Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1196

ตอนที่ 1196

บทที่ 1196 เขากำลังตามหา

การตรวจสอบร่องรอยของฉินซีถูกโอนย้ายให้กับทีมผู้ชำนาญตรวจสอบต่อไป สิ่งที่หลินหยังต้องทำก็มีเพียงแค่ กำหนดเวลาส่งรายงานให้กับลู่เซิ่น

ถึงอย่างไรก็มีเรื่องราวมากมายภายในบริษัทที่รอให้ลู่เซิ่นไปจัดการ ขาดเขาไปไม่ได้

ลู่เซิ่นไม่มีกะจิตกะใจจะจัดการงานเหล่านี้อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่สามารถละเลยมากเกินไปตามใจชอบ ทำได้เพียงแค่ฝืนทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าเพื่อจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย

ช่วงเวลานี้ ลู่เซิ่นรู้สึกถึงความอ่อนล้าที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนหน้านี้

โทรศัพท์มือถือสั่นครั้งหนึ่งกลางดึก ลู่เซิ่นหลับตาควานหาโทรศัพท์มือถือ เปิดข้อความมาอ่าน

หลินหยังเป็นผู้ส่งข้อความ คงจะพะวงว่าลู่เซิ่นพักผ่อนแล้วหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ได้โทรศัพท์มา เพียงแค่ส่งข้อความมาเท่านั้น

“ประธานลู่ ถ้าหากว่าทางด้านคุณมีเวลาล่ะก็ ขอให้ครุ่นคิดสักหน่อยว่าหลายวันมานี้ ในบรรดาคนที่คุณผู้หญิงมีปฏิสัมพันธ์ด้วยนั้น มีคนที่ไม่ปกติอะไรหรือไม่ นี่อาจจะกลายเป็นทางออกหนึ่ง”

ลู่เซิ่นอ่านข้อความแล้ว คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย

คนแปลกๆหรือ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดถึงปัญหานี้

ความจริงแล้ว สิ่งที่เขาคิดมากที่สุดตอนที่อยู่บนเครื่องบินก็คือ ฉินซีถูกคนข้างกายคนไหนหลอกให้จากไปหรือไม่ ดังนั้นหลังจากกลับมา ก็ตรวจสอบยืนยันเรื่องนี้กับพ่อบ้านในทันที

แต่จากคำตอบของพ่อบ้านในตอนนั้น ในช่วงเวลานี้ ฉินซีแทบจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานแปลกหน้าคนไหน

แต่หลังจากผ่านการตรวจสอบด้วยตัวเขาเองไปรอบหนึ่ง ก็ยิ่งรู้สึกได้ว่า…….มีคนบุกเข้ามา อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าต่อฉินซี

เพราะภายในห้องไม่มีร่องรอยการต่อต้านเลยแม้แต่น้อย

แม้ว่าเดิมฉินซีจะตั้งใจจากไปอยู่แล้ว แต่จากกระดาษโน้ตและผ้าเช็ดหน้าสองอย่างที่เป็นหลักฐานนี้ ตอนที่เธอจากไปจริงๆ ก็น่าจะถูกควบคุมประสาทแล้ว

พ่อบ้านบอกว่าฉินซีเดินออกมาจากห้องนอน อย่างนั้นก็หมายความว่า ผู้บุกรุกเคยมาที่ห้องนอน

แต่ว่าภายในห้องนอนไม่มีร่องรอยการขัดขืนเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน ทั้งหมดล้วนสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก

และความสะอาดแบบนี้ไม่เหมือนกับการเก็บกวาดของผู้บุกรุกด้วย

เพราะวิธีการพับผ้าเช็ดปากนั้นเป็นวิธีของคนใช้ในรีสอร์ทชิงหยวนโดยเฉพาะ คนภายนอกยากที่จะพับเป็น

กระทั่งผ้าเช็ดปากบนโต๊ะยังไม่ถูกทำให้เละเทะ อย่างนั้น……ฉินซีก็แทบจะไม่ได้มีการต่อต้านใดๆเลย

คนคุ้นเคยคนหนึ่ง หรืออย่างน้อยก็เป็นคนที่ฉินซีเคยพบหน้าด้วย บุกเข้ามาในรีสอร์ทชิงหยวน ควบคุมฉินซี และพาเธอไป……

ถ้าหากว่าคิดแบบนี้ อย่างนั้นคนน่าสงสัยที่ปรากฏตัวข้างกายฉินซีในช่วงไม่กี่วันมานี้ก็จะมีขอบเขตใหญ่มากขึ้น

แต่ไม่กี่วันมานี้ เธอได้พบกับใครกัน

ลู่เซิ่นคิ้วขมวดเล็กน้อย ครุ่นคิดถึงคำพูดที่พ่อบ้านบอกกับตัวเองในวันนั้น

ตอนบ่ายในวันที่ตัวเองจากไปนั้น ฉินซีออกไปข้างนอก……ไปบริษัท พีอาร์ของถังย่า

วันถัดมาตอนเช้า……..เธอก็ไปที่บริษัทพีอาร์อีกครั้งหนึ่ง ตอนที่กลับมานั้น ก็พบว่าผู้บุกรุกแอบอยู่ในห้องมืด

ตอนนั้นในใจเขาก็ร้อนรน เมื่อได้ยินข่าวนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนที่ผิดปกติ เพียงแต่รู้สึกว่า ในเมื่อฉินซีจัดเตรียมนิทรรศการภาพถ่าย อย่างนั้นการมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับถังย่า ก็เป็นเรื่องปกติมากเช่นกัน

แต่ตอนนี้เมื่อคิดให้ละเอียดดูแล้ว ก็คล้ายกับว่า…….จะผิดปกติไปบ้าง

ตัวเขาทำงานร่วมกับถังย่ามามากมายหลายครั้ง และเป็นเพราะความสามารถที่เป็นมืออาชีพของถังย่า ถึงได้แนะนำเธอให้กับฉินซี

ส่วนความเป็นมืออาชีพของถังย่านั้นปรากฏให้เห็นในทุกด้าน สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดในนั้นก็คือ เธอแทบจะไม่รบกวนเวลาของลูกค้าเลย

การประชุมหรือการโทรศัพท์ครั้งหนึ่ง ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้มากมาย การสื่อสารมีประสิทธิภาพสูงมาก

งานนิทรรศการภาพถ่ายส่วนบุคคลนั้นไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อนขนาดนั้น การประชาสัมพันธ์ที่ต้องทำก็ไม่ได้ยุ่งยากเกินไป ทำไมต้องไปที่บริษัทติดกันสองวันด้วย

ลู่เซิ่นยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลกเล็กน้อย

หรือว่าถังย่ามีปัญหาอะไร

แม้ว่ารูปร่างถังย่าจะเล็กบางและเตี้ยเป็นอย่างมาก ดูแล้วเหมือนกับไม่มีความสามารถเพียบพร้อมที่จะลักลอบเข้ามาในรีสอร์ทชิงหยวนที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาได้ อีกทั้งบริษัทของเธอและบริษัทลู่ซื่อก็จับมือร่วมกันทำงานอย่างแน่นแฟ้นมาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องลงมือโหดเหี้ยมกับฉินซี

แต่ลู่เซิ่นรู้ว่า ตัวเองไม่สามารถตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ และไม่สามารถตัดสินทุกอย่างจากภาพลักษณ์ที่แสดงออกมา

ในเมื่อเกิดความสงสัยต่อถังย่า อย่างนั้นก็ไม่สามารถปล่อยวางความเป็นไปได้นี้ได้

ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ตั้งใจจะโทรศัพท์หาหลินหยัง ถึงได้พบว่าเป็นเวลาก่อนรุ่งสางแล้ว

……..ตัวเองถึงขั้นไม่ได้นอนอีกคืนหนึ่งแล้ว

ความวิตกกังวลในใจของลู่เซิ่นบดบังความอ่อนล้าทางกายทั้งหมด แทบจะไม่ได้หลับตาลงเลยสองวันติด เขาก็ไม่ได้รู้สึกลำบากยากเย็น

เพราะความรู้สึกเป็นห่วงฉินซีนั้น ปิดบังอาการทั้งหมดเอาไว้

เขาถอนหายใจเสียงเบา สุดท้ายแล้วก็เลื่อนผ่านปุ่มโทรออกไป

หลินหยังก็ไม่ได้พักผ่อนเป็นเวลานานเหมือนกับตัวเองเช่นกัน

สุดท้าย เขาก็ตอบหลินหยังกลับไปเพียงข้อความหนึ่ง

“จัดการสักหน่อย ผมต้องการพบกับถังย่า”

คิดไม่ถึงเลยว่าหลินหยังก็ยังไม่ได้นอน แทบจะตอบกลับข้อความในทันที “ครับ ผมจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้”

……..

สองสามชั่วโมงหลังจากนั้น ลู่เซิ่นและหลินหยังก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าประตูบริษัทของถังย่า

ลู่เซิ่นไม่ได้รีบร้อนเข้าไป แต่เงยหน้าพิจารณามองสภาพแวดล้อมรอบด้าน

อาคารภายนอกของสวนเหวินช่วงไม่ได้ซ่อมแซมใหม่ จงใจรักษาความเก่าแก่ของกำแพงด้านนอกเอาไว้ ดังนั้นเมื่อมองดูแล้วจึงรู้สึกว่ามีอายุยาวนานมาก

แต่ลู่เซิ่นไม่ได้ชื่นชมอาคารหลังนี้

เขากำลังมองหา

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้าให้กับหลินหยัง

หลินหยังเข้าใจในทันที เหลือบหางตามองไปที่มุมหนึ่ง

ข้างอาคารบริษัทถังย่า มีกล้องวงจรปิดที่ไม่สะดุดตาอยู่ในมุมหนึ่ง

อาคารหลังนั้น เป็นของตระกูลลู่

และเมื่อเขาเก็บสายตากลับมา ถังย่าก็เดินออกมาจากด้านในประตูบริษัท

สีหน้าของเธอยังคงมีรอยยิ้มสุภาพเรียบร้อยที่เหมือนกับสวมหน้ากากเอาไว้ “ประธานลู่ วันนี้มีธุระอะไรถึงได้มาด้วยตัวเองหรือคะ”

แต่ก่อนลู่เซิ่นไม่เคยรู้สึก แต่ว่าเมื่อมองดูท่าทางของถังย่าในตอนนี้แล้ว กลับรู้สึกว่ามีอะไรที่ผิดปกติไป

เธอมองดูแล้วสงบนิ่งมากเกินไป ถ้าหากไม่รู้เรื่องของฉินซีเลยแม้แต่น้อย อย่างนั้นก็ช่างเถอะ ถ้าหากว่าเธอเป็นคนร้ายที่อยู่เบื้องหลัง……

ก็สามารถอธิบายได้ว่า คนคนนี้ ลุ่มลึกเสียจนยากจะคาดเดาได้

ดังนั้นในใจของลู่เซิ่นจึงมีความระแวดระวังขึ้นมา

แต่เพื่อเป็นการไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น สีหน้าของเขาจึงดูแล้วไม่แตกต่างจากวันวานเลย “ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรหรอก เพียงแค่มีคำถามอยากจะถามคุณสักสองสามข้อเท่านั้นเอง”

ถังย่ายังคงยิ้มบางๆ คล้ายกับไม่มีท่าทางกังวลเลยแม้แต่นิดเดียว ผายมือไปยังทิศทางของบริษัท “อย่างนั้นไม่สู้ประธานลู่เข้าไปพูดคุยด้านไหนไหมคะ”

เป็นธรรมดาที่ลู่เซิ่นจะน้อมรับด้วยความยินดี

การตกแต่งภายในบริษัทถังย่าไม่ได้แตกต่างอะไรจากตอนที่ฉินซีมาในไม่กี่วันก่อนหน้านี้ โต๊ะทำงานมีพนักงานนั่งจ้องมองคอมพิวเตอร์สำนักงานอย่างใจจดใจจ่อ ดูแล้วไม่มีความแตกต่างอะไรจากบริษัทพีอาร์ทั่วไปบริษัทหนึ่ง

แต่ลู่เซิ่นกลับไม่ได้ปล่อยวางความระแวดระวังลงได้ง่ายขนาดนั้น

เขาดูคล้ายกับว่าไม่ได้พิจารณามองร่องรอยบนโต๊ะ แต่ความจริงแล้ว……..กำลังมองหาตำแหน่งกล้องวงจรปิดทุกตัวที่อยู่ในบริษัทนี้

ถังย่าแนะนำสภาพของบริษัทให้เขาฟังอย่างสุภาพสองสามประโยค ถัดมาก็นำเขาไปในห้องประชุมของบริษัท

ประตูห้องประชุมปิดลง สีหน้าของเธอยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อนั่งในที่นั่งตรงข้ามกับลู่เซิ่นแล้ว ก็เอ่ยว่า “ประธานลู่…….มีเรื่องอะไรอีกหรือคะ ต้องการดำเนินการประชาสัมพันธ์หรือไม่คะ”

ครึ่งปีมานี้ การร่วมมือระหว่างบริษัทลู่ซื่อและบริษัทถังย่าแทบจะเรียกได้ว่าใกล้ชิดกันมาก

เดิมเธอเป็นผู้ร่วมงานที่ลู่เซิ่นไว้วางใจ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท