Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1160

ตอนที่ 1160

บทที่ 1160 ยากจะโต้แย้ง

ครั้งนี้ฉินซีรู้สึกได้ถึงการลิ้มรสจริงๆ

เธออธิบายอย่างหน้าซีดและไร้ประโยชน์ : “เงินนั้น เพื่อคนนั้นที่ญาติมีปัญหาโอนมาให้ฉัน เพื่อให้ฉันช่วยเขาแก้ปัญหาหลังจากนี้…”

ฉินซีพูดพลาง คิดว่าการอธิบายทั้งหมดของตัวเองไม่น่าเชื่อถือเลย

ดังนั้นการแสดงออกเหยาหมิ่นก็ดูลำบากเช่นกัน

ฉินซีเห็นแววตาไม่ค่อยเชื่อของเธอ ในที่สุดก็ก้มหน้าลงอย่างเหนื่อยล้า และซุกหน้าไว้ในมือ

“แม่…ฉันเป็นลูกสาวคุณน่ะ..ทำไม…ทำไมคุณไม่เข้าใจฉัน…ทำไมไม่เชื่อฉัน…”

เธอเหนื่อยจริงๆ

ต้องจัดการกับพวกตามทวงหนี้ ต้องหาทางหาเงินมาคืน ต้องเสียใจกับการจากไปของฟางฟาง

ภาระการใช้ชีวิต ภาระทางความรู้สึกทั้งหมดกดดันหัวใจเธอ คิดไม่ถึงว่าตัวเองยังต้องมารับมือกับความไม่เชื่อมั่นของแม่ตัวเอง

…หรือว่าในสายตาของเธอ ตัวเองเป็นคนที่สามารถทำเรื่องอย่างนั้นได้หรือไง?

หัวใจของฉินซีเต็มไปด้วยความเศร้า

หน้าต่างของห้องรับแขกไม่ได้ปิดสนิท เมื่อลมพัดเข้ามา ร่างกายของฉินซีหดเข้าหากัน ดูช่างน่าสงสาร

เหยาหมิ่นเองก็อดใจไม่ไหว ขยับเข้าใกล้ฉินซี ยื่นมือไปคว้าฉินซีมากอดไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง

“ไม่ใช่แม่ไม่เชื่อ แม่แค่..กลัวคุณจะทำอะไรโง่ๆ” น้ำเสียงของเหยาหมิ่นอ่อนโยน “แม่รู้ เพราะลูกเลือกที่จะช่วยแม่ ถึงมีความลำบากมาก แม่แค่อยากจะบอกว่า ไม่ว่ายังไงอย่าทำอะไรโง่ๆ”

ใบหน้าของฉินซียังคงซุกอยู่ในมือ น้ำเสียงอู้อี้ : “ฉันจะทำเรื่องอย่างนั้นได้ยังไง? แม่ ทำไมถึงสงสัยว่าฉันจะทำเรื่องอย่างนั้น?”

“แม่ พวกเราสองคนพึ่งพากันและกัน ต้องเชื่อใจกัน” ฉินซีกล่าว “ฉันไม่ทำเรื่องโง่ๆ แน่นอน อานหยันแนะนำงานช่วยถ่ายรูปให้คนอื่นไว้เยอะ เงินเดือนไม่เลว ถ้าทำได้ดี ประหยัดหน่อย ก็จะทยอยคืนเงินได้”

สิ่งที่เธอพูดเพราะต้องการคำชมจากแม่ แต่เหยาหมิ่นกลับทำแค่ยิ้มจางๆ มีความเศร้าในแววตา : “ลำบากเธอแล้วจริงๆ”

ลูกสาวที่เอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ต้องออกไปทำงาน เมื่อก่อนสามารถให้เงินได้ไม่จำกัดตามสบาย ตอนนี้กลายเป็นเครื่องมือในการหาเงิน

จุดนี้ เกรงว่าจะมีแค่ตัวเหยาหมิ่นเองที่เข้าใจ

ทำไมตัวเองต้องเซ็นสัญญาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย? ทำไมถึงหลับหูหลับตาเชื่อฉินซึ่งเทียน?

ทำไมเรื่องโง่ๆ ที่ตัวเองทำ ต้องให้ฉินซีและตัวเองมารับผลที่ตามาด้วยกันด้วย?

ทำไม…ทำไมตัวเองถึงกลายเป็นคนที่ทำให้เธอเหนื่อย?

ฉินซียังไม่รู้ว่าจิตใจของเหยาหมิ่นเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ยังคงพูดเรื่องวางแผนเกี่ยวกับอนาคต พูดไปสักพัก เพิ่งจะพบว่าเหยาหมิ่นกำลังเหม่อลอย จึงพูดอย่างไม่พอใจ : “แม่! ไม่ได้ฟังที่ฉันพูดอยู่ใช่ไหม?”

เหยาหมิ่นดึงสติกลับมา และพูดขอโทษ : “แม่เหนื่อยไปหน่อย!”

ฉินซีรู้ว่าเธอคงไม่ได้นอนมาทั้งคืน จึงโบกมือและลุกขึ้นยืน : “โอเค ฉันก็ง่วงแล้ว พวกเรากลับไปพักผ่อนกันสักหน่อยเถอะ เช้านี้คงไม่มีพวกทวงหนี้มาตาม พวกเราจะได้นอนหลับสบายหน่อย”

เหยาหมิ่นมองหน้าเธอ ไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าเบาๆ

ฉินซีเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตู ใบหน้ายิ้มแย้มที่แกล้งทำค่อยๆ หายไป

จริงๆ แล้วเธอรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่ใช่แค่เหนื่อยกาย แต่…เป็นความเหนื่อยล้าที่ออกมาจากทุกอณูของกระดูก

ถ้าไม่ใช่เพราะเหยาหมิ่น เธอไม่อยากจะยืนหยัดต่อไปอีกแล้ว

ฉินซีถอนหายใจเบาๆ อยากจะหันตัวกลับไปที่เตียงของตัวเอง แต่เห็นคอมพิวเตอร์ของตัวเองที่เปิดทิ้งไว้บนโต๊ะ

นี่ก็ผู้ร้ายที่ทำให้เหยาหมิ่นเข้าใจผิด

ฉินซีถอนหายใจเบาๆ และหันไปปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นค่อยๆ เดินไปขึ้นเตียงและนอนลง

นอนลงไปจริง แต่ไม่มีความง่วง

การตายของฟางฟางมีผลกระทบกับเธอมาก เหมือนการขุดจิตวิญญาณของเธอทิ้งไปส่วนหนึ่ง ทำให้ทั้งตัวของเธอตอนนี้เหมือนขาดหายไม่ครบไปบางส่วน

จะบอกว่าเป็นความเศร้าก็ดูง่ายไป แต่ห่างจากการแตกสลายอีกไกล จึงได้แต่ตั้งสติและสัมผัสถึงจิตวิญญาณ

เธอแค่หลับตาอยู่ในหอผ้าสีขาวนั่น

ฉินซีทำได้แค่มองท้องฟ้านอกหน้าต่างที่ค่อยเปลี่ยนเป็นแสงสว่างทีละนิด

ตอนนี้จ้านเซินกำลังทำอะไรอยู่? น่าจะจัดการกับร่างไร้วิญญาณของฟางฟางตามคำสั่งของพ่ออยู่

แค่คิดถึงจุดนี้ ร่างกายของฉินซีก็อดสั่นไม่ได้

เธอยังไม่ชินกับเรื่องนี้

ที่ใครบางคนสามารถดึงคุณค่าของคนตายออกมาใช้ได้ทั้งหมด

เมื่อนำมาปะติดปะต่อกันแล้ว จ้านเซินและองค์กร สำหรับเธอแล้ว กลายเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ทั้งหมด

การตายของฟางฟาง ทำให้เห็นรายละเอียดขององค์กรอย่างชัดเจน

เห็นแก่ตัว เยือกเย็น ผลประโยชน์สำคัญที่สุด

เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าคำพูดเหล่านี้จะต้องเป็นเรื่องไม่ดี แต่หลังจากได้พบกับชีวิตของฟางฟาง เธอไม่สามารถคิดแบบเดิมๆ ได้อีกต่อไป

ถึงขนาดที่เธอไม่สามารถทนตัวเองได้

เธอนึกถึงตอนที่ตัวเองปฏิบัติงานคนเดียวครั้งแรก เพื่อนร่วมงานที่นั่งบนรถด้วยกัน ลำบากเพราะไม่สามารถฆ่าเป้าหมายได้

แต่เธอมารู้ทีหลังว่า เป้าหมายเป็นเพียงเด็กตัวเล็กที่อายุใกล้เคียงไม่ห่างกับพวกเขามาก

เด็กแบบนี้ ทำไมถึงตกเป็นเป้าหมายการโจมตี?

ต้องเป็นเหยื่อของการเล่นเกมหาผลประโยชน์

บนรถคันนั้นไม่มีใครมองเขาเป็นสิ่งมีชีวิต แม้กระทั่งตัวเธอเอง ทั้งหมดเอาเขาเป็น” เป้าหมาย”

ฉินซีพลิกตัวอีกครั้ง

เธอรู้ว่าแค่ตัวเองมีความคิดแบบนี้ ก็ไม่สามารถอยู่ในองค์กรได้อีกต่อไป

ดีที่ตัวเธอไม่ได้เข้าไปลึก ถ้าต้องการถอนตัวก็ยังพอมีโอกาส

งั้นต้องรีบถอนตัว

ฉินซีคิดเรื่องนี้ และตัดสินใจไว้ในใจ

รอให้จ้านเซินจัดการเรื่องของฟางฟางเสร็จ เธอค่อยพูดเรื่องที่ตัวเองจะถอนตัวออก

กฎขององค์กรสามารถถอนตัวได้

เธอให้กำลังใจตัวเอง

เธอไม่รอจนไม่มีทางเลือกเหมือนฟางฟาง ที่มีแค่การตายเป็นจุดจบ

คิดอย่างนี้ เธอก็ค่อยๆ หลับไป

……

เช้าวันถัดมา ข่าวของฟางฟางกระจายไปทั่ว

ฉินซีกวาดสายตาอ่านข่าวที่ถูกส่งมาในโทรศัพท์ ไม่ต่างอะไรกับที่จ้านเซินบอก ไม่ว่าจะพูดยังไงทุกคนต่างก็ยกย่องฟางฟางว่าเป็นนักวิชาการชั้นยอดที่อุทิศชีวิตให้กับวิทยาศาสตร์

อานหยันก็โทรมาคุยเรื่องนี้ เธอไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉินซีกับฟางฟาง แค่เป็นข่าวที่น่าอนิจจัง

ฉินซีฟังและรู้สึกเศร้าขึ้นมาในใจ

ในที่สุดรอจนเธอปลงเสร็จ จึงจะพูดธุระ

“เรื่องที่จะไปถ่ายรูปที่ประเทศT คุณตัดสินใจรึยัง? นิตยสารนั่นกระตุ้นฉันมาแล้ว” อานหยันถาม

ฉินซีลังเลอยู่สักครู่ก่อนจะพยักหน้า : “ได้ ฉันจะจัดเวลาไป”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท