Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1187

ตอนที่ 1187

บทที่ 1187 ตัดสินใจไม่ได้

ถึงแม้ว่าสีหน้าของจ้านเซินจะไม่น่าดู แต่กลับไม่ได้มีร่องรอยประหลาดใจอะไร

คุณหมอจึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทำไมตอนที่ก่อนหน้านี้ที่ตัวเองเสนอว่าจะช่วยฉินซีแก้ไขปัญหา เขาถึงได้ลังเลขนาดนี้

ส่วนใหญ่เขารู้แล้วว่าความต้องการที่มากที่สุดในใจของฉินซีคือสิ่งนี้

………อย่างนั้นตอนนี้ควรจะทำอย่างไร

ชั่วขณะหนึ่งที่คุณหมอก็ตัดสินใจไม่ได้เช่นกัน

คุณหมอเงียบไปนานเกินไป จนกระทั่งฉินซีขยับร่างกายไปมาอย่างไม่สงบ เขาถึงได้มีสติกลับมา ทำตามการคาดเดาของตัวเองก่อนหน้านี้ เอ่ยถามคำถามใหม่ “ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำนี้ได้ คุณจะเป็นอย่างไร”

ฉินซีหลับตา คิ้วขมวดเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่ยินดีหลายส่วน “ฉันจะไม่มีความสุขมาก”

ทางด้านคุณหมอกับฉินซียังคงถามตอบ จ้านเซินกลับเริ่มที่จะฟังไม่เข้าหูแล้ว

สมองของเขาเต็มไปด้วยคำพูดของฉินซี

ประโยคหนึ่งที่ฉินซีพูดอย่างจริงจังในตอนก่อนที่เขาจะออกไปจากห้องพักผู้ป่วยของเธอ “คุณจะได้รับฉินซีที่มีอาการเลอะเลือนคนนี้”

และยังมีอีกประโยคหนึ่งเมื่อครู่นี้ “ฉันจะไม่มีความสุขมาก”

จ้านเซินรู้มาโดยตลอดว่า ตัวเองเชื่องช้าต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นเป็นอย่างมาก และยากที่จะเกิดความเห็นอกเห็นใจ ยากที่จะเข้าใจความรู้สึกอันปั่นป่วนของผู้อื่นอยู่บ้าง

เขาไม่เคยคิดว่านี่เป็นจุดด้อยจุดหนึ่ง กระทั่งในบางครั้งก็ยังรู้สึกว่าความเชื่องช้านี้เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง ทำให้เขาสามารถรักษาความสงบเยือกเย็นของสมองได้ ไม่ถูกอารมณ์ความรู้สึกส่งผลกระทบต่อความเยือกเย็นที่ควรมี

แต่เมื่อมองฉินซีในตอนนี้ เขากลับรู้สึกเสียใจต่อความเชื่องช้าของตัวเองเล็กน้อย

ถ้าหากว่าเขาเหมือนกับคนปกติ สามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดของฉินซีได้ ตอนนี้ก็น่าจะตัดสินใจได้ไม่อยากแล้วมั้ง

ฝืนให้ฉินซีอยู่ เปลี่ยนให้เธอเป็นคนที่เลอะเลือนจนไม่สามารถกลับสู่สภาพปกติได้ หรือว่าปล่อยมือ ทำให้เธอมีอิสระอีกครั้ง

คำตอบของคำถามนี้ คล้ายกับว่าไม่ได้ตอบยากขนาดนั้น

แต่ถ้าให้จ้านเซินตัดสินใจจริงๆ กลับไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

ไม่เพียงแต่เพราะฉินซีเป็นแกนกลางหลักขององค์กรคนหนึ่ง ยังเป็นเพราะ……..เขาไม่คุ้นเคยกับการที่ฉินซีไม่ได้อยู่ข้างกายตัวเอง

เขาไม่พูดว่าชอบพล่อยๆ เพราะตัวเขาเองก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าตัวเองรู้ว่าอะไรคือความชอบ

แต่เขารู้ชัดเจนดีว่า ถ้าหากฉินซีไม่อยู่ข้างกายตัวเอง ตัวเองจะต้องไม่มีความสุขอย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่าถ้าหากการไม่มีความสุขของตัวเองขึ้นอยู่กับสุขภาพที่แข็งแรงของฉินซี…….ก็ดูคล้ายกับว่าจะไม่สามารถอดทนได้เช่นกัน

ทางฝ่ายจ้านเซินกำลังครุ่นคิดอยู่ ทางคุณหมอนั้นถามเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ฉินซีค่อยๆลืมตา แววตาเต็มไปด้วยความสับสนที่เห็นได้บ่อยๆในไม่กี่วันมานี้

คุณหมอกำชับเธออีกสองสามประโยค ส่งเธอออกไปจากห้องตรวจโรค และกำชับอะไรกับอานหยันอีกเล็กน้อย ถึงได้กลับเข้ามาและปิดประตูห้อง

รู้ว่าฉินซีต้องการอะไรแล้ว เขาก็ไม่กล้าเร่งให้จ้านเซินตัดสินใจ เพียงแต่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาเงียบๆ รอเขาเอ่ยพูด

จ้านเซินกลับไม่ได้มองเขา สายตาของเขาหยุดอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบที่ฉินซีเอนตัวนอนอยู่เมื่อครู่นี้ตั้งแต่ต้นจนจบ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เขาถึงค่อยๆเอ่ยปากว่า “รักษาเธอให้หายเถอะ”

คุณหมอเบิกตาโตเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แต่ว่า ถ้าคิดจะรักษาเธอให้หาย ก็ต้องปล่อยให้เธอลาออกจากองค์กร……”

จ้านเซินตัดบทเขา “ผมรู้”

องค์กรก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถลาออกได้

พนักงานทั่วไปขององค์กรสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อผ่านการสมัครงานเข้ามาแล้ว ถ้าหากหาตำแหน่งที่ดีกว่าได้ ก็เหมือนกับบริษัทอื่น ลาออกปกติ และหางานใหม่

แต่พนักงานที่บุคลากรหลักขององค์กรนั้นไม่เหมือนกัน

พวกเขารู้ซึ้งและเข้าใจข้อมูลข่าวสารขององค์กรมากเกินไป ปกติแล้วไม่สามารถจากไปได้ง่ายๆ

อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ นอกจากพนักงานที่เสียชีวิตอย่างไม่คาดฝัน ก็ไม่มีพนักงานหลักคนไหนลาออกจากองค์กรจริงๆ

ตัวชายหนุ่มชุดกาวน์สีขาวก็เป็นหนึ่งในบุคลากรหลักขององค์กร แต่เขาก็ไม่รู้แม้กระทั่งว่า การลาออกจากองค์กรของพนักงานมีลำดับขั้นตอนอย่างไร แต่จ้านเซินรู้

ถ้าหากพนักงานที่เป็นบุคลากรหลักขององค์กรต้องการลาออก จำเป็นต้องตัดมือข้างหนึ่งทิ้ง ทั้งยังต้องผ่านการสะกดจิตให้ลืมข้อมูลข่าวสารทั้งหมดขององค์กรก่อน ถึงจะสามารถจากไปได้

แต่การสะกดจิตแบบนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คนลืมความทรงจำ แต่ยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมองที่ไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ด้วย

จะให้เปรียบเทียบกับภาพล่ะก็ เหมือนกับคิดจะดึงขุยออกจากเสื้อสเวตเตอร์ที่เป็นขุยตัวหนึ่ง ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงดึงส่วนที่ไม่มีปัญหาของเสื้อสเวตเตอร์ไปด้วยได้ และโครงสร้างของเสื้อสเวตเตอร์ก็จะมีสภาพหลวมและบางลง

หากพนักงานที่เป็นแกนหลักจะลาออกจากองค์กร จำเป็นต้องได้รับบาดแผลทางสรีระร่างกายและจิตใจสองอย่างนี้อย่างหนัก ถึงจะสามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาจะไม่มีความสามารถเพียบพร้อมต่อองค์กรอื่นๆ และไม่เกิดการคุกคามต่อองค์กรด้วย

……..แต่ถ้าหากฉินซีต้องประสบเคราะห์ร้ายมากขนาดนี้ถึงจะสามารถจากไปได้ อย่างนั้นการฝืนบังคับให้เธออยู่ข้างกาย ก็คล้ายกับว่าไม่มีความแตกต่างอะไร

แต่ว่าตอนนี้จ้านเซินเป็นผู้กุมอำนาจในองค์กร

แม้ว่าคุณพ่อของเขาจะไม่ได้โอนอำนาจทั้งหมดในองค์กรให้กับเขา แต่เรื่องอย่างการจัดการพนักงานที่เป็นแกนหลักขององค์กรนั้น คุณพ่อของเขาจะไม่สอดมือเข้ามา

ดังนั้นจ้านเซินตัดสินใจในเวลาชั่วครู่หนึ่ง

“ฉินซีไม่สามารถไปจากองค์กรได้” เขาพูด

สีหน้าของคุณหมอเปลี่ยนไปในทันที พูดว่า “แต่ว่าตอนนี้อาการป่วยของเธอไม่สามารถรอได้แล้ว……”

“ฟังผมพูดให้จบ” สีหน้าของจ้านเซินแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามหลายส่วน “แต่ว่าคุณสามารถทำให้เธอรู้สึกได้ว่า ตัวเองถูกอนุญาตให้ไปจากองค์กรได้แล้วใช่ไหม”

คุณหมอเผยสีหน้าสับสนออกมาอย่างชัดเจน “หมายความว่าอย่างไร”

จ้านเซินยื่นมือไปลูบคาง “พูดแบบนี้ หากต้องพูดว่าปล่อยฉินซีไปจากองค์กร ไม่สู้บอกว่าหยุดการติดต่อระหว่างเธอกับองค์กรชั่วคราว”

คุณหมอยังคงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ดูแล้วไม่เหมือนกับท่าทางไม่เข้าใจเมื่อครู่นี้

“ระหว่างที่หยุดการติดต่อนั้น ก็ปิดผนึกความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับองค์กรของเธอไปก่อนชั่วคราว” จ้านเซินเอ่ยต่อ “เพียงแค่ปิดผนึก ไม่จำเป็นต้องทำลายความทรงจำนี้ไป”

“อย่างนั้น…….” คุณหมอยังอยากจะพูด แต่กลับถูกเสียงสูงของจ้านเซินกดเอาไว้

“เธอได้รับความกระทบกระเทือนจนรู้สึกว่าองค์กรเป็นกรงที่ขังเธอเอาไว้ไม่ใช่หรือ อย่างนั้นก็ให้เธอนึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในกรงนี้แล้วก่อน แบบนี้เธอจะสามารถฟื้นคืนกลับสู่สภาพปกติได้สินะ” จ้านเซินมองคุณหมอ

คุณหมอพยักหน้าอย่างลังเล “เป็นอย่างนั้นจริงๆ…….การตายของฟางฟางและคุณแม่ของเธอไม่สามารถนำกลับคืนมาได้แล้ว ดังนั้นความปรารถนาของเธอจึงลากเรื่องนี้และอิสรภาพของตัวเองที่ถูกจำกัดโดยองค์กรเข้าด้วยกัน ทำให้ตอนนี้ปมหลักในใจของเธอก็คือไปจากองค์กร เมื่อคลี่คลายปมนี้แล้ว อาการของเธอก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมาก”

“อย่างนั้นก็เอาแบบนี้แหละ” จ้านเซินพยักหน้ายืนยัน “รอเธอกลับสู่สภาพปกติแล้ว ค่อยบอกทั้งหมดกับเธอ ตัวเธอเองก็รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไร”

คุณหมอกลับยังลังเลอยู่บ้าง “แต่ถ้าถึงตอนนั้นเธอยังอยากจะจากไปล่ะ”

จ้านเซินมองเขาอย่างลึกซึ้ง ตอบเสียงเรียบ “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน”

คุณหมอไม่รู้ว่า “ค่อยว่ากัน” คำนี้แสดงถึงวิธีการอะไร แต่ในเมื่อจ้านเซินยอมเอ่ยปากแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเขา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท