหายใจไม่คล่องเลย”

ฉินซึ่งเทียนโกรธจัด “ดี! ในเมื่อแกจะไปอยู่แล้ว ก็รีบให้ฉันไสหัวออกไปเลย! ต่อไปเงินของตระกูลฉิน แกอย่าคิดว่าจะเอาไปได้แม้แต่แดงเดียว!”

ฉินซีกลับไม่ได้โดนเขาทำให้โมโห ท่าทียังสงบนิ่ง “คุณคิดมาได้ดีมากเลย ของที่คุณปู่ให้ฉันมา ฉันจะเอาไปไม่ให้ขาดสักอย่าง ของที่คุณให้ฉันมา ฉันก็จะไม่มีทางเอาเกินไปสักอย่าง ของที่เป็นของฉัน คนอื่นก็อย่าได้หวังว่าจะเอา”

เธอมองไปที่หลี่เหวยทีหนึ่งอย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ

และเห็นเข้าพอดี กับแววละโมบโลภมากที่พาดผ่านไปบนใบหน้าของหลี่เหวย

เธอจึงรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ต่อไปก็รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว จึงหันหน้าไปทางพ่อบ้าน “ช่วยเก็บข้าวของของฉันให้หน่อย”

ฉินซึ่งเทียนตะคอกอย่างโกรธจัดขึ้นข้างหลัง “ฉันจะดูซิว่าใครกล้าช่วยมัน!”

คนรับใช้ทั้งห้องต่างก็ไม่กล้าขยับแล้ว ฉินซีหัวเราะอย่างเยาะเย้ยขึ้น “ได้ ฉันไปเก็บเองก็ได้”

พูดจบ เธอก็ไม่มองฉินซึ่งเทียนอีก ก็ตรงขึ้นไปชั้นบนกลับไปที่ห้องของตัวเองเลย

ถ้าจะต้องพูดจริง ๆ แล้ว หลายปีมานี้ฉินซีก็ไม่ได้พึ่งเงินทั้งหมดที่ฉินซึ่งเทียนให้มีชีวิตอยู่มาได้จริง ๆ

ถึงแม้ว่าฉินซีจะเป็นแค่หน่วยข่าวกรอง และแทบจะไม่ต้องเสี่ยงชีวิต แต่ว่าเงินเดือนที่องค์กรให้ถ้าเทียบกับเงินเดือนของงานทั่วไปมาพูดแล้ว ก็ถือได้ว่าสูงมากแล้ว แต่ว่าสำหรับฉินซีมาพูดแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นแค่เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ

ตอนนี้ดูแล้ว ยังดีที่เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ในปกติเธอเอามาใช้ซื้อของเล็ก ๆ กระจุ๋มกระจิ๋มพวกนี้ ตอนนี้ยังถือได้ว่าเป็นของตัวเองทั้งนั้น

ไม่งั้นตอนนี้ ถ้าอุปกรณ์ถ่ายรูปที่เธอเห็นว่าสำคัญมาก ๆ เอาไปด้วยไม่ได้แล้วล่ะก็ เธอคงจะเสียใจมากกว่าที่ตัดขาดกับฉินซึ่งเทียนซะอีก

ข้าวของมีไม่เยอะ ฉินซีเก็บอุปกรณ์ที่ตัวเองซื้อมาให้เรียบร้อย แล้วก็เก็บเสื้อผ้าอีกไม่กี่ตัว แค่พอใส่กระเป๋าเล็ก ๆ ใบหนึ่งเต็มเท่านั้น

เธอหิ้วกระเป๋าแล้วลงไปข้างล่าง เดินมาถึงห้องรับแขกถึงพบว่า ฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวย และยังมีพวกคนรับใช้ก็ยังแทบจะยืนอยู่ที่เดิม พอได้ยินความเคลื่อนไหวของเธอ ก็เงยหน้าขึ้นมา และมองมาทางเธอ

พอเห็นเธอถือกระเป๋าไว้ สีหน้าของฉินซึ่งเทียนก็เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

ก็ไม่แปลกที่คนอย่างเขานั้น น่าจะเข้าใจได้ยากมากว่าจะมีคนถึงกับยอมละทิ้งทรัพย์สมบัติของตระกูลฉินได้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้

ฉินซียกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างประชดประชัน และเดินไม่กี่ก้าวไปถึงหน้าฉินซึ่งเทียน “คุณจะเปิดกระเป๋าดูหน่อยไหมล่ะ? ข้างในนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ฉันใช้เงินตัวเองซื้อมาทั้งนั้น รับรองว่าไม่ได้ใช้เงินของคุณแน่”

ใบหน้าของฉินซึ่งเทียนโกรธจนเป็นสีม่วงแดงแล้ว

คำพูดของฉินซีเสมือนกับยั่วยุ นี่มันเป็นการเหยียดหยามอำนาจของเขาที่อยู่ในบ้านตระกูลฉินชัด ๆ

เขายื่นนิ้วมือที่สั่นเทาไปทางฉินซี “ไสหัวไป! ให้ฉันไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”

ฉินซียักคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ และหันหน้าไปทางฉินซึ่งเทียน “นี่เป็นรถที่คุณปู่ให้ฉัน และก็ไม่ถือว่าเป็นของของคุณ ฉันจะขับไปแล้วนะ”

ถ้าความโกรธในแววตาของฉินซึ่งเทียนสามารถฆ่าคนได้ ตอนนี้ฉินซีคงจะเสียชีวิตไปแล้ว

“แกก้าวออกไปจากที่นี่ก้าวหนึ่ง ก็อย่าได้กลับมาอีก!” เขาตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง

ฉินซีแค่ยิ้มจาง ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็เดินออกไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท