Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1186

ตอนที่ 1186

บทที่ 1186 ที่จริงแล้วเขารู้

“คุณหมอ เป็นแบบนี้ค่ะ!” เสียงของอานหยันแฝงไปด้วยความร้อนรนอยู่หลายส่วน “ทำไมอาการป่วยถึงไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อยเลยล่ะคะ ทั้งยังเป็นหนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆด้วย”

ชายสวมชุดกาวน์ก้มลงไป ถามคำถามฉินซีสองสามประโยค

ฉินซีกลับไม่ได้มองเขา เพียงแค่หันหน้า พูดเองเออเองกับอากาศ

“ฉันรู้ค่ะว่า พวกเขาล้วนเหมือนกัน” ฉินซีพยักหน้ากับอากาศ “ดังนั้นฉันเลยไม่เชื่อพวกเขา”

อานหยันจ้องคุณหมอเขม็ง น้ำเสียงก็ตึงเครียดเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มีบางครั้งฉันรู้สึกว่า เธอไม่ได้พูดกับคนเพียงแค่คนเดียว บางครั้งฉันก็จะได้ยินชื่อฟางอะไรเนี่ยแหละค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นใคร เป็นคนที่เธอจินตนาการออกมาเองกลางอากาศใช่หรือไม่คะ”

ชายสวมชุดกาวน์กลับไม่ได้ตอบคำถามของอานหยันในทันที แต่พูดกับฉินซีต่อไป ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้รับการตอบสนอง

เมื่อถูกมองข้ามไปสักพัก เขาถึงได้ยืดตัวขึ้นตรง หันหน้ากลับมามองอานหยันนิ่งๆ ตอบว่า “นี่คืออาการปกติที่จะปรากฏขึ้นในขณะที่ทำการรักษา คุณไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไป มากสุดก็สองวัน อาการป่วยของเธอก็จะดีขึ้น”

อานหยันคิ้วขมวดเป็นปม แววตาปรากฏความสงสัยขึ้นหลายส่วน “หรือคะ แต่ตอนนี้ก็อยู่ที่โรงพยาบาลนานขนาดนี้ ลึกซึ้งขนาดนี้แล้ว อีกไม่กี่วันก็สามารถดีขึ้นได้หรือ”

ชายสวมชุดกาวน์มองไปที่เธออย่างสงบ สีหน้าเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “ผมเข้าใจความร้อนใจของคุณ แต่ขอให้คุณเชื่อในความเป็นมืออาชีพของพวกเรา”

สายตาของอานหยันไม่เชื่ออยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ไม่มีวิธีอื่น ทำได้เพียงแค่พยักหน้าอย่างลังเล

เธอก็รู้เช่นกันว่า การรักษาอาการป่วยระยะยาวแบบนี้ เปลี่ยนคุณหมอกลางคันไม่ดีเท่าไร เมื่อเปลี่ยนแล้ว ก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจอาการป่วยใหม่อีกครั้งหนึ่ง อาจจะรักษาผิดพลาด จนทำให้เสียเวลาได้

ตอนนี้สมาธิของเธอก็เบนออกจากร่างของฉินซี และพบกับจ้านเซินที่ยืนอยู่ด้านหลังชายสวมชุดกาวน์

จ้านเซินไม่ได้สวมชุดกาวน์สีขาว ดูจากบุคลิกภาพแล้วไม่ใช่คุณหมอ ทำให้อานหยันเกิดความระแวดระวังขึ้นมาเล็กน้อย จึงเอ่ยปากถาม “ท่านนี้คือใครคะ”

ชายหนุ่มชุดกาวน์สีขาวหาเหตุผลมาอธิบายคร่าวๆ “เป็นเพื่อนของผม มีเรื่องเร่งด่วนจึงมาหาผมครับ”

อานหยันพยักหน้าอย่างลังเล มองไม่ออกว่าเชื่อคำอธิบายของคุณหมอหรือไม่ กวาดตามองจ้านเซินไปรอบหนึ่ง และหันหน้ากลับไปมองฉินซีใหม่อีกครั้ง

“ผมจะเปลี่ยนแปลงวิธีการรักษาตามอาการของเธอ…….” คุณหมอพยายามอธิบายให้อานหยันฟังอย่างสุดความสามารถ จึงทำให้สีหน้าเธอไม่ได้สงสัยขนาดนั้นอีก และลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง

จ้านเซินเดินตามเขากลับไปยังห้องทำงานด้วยกัน เมื่อประตูปิดลง สีหน้าก็เคร่งขรึมลง “ทำไมถึงได้กลายเป็นร้ายแรงขนาดนี้กัน”

ชายสวมชุดกาวน์ส่ายหน้า “สามวันมานี้ผมใช้วิธีการรักษาที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ไม่ได้รักษาปัญหาพื้นฐานที่สุด แต่ดูจากการตรวจรักษามาหลายครั้ง ฉินซี……..มีปมในใจที่ยากจะแก้ไข แต่ตอนนี้จิตใจของเธอไม่มั่นคงเกินไปแล้ว ไม่มีทางที่จะบอกกับผมว่ามีปัญหาอะไรและจะแก้ไขอย่างไรกันแน่อย่างปกติได้”

จ้านเซินฟังถึงตรงนี้แล้ว…….ที่จริงแล้วเขารู้

ปมในใจของฉินซี…….ที่จริงแล้วเขารู้

คืนวันนั้น เธอบอกทุกอย่างกับตัวเองหมดแล้ว

การตายของฟางฟางและเหยาหมิ่นกลายเป็นกรงที่ขังเธอเอาไว้ และสิ่งสุดท้ายที่ล็อคกรงนี้เอาไว้ก็คือ เธอลาออกจากองค์กรไม่ได้

นี่กลายเป็นอาการป่วยทางจิตใจของเธอ

“เธอในตอนนี้ไม่ได้มีภาพหลอนว่าคุณแม่ของเธออยู่ข้างกายเธอเพียงคนเดียวแล้ว ยังมีเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง” ชายสวมชุดกาวน์เอ่ยต่อ “นี่ก็หมายความว่า เธอปิดตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม จ้านเซินไม่สามารถยื้อเอาไว้ได้แล้ว พวกเราจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาของเธอให้เร็วที่สุด”

จ้านเซินเงียบไปหลายวินาที ตอบเสียงทุ้ม “ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็…….เธอจะเปลี่ยนไปมีสภาพอย่างไร”

ชายสวมชุดกาวน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เงยหน้ามองเขา น้ำเสียงจริงจังอย่างน้อยมากที่จะได้เห็น “อาการของฉินซีในตอนนี้ ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของผม ถ้าหากว่าใช้วิธีการสะกดจิตมาคลี่คลายปมในใจของเธอ ผมมั่นใจว่า อาการของเธอจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากภายในสองวัน แต่ถ้าหากว่าใช้วิธีการรักษาแบบอนุรักษ์นิยมต่อไปล่ะก็……..น่ากลัวว่าอาการป่วยจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้”

“ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือ” จ้านเซินเหลือบตาขึ้นมองคุณหมอ

คุณหมอหลับตาลง อธิบายให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเล็กน้อย “ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ เธออาจจะมีอาการประสาทหลอน ทั้งยังยากที่จะรักษาให้หายได้”

จ้านเซินไม่พูดอะไรแล้ว ก้มหน้าลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

สุดท้ายแล้วคุณหมอก็ยังมีหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาของผู้เป็นแพทย์ ไม่สามารถใจเย็นเหมือนกับจ้านเซินได้ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือนว่า “จ้านเซิน ถ้าเปลี่ยนเป็นคนปกติล่ะก็ เห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งกระโดดตึก อาจจะกลายเป็นเงามืดในใจไปตลอดชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉินซีที่มองเห็นคุณแม่ของตัวเองโดดลงไปต่อหน้าต่อตา เธอไม่ได้เป็นบ้าในตอนนั้นก็ถือว่าเข้มแข็งมากแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของเธอแล้ว ไม่ใช่หรือ”

จ้านเซินกลับแค่เงยหน้ามองเขา ไม่ได้แสดงท่าทีออกมาในทันที

คุณหมอคิดว่าตัวเองพูดในสิ่งที่ควรพูดชัดเจนมากแล้ว จึงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่รอการตัดสินใจสุดท้ายของจ้านเซินอย่างเงียบๆ

แต่จ้านเซินกลับทำเหมือนกับว่าตัดสินใจอะไรที่สำคัญมากกว่านี้อีกเรื่องหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ครุ่นคิดอยู่นาน ถึงได้เอ่ยว่า “พรุ่งนี้สะกดจิตก่อนหนึ่งครั้ง ผมจะดูอยู่ข้างๆ ค่อยตัดสินใจแล้วกัน”

แม้ว่าจะไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน แต่ก็ถอยให้แล้วเช่นกัน คุณหมอจึงพูดอะไรลำบาก ทำได้เพียงแค่พยักหน้า

………

วันรุ่งขึ้น ฉินซีถูกพามาที่ห้องตรวจโรค

ภายใต้การห้ามปรามอย่างอ้อมค้อมของคุณหมอ อานหยันจึงไม่ได้เข้าไปในห้องตรวจโรคด้วย ดังนั้นจึงไม่ทันได้เห็นจ้านเซินที่มารออยู่ในนั้นล่วงหน้า

ทว่าฉินซีมองเห็น แต่ทำเหมือนไม่เห็นจ้านเซิน

“คุณนอนลงที่นี่ก่อน” คุณหมอเหลือบมองจ้านเซินครั้งหนึ่ง และหันหน้ากลับมามองฉินซี “อีกครู่หนึ่งฟังคำกำชับของผม ผ่อนคลายจิตใจก็พอแล้วครับ”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการสะกดจิตก่อนหน้านี้ของคุณหมอมีผลขึ้นมา หรือว่าฉินซีสามารถสังเกตเห็นถึงความเมตตาที่คุณหมอมีต่อเธอ เธอจึงทำตามคำพูดของคุณหมออยู่หลายส่วน เดินไปยังเก้าอี้ผ้าใบที่อยู่ด้านหน้า เอนนอนลงตามที่คุณหมอบอกไว้

จ้านเซินยืนอยู่ไม่ไกลนัก มองไปยังการกระทำระหว่างฉินซีและคุณหมอด้วยสีหน้าเย็นชา

คราวนี้คุณหมอไม่ได้มองไปที่จ้านเซินอีก แต่กลับตั้งใจเริ่มสะกดจิตฉินซี

เขาจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ถึงจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อจิตใจของฉินซีมากขึ้น และขุดค้นนำเรื่องที่ฉินซีให้ความสำคัญจริงๆออกมา

ฉินซีไม่มีท่าทีต่อต้านการชักนำของเขา ดังนั้นจึงเข้าสู่สภาพการถูกสะกดจิตอย่างรวดเร็ว

คุณหมอเริ่มถามนำช้าๆ “เรื่องที่คุณอยากทำมากที่สุดในระยะนี้คือเรื่องอะไร”

คราวนี้ฉินซีพูดจาฉะฉาน ถ้าหากไม่ได้เห็นท่าทางเธอที่นอนหลับตาอยู่ ฟังแต่เสียงอย่างเดียว ก็ยังต้องสงสัยว่าเธอมีสติอยู่ใช่หรือไม่

“ฉันอยากจะลาออกจากองค์กร” เสียงของเธอไม่ดัง ทว่าเหมือนกับโยนระเบิดลูกใหญ่ลงในห้อง ทำให้ทั้งห้องเงียบสนิทภายในเสี้ยววินาที

คุณหมอคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้ ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จึงเงยหน้ามองจ้านเซินครั้งหนึ่งตามปฏิกิริยาตอบสนอง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท