Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1172

ตอนที่ 1172

บทที่ 1172 เตรียมพร้อมไว้แล้ว

“เธอกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว ทำอะไรต่ออีกมั้ย” ลู่เซิ่นตัดสินใจที่จะหยุดความสงสัยนี้ไว้ก่อน แล้วหันไปถามอีกคำถามนึง

พ่อบ้านส่ายหน้า:“ ไม่ได้ทำอะไรแล้วครับ คุณผู้หญิงกินข้าวเสร็จก็เดินขึ้นข้างบนไป แล้วยังบอกว่าคืนนี้รู้สึกไม่สบาย จะขอพักผ่อนเร็วหน่อย ไม่ต้องให้พวกเราไปรบกวน”

ลู่เซิ่นหลับตาลง ไม่ได้พูดอะไร

พ่อบ้านก็เลยพูดต่อ:“ ตอนที่เจอเธออีกครั้ง ก็คือตอนที่เธอลงมาจากตึกตอนค่ำบอกว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนอานหยัน”

ลู่เซิ่นกลับรู้สึกว่า ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างนั้นเป็นแน่

เพียงแต่ว่าตอนนี้ เมื่อเทียบข้อสงสัยเหล่านี้แล้ว มีเรื่องสำคัญกว่านี้ต้องทำ

ไม่ว่าเธอจะออกไปอย่างสมัครใจ หรือถูกวางยาแล้วลักพาตัวไป ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องหาตัวเธอให้เจอ

อย่างไรก็ตาม ลู่เซินต้องได้ยินเธอพูดทุกอย่างจากปากของเธอเอง

แม้ว่าเธออยากจะไป ก็ไม่ควรที่จะจากไปอย่างไม่บอกไม่กล่าวใดๆ แบบนี้

แต่ว่า……จะหาเธอได้จากที่ไหนล่ะ?

ลู่เซิ่นคิดไม่ออกว่าฉินซีจะไปที่ไหนได้บ้าง

ตอนเธอมาที่รีสอร์ทชิงหยวน ห้องเล็กๆที่เคยเช่ากับเหยาหมิ่นก็คืนห้องไปแล้ว จากนั้นบอกว่าจะย้ายออกไป……

ใช่!บ้านหลังใหม่ที่จะย้ายไป

ลู่เซิ่นหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาอาหยันอีกครั้ง

ครั้งนี้อานหยันรับโทรศัพท์ทันที

“ลู่เซิ่น”เสียงของเธอกังวลใจมาก“นายหาฉินซีเจอรึยัง?ทำไมฉันโทรหาเธอไม่ติดเลย หาก็หาไม่เจอ”

ใจของลู่เซิ่นห่อเหี่ยวลง

เขารู้ดีคำว่า“หา”ของอาหยันนั้นต้องใช้เส้นสายจากเครือข่ายข่าวกรองของสำนักข่าว

เว็บไซต์ของสำนักข่าว เขายังพอเข้าใจบ้าง

ถึงแม้ไม่ถึงกับว่าไม่มีจุดบอดเลย แต่อย่างน้อย……ก็ไม่มีจุดรั่วไหลใหญ่ๆหรอก

แม้แต่เว็บไซต์ของสำนักข่าวก็ยังหาโลเคชั่นของเธอไม่เจอ……

ลู่เซิ่นปฏิเสธที่จะคิดถึงสิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเป็นไปได้ พยายามทำให้เสียงของตัวเองสงบลงมาบ้าง:“ ก่อนหน้าที่ฉินซีบอกว่าเช่าบ้านอยู่ข้างนอก เธอรู้มั้ยว่าอยู่ที่ไหน?”

อานหยันตอบทันทีว่า:“ ฉันให้คนไปดูมาแล้ว ไม่มีค่ะ”

ความหวังอันริบหรี่ที่ลู่เซิ่นที่เพิ่มขึ้นก็ดับวูบลงอย่างรวดเร็ว หน้าเขายิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา:“ เธอคิดออกบ้างมั้ยว่าเธอจะไปที่ไหนได้อีกบ้าง?”

พอถึงตอนนี้ เขาถึงพบว่าเขาเองที่ไม่รู้จักฉินซีมากพอ มิฉะนั้นในสถานการณ์แบบนี้ ปัญหาแบบนี้ได้แต่ไปถามคนอื่น

แต่อานหยันยังคงให้คำตอบที่ไม่แน่นอน

“สถานที่ที่ฉันคิดออกก็ให้คนไปดูมาแล้ว”มีความวิตกกังวลเหลือทนในน้ำเสียงของเธอ“10ชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่มีแม้แต่วี่แววเลยสักนิด”

แม้ว่าจะเตรียมพร้อมสำหรับผลลัพธ์นี้ แต่ฟังอานหยันพูดแล้ว ยังคงทำให้ลู่เซิ่นกังวลมากขึ้น

แต่เขารู้ดี ยิ่งตกอยู่สถานการณ์แบบนี้ ยิ่งต้องใจเย็น

แล้วเขาก็กระแอมเสียงใส แล้วเอ่ยปากพูด:“ ฝั่งฉันจะเริ่มจับจุดจากตำแหน่งสถานที่เริ่มต้นของเธอดู มีอะไรคืบหน้า ฉันจะติดต่อเธอไป”

อานหยันตอบกลับทันที:“ ได้!ทางนี้ฉันก็เตรียมค้นหาอีกรอบ!เราต่างแจ้งความคืบหน้าพร้อมกัน!” ทั้งสองไม่มีเวลาสำหรับคุยเรื่องไร้สาระกัน

ลู่เซิ่นวางสาย เขาหันหน้าไปมองหลินหยังที่ยืนอยู่ข้างๆ

หลินหยังสมกับเป็นผู้ช่วยที่ติดตามเขามานาน แค่ลู่เซิ่นกับอานหยันโทรคุยกัน เขาก็ติดต่อประสานงานเรียบร้อยแล้ว แค่เห็นลู่เซิ่นหันมา เขารีบพูดทันทีว่า:“ เตรียมพร้อมกับการสะกดรอยตามแล้วครับ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า:“ งั้นก็เริ่มเลย”

ลู่เซิ่นจะใช้วิธีการสะกดรอยตาม ใช้กล้องวงจรที่สามารถตรวจจับภาพและจดจำใบหน้าคนได้ เพื่อค้นหาการเคลื่อนไหวของฉินซี

กล้องวงจรตรวจจับใบหน้าที่ทันสมัยตอนนี้ เพียงแค่ฉินซีโผล่หน้ามา

กล้องก็สามารถตรวจจับใบหน้าเธอได้อย่างแน่นอน

แน่นอนว่า วิธีนี้ก็ต้องมีข้อเสีย

ถ้าฉินซีตั้งใจปิดบังใบหน้าตัวเองล่ะก็ ผลของการสะกดรอยตามนั้นก็จะลดประสิทธิภาพลง

แต่ว่า……หลินหยังกลับได้ให้ข่าวดีมาข่าวนึง

“คนที่ไปสอบถามเพื่อนบ้านของอานหยันได้คำตอบว่า รถที่คนขับรถทิ้งไว้หายไปครับ” หลินหยังได้รับข่าว จึงรีบแจ้งให้ลู่เซิ่นทราบ“แล้วได้ไปตรวจสอบจอภาพล่าสุด หากคุณผู้หญิงขับรถคันนี้ไป ความเป็นไปได้ในการค้นหานั้นมีโอกาสมากขึ้น”

ลู่เซิ่นพยักหน้า แต่ไม่ได้ตั้งความหวังเลยแม้แต่นิด

ไม่ว่าฉินซีจะจากไปด้วยความสมัครใจ หรือไม่สมัครใจก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะปล่อยให้รถเปิดเผยเบาะแสของตัวเอง

แม้จะสามารถติดตามเบาะแสของรถได้ ส่วนมากจะติดอยู่ที่ครึ่งทางแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบเธอโดยตรง

หลินหยังไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่สืบสวนและเฝ้าติดตาม ปล่อยลู่เซิ่นนั่งอยู่ที่โซฟาคนเดียว

ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เขาอยู่บ้านใหญ่ในเมืองหนานยังคิดด้วยความดีใจอยู่เลยว่าจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ให้ฉินซีให้ยังไง

คิดไม่ถึงว่าหลายสิบชั่วโมงหลังจากนั้น ฉินซีก็หายไปจากโลกของเขา

ถ้านับเวลาแล้ว ตอนที่ในสมองของเขาเต็มไปด้วยเรื่องที่แจ้งข่าวงานแต่งงานให้ฉินซีทราบโดยเร็ว ฉินซีคงเตรียมการวางแผนจะจากไปแล้วมั้ง?

โลกใบนี้……ช่างบ้าบอคอแตกสิ้นดี

อาจเป็นเพราะว่าสีหน้าของเขาดูเศร้าหมองอย่าเห็นได้ชัดเจน พ่อบ้านอดไม่ได้ที่จะเดินไป ยืนนิ่งข้างๆเขา

เขาช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่พยายามที่จะลองเอ่ยปาก:“ ประธานลู่ครับ ท่าน……ไปอาบน้ำก่อนมั้ย ไม่แน่ถ้าออกมา อาจได้รับข่าวดีเรื่องคุณผู้หญิง?”

น้ำเสียงของเขาพูดเหมือนกำลังกล่อมเด็ก ลู่เซิ่นผ่านวัยที่จะมาปลอบโยนด้วยคำพูดเช่นนี้แล้ว

แต่เขาก็ยืนขึ้น

รออยู่ตรงนี้อย่างแห้งเหี่ยวก็ไม่มีประโยชน์

เขาลุกขึ้นไปข้างบนดูด้วยตัวเอง บางทีอาจพบเบาะแสที่เป็นประโยชน์

คิดแบบนี้แล้ว เขาไม่ให้พ่อบ้านตามเขาไป เดินขึ้นตึกไปด้วยตัวเอง

เขาไม่ได้มุ่งหน้ากลับไปที่ห้องนอนตัวเอง แต่ไปที่ห้องมืดของฉินซี

เขาจำได้ดี ตอนฉินซีย้ายเข้ามาใหม่ๆ เป็นเหมือนแขกอย่างเต็มตัว ไม่กล้าขออะไรเลย เกรงกลัวไปหมด ใช้เวลาค่อนข้างนาน จนสามารถปรับตัวและคุ้นชิน

ส่วนที่เธอขอมีห้องมืดนั้น เป็นคำขอแรกที่เธอต้องการ

เขายังจำได้ตลอดวันนั้นที่เธอเสียเวลาอยากพูดแต่ก็ไม่กล้าพูดไปกับหนึ่งมื้ออาหารวันนั้น ในที่สุดหลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จ ก็รวบรวมความกล้าหาญเอ่ยปากพูดว่า:“ลู่เซิ่น คุณบอกว่าให้ฉันอยู่ที่นี่ ก็ทำตัวให้เหมือนอยู่บ้านตัวเอง ถูกมั้ย?”

ลู่เซิ่นดูออกว่าเธอกำลังจะขอร้องตัวเองอยู่ แต่ก็ยังพยักหน้าโดยไม่ลังเล:“ ใช่ ”

“ถ้าอย่างนั้น……ฉันขอห้องมืด1ห้อง” ในที่สุดฉินซีก็ได้พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด แสดงออกถึงความโล่งอก

ถ้าไม่มีห้องมืด ฉันล้างภาพถ่ายไม่สะดวก

ลู่เซิ่นไม่ค่อยรู้เรื่องการถ่ายภาพมากนัก แต่เป็นคำขอของฉินซี เขาย่อมไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างง่ายดาย:“ ได้ คุณบอกกับพ่อบ้านได้เลย”

ฉินซีทำตาโตตกใจเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาพูดง่ายขนาดนี้

แต่เธอก็ตอบสนองอย่างเร็วมาก รีบลุกขึ้นยืน เธอดูกลัวที่ลู่เซิ่นจะกลับคำพูดของตัวเอง:“ขอบคุณมากๆนะคะ!”

ลู่เซิ่นมองหน้าเธอที่ดูตื่นเต้นมาก มีอีกความคิดที่ไม่ดีเข้ามาในหัวอีก

“คุณพูดคำขอบคุณอย่างง่ายๆไม่กี่คำ แค่นี้หรอ?

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท