Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1195

ตอนที่ 1195

บทที่ 1195 คุณฟังผมก็พอแล้ว

“จ้านเซินหรือ” ช่วงแรกฉินซีอดไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกประหลาดใจออกมาบนใบหน้า “ทำไมถึงเป็นคุณกัน……”

บนใบหน้าของจ้านเซินประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ คล้ายกับรู้สึกว่าการได้เห็นอาการตกตะลึงของฉินซีนั้นน่าสนุก เขาถามกลับว่า “ทำไมหรือ ไม่สามารถเป็นผมได้หรือ”

ฉินซีไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพียงแค่ส่ายหน้า “ไม่ใช่ เพียงแค่คิดไม่ถึง……..”

เธออยู่ภายในองค์กรมานานขนาดนี้ แน่นอนว่ารู้ว่าจ้านเซินเกือบจะรับช่วงต่อทั้งหมดขององค์กรแล้ว กลายเป็นผู้นำคนใหม่

เดิมเธอนึกว่าระยะห่างของตัวเองกับจ้านเซินจะยิ่งไกลกันขึ้นเรื่อยๆเพราะเหตุนี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…….กลับได้พบกับเขาในที่แห่งนี้

“ตะลึงเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร” จ้านเซินยิ้มเรียบๆ “หลังจากนี้ก็ปรับตัวสักหน่อยก็ได้แล้ว”

ชั่วขณะหนึ่งที่ฉินซียังไม่ทันได้รู้สึกตัว “หลังจากนี้หรือ”

จ้านเซินเลิกคิ้ว “ใช่แล้ว ภารกิจของคุณหลังจากนี้ ล้วนเป็นผมที่มอบหมายให้”

ฉินซีกลับสับสนยิ่งกว่าเดิม “แต่ฉันเป็นหน่วยข่าวกรองนะ……..คนที่จัดสรรภารกิจให้ฉัน ไม่ควรจะเป็นคนของหน่วยข่าวกรองหรือ………”

จ้านเซินยิ้มอีกครั้ง “นั่นเป็นกฎข้อบังคับของคนอื่น คุณฟังผมก็พอแล้ว”

ฉินซีทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับคำ

ที่จริงแล้ว การพบกับจ้านเซินในครั้งนี้ ฉินซีมีความรู้สึกแปลกใจมากกว่าประหลาดใจ

ด้านหนึ่งก็เป็นเพราะว่าช่วงที่เธอใจเต้นกับจ้านเซินในขณะที่เป็นเด็กสาวนั้นเลือนรางไปตามกาลเวลาบ้างแล้ว เธอยังสงสัยกระทั่งตัวเองในตอนนั้นว่า เพียงเพราะตอนนั้นจ้านเซินมักจะอยู่เป็นเพื่อนข้างกายตัวเองบ่อยๆ เลยเข้าใจผิดไปว่าความสนิทสนมเป็นการใจเต้น อีกด้านหนึ่งก็เพราะ……เธอรู้สึกว่าจ้านเซินเปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน

แม้ว่าตั้งแต่แรกเริ่มที่ตัวเองเดินเข้ามาในห้องทำงาน บนใบหน้าของเขาจะมีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่ แต่ฉินซีมักจะรู้สึกว่า รอยยิ้มนั้นเยียบเย็นไร้อุณหภูมิ

จ้านเซินเหมือนกับสวมใส่หน้ากากจอมปลอมไว้บนใบหน้า เพราะเขาจำเป็นต้องใช้สีหน้าความรู้สึกนี้มาดำเนินบทสนทนา

ฉินซีไม่สามารถรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกและอารมณ์ที่แท้จริงของเขาว่าเป็นอย่างไร

แต่จ้านเซินเป็นถึงผู้นำคนใหม่ขององค์กร

เขาต้องจัดการกับงานของตัวเอง แม้ว่าฉินซีจะไม่ยินยอม เขาก็มีวิธีเช่นกัน

ดังนั้นฉินซีจึงไม่ต่อต้าน

และก็เริ่มจากตอนนั้น การที่ฉินซีได้พบหน้ากับจ้านเซินภายในองค์กร เยอะขึ้น

ในภายหลังฉินซีถึงเข้าใจ คาดว่าเป็นเพราะตอนนี้จ้านเซินได้รับสิทธิ์ในการควบคุมดูแลเกือบทั้งองค์กรจากบิดา และมีจิตใจที่มั่นคงไม่หวั่นไหวแล้ว

ในตอนนี้ เขายินยอมใกล้ชิดกับใครเล็กน้อย ก็ไม่มีใครสามารถชี้นิ้วสั่งหรือวิพากษ์วิจารณ์ตามใจชอบได้แล้ว

ดังนั้นเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลานี้ เขาก็เริ่มที่จะไม่ปิดบังการแสดงความสนิทสนมที่มีต่อฉินซีอีก

ภารกิจของฉินซีที่ครอบคลุมหลายระดับ ก็มีเขาเป็นผู้รับผิดชอบจัดการเอง ปกติแล้ว ขอเพียงแค่มีโอกาส ก็จะขวางฉินซีเอาไว้ ไปกินข้าวกับเธอ หรือรอหลังจากเธอฝึกซ้อมเสร็จแล้ว ก็ไปพูดคุยกับเธอ

แต่ว่า…….มีบางสิ่ง เมื่อสายไป ก็ดึงกลับมาไม่ได้แล้ว

ความคิดของฉินซีไม่เหมือนกับแต่ก่อนอีกแล้ว ส่วนจ้านเซินคนนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่

นิสัยของเขาโหดเหี้ยม ท่าทีที่ไร้เมตตาของเขานั้นยิ่งปรากฏออกมาให้ผู้อื่นเห็นมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนด้านของความเป็นคนกลับน้อยลงเรื่อยๆ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งเขาแสดงออกว่าสนิทสนมกับฉินซีมากเท่าไร กลับยิ่งทำให้ฉินซีหวาดกลัวจนตัวสั่นอยู่บ้าง

เธอรู้ว่าจะคบหากับคนปกติคนหนึ่งได้อย่างไร แต่กลับไม่รู้ว่าจะคบกับหุ่นยนต์คนหนึ่งอย่างไรถึงจะเหมาะสม

โชคดีที่ชีวิตของฉินซีไม่ได้ถูกขังเอาไว้ในองค์กรทั้งหมด

นอกจากตอนที่มีภารกิจ เธอยังคงใช้ชีวิตตามเส้นทางชีวิตเดิมของตัวเอง เข้าเรียนมหาวิทยาลัย รู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ กลับบ้านในสุดสัปดาห์ และทานข้าวกับเหยาหมิ่นด้วยกันมื้อหนึ่ง

และก็เป็นตอนนี้เองที่ เธอได้รู้จักกับหซู่หนาน

หซู่หนานไม่เหมือนกับจ้านเซินเลยแม้แต่น้อย

เขามีรูปร่างซูบผอม หน้าตาสะอาดสะอ้าน ชอบสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว มีท่าทางสุภาพเรียบร้อยในตอนที่สนทนากับเด็กสาว กับจ้านเซิน ก็เกือบจะเป็นคนสองแบบ

ฉินซีที่รีบร้อนหนีจากจ้านเซินในตอนนั้น หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับหซู่หนาน ก็ยิ่งสนิทสนมกับหซู่หนานมากขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนกับหลบหนีอย่างไรอย่างนั้น

โชคดีที่ช่วงนั้นภายในองค์กรไม่ค่อยสงบ จ้านเซินถูกเรื่องวุ่นวายมัดตัวเอาไว้ จึงไม่ได้จับตามองดูชีวิตของฉินซีละเอียดมากนัก ดังนั้นหซู่หนานจึงรอดพ้นมาได้

ส่วนทางฝ่ายจ้านเซินที่เพิ่งจะจัดการเรื่องราวทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เหยาหมิ่นก็เกิดเรื่องขึ้นมา

และในภายหลัง……ก็คือช่วงแห่งความทรงจำที่น่าเศร้า

ฉินซียืนยันได้ว่า การที่ตัวเองหัวใจเต้นแรงกับจ้านเซินนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากอ้อมกอดนั้น และจบลงในคืนที่ฟางฟางกระโดดตึก

ผู้ชายที่ปกป้องไม่ได้แม้กระทั่งศพของมารดา ไม่มีทางที่จะทำให้เธอสบายใจได้

ดังนั้นที่จริงแล้วจ้านเซินคิดผิดทาง

การที่ฉินซีปล่อยมือจากเขานั้นเกิดขึ้นก่อน ส่วนตกหลุมรักลู่เซิ่นนั้นเกิดขึ้นในภายหลัง

แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีลู่เซิ่นแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า ฉินซีจะกลับไปอยู่ด้วยกันกับเขา

เพียงแต่จ้านเซินในตอนนี้ ยังไม่รู้อะไรเลยเท่านั้นเอง

ส่วนความทรงจำที่อยู่ในความฝันของฉินซีก็ยังคงดำเนินต่อไป

การพบเจอกันของเธอกับลู่เซิ่น พบหน้ากันอีกครั้ง แต่งงาน จากลา

ทุกเรื่องราวล้วนฉายผ่านสมองของเธอรอบหนึ่ง

สุดท้ายแล้วฉินซีก็ไม่อาจจะไม่ยอมรับได้ว่า เธออาจจะเคยหวั่นไหวกับจ้านเซิน มีใจให้กับหซู่หนานอยู่บ้าง แต่คนที่เธอเคยรักจริงๆนั้น มีเพียงแค่ลู่เซิ่น

ไม่อย่างนั้นตอนที่รู้ทั้งรู้ว่าลู่เซิ่นหักหลังตัวเอง ก็คงจะไม่ฝันถึงเขาในยามค่ำคืน น้ำตารินไหลที่หางตา มุมปากกลับมีรอยยิ้มประดับอยู่หรอก

หลังจากที่ความฝันอันยาวนานสิ้นสุดลง ฟ้าก็สว่างแล้ว

ฉินซีไม่ได้ปิดผ้าม่าน ตอนที่แสงอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นมา เธอก็ขยับตัวไปมา ลืมตาขึ้นเล็กน้อย

วินาทีแรกสุดนั้น เธอยังไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่

เพียงแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เธอคุ้นชินกับการลืมตาก็สามารถมองเห็นภาพที่ตัวเองแขวนไปบนหัวเตียงภาพนั้นแล้ว คราวนี้เมื่อเห็นกำแพงสีขาวโพลนที่ว่างเปล่า จึงอดไม่ได้ที่จะตะลึงงันไปวินาทีหนึ่ง

แต่เธอก็นึกขึ้นได้ในเวลาต่อมา

……..ตัวเองไม่ได้อยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนแล้ว

เธอถูกขังเอาไว้ในเกาะเล็กๆที่ไกลนับพันลี้

ภาพนั้นยังดีอยู่ไหมนะ

ฉินซีคิดถึงขึ้นมากะทันหัน

หลังจากลู่เซิ่นกลับไปแล้ว จะมองการกระทำของตัวเองที่แขวนภาพไว้บนหัวเตียงอย่างไรกันนะ

จะรู้สึกว่าน่าขบขันหรือไม่

และคนรักใหม่ของเขา คู่หมั้นของเขาคนนั้น จะรู้สึกว่าขวางหูขวางตาบ้างหรือเปล่า

ถ้าหากว่าใช่ล่ะก็ ภาพนั้น ครึ่งหนึ่งก็คงถูกโยนทิ้งไปสินะ

เธอมีคำถามมากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่มีข้อใดที่ได้คำตอบ

เพราะว่าเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดของเธอถูกโยนทิ้งไปหมดแล้ว ส่วนภายในหอพักก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีสิ่งใดที่เธอสามารถใช้ติดต่อกับโลกภายนอกได้

ฉินซีก็เหมือนกับเกาะแห่งนี้ ถูกทำให้แยกตัวไปโดยสิ้นเชิง

………

ณ ประเทศF ที่อยู่ห่างไปนับพันลี้ ลู่เซิ่นกำลังนอนอยู่บนเตียง มองภาพที่ฉินซีพะวงถึงภาพนั้น

สีหน้าของเขาอ่อนเพลียเล็กน้อย มุมปากโค้งลงนิดๆ อธิบายได้ว่าสภาพจิตใจของเขาย่ำแย่มาก

หลินหยังตรวจสอบทั้งคืน มั่นใจแล้วว่าไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดตัวไหนที่ถ่ายร่องรอยของฉินซีเอาไว้ได้

เธอเหมือนกับคนที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ผู้ใหญ่คนหนึ่ง จะหายไปในอากาศแบบนี้ได้อย่างไรกัน

คำอธิบายที่สมเหตุผลเพียงข้อเดียวก็คือ…..เธอไม่ใช่คนที่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว

ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงการคาดเดาที่เลวร้ายที่สุดกับเขา แต่ลู่เซิ่นกลับไม่สามารถห้ามความคิดได้

ฉินซี……คุณยังสบายดีอยู่ไหม

ผมคิดถึงคุณมาก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท