Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1205

ตอนที่ 1205

บทที่ 1205 ไม่ใช่เพื่อที่จะให้ฉันหาเจอ

ลู่โยวโยวรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากคำพูดของลู่เซิ่น แต่ก็คิดตามไม่ทัน ทันใดโทรศัพท์ของลู่เซิ่นก็ส่งเสียงร้องออกมา

“ประธานลู่ครับ” เป็นหลินหยังที่โทรเข้ามา “ผมนำผ้าเช็ดหน้ามาแล้วครับ วันนี้ตอนบ่ายเมื่อประชุมเสร็จสิ้น ผมได้ติดต่อถังย่าไปแล้ว เธอบอกว่าสามารถเจอกับคุณได้ครับ”

ลู่เซิ่นตอบรับ พลางหันไปพยักหน้าลาลู่โยวโยว ก่อนจะออกจากบ้านตระกูลลู่ไป

ลู่โยวโยวมองพี่ชายจนลับสายตา พลันสีหน้าโศกเศร้าที่ไม่เห็นปรากฏบนใบหน้าของเธอกลับฉายชัดขึ้นมา

… …

หลินหยังออกมารอต้อนรับลู่เซิ่นที่พึ่งกลับมาถึงบ้านใหญ่ตระกูลลู่

“ประธานลู่ครับ” เขาเอาถุงปิดผนึกขึ้นมา “ผ้าเช็ดหน้าอยู่ด้านไหน”

ลู่เซิ่นยื่นมือไปรับ ก่อนจะเปิดปากพูด “นัดกับถังย่าไว้เมื่อไหร่?”

หลินหยังตอบกลับไปทันทีแบบไม่ต้องคิด “เวลาหนึ่งทุ่มตรงที่บริษัทครับ”

ลู่เซิ่นครุ่นคิดอยู่สักพัก ส่ายหัวก่อนพูด “นายไปจองร้านอาหารที่บรรยากาศมันดูผ่อนคลายหน่อย ฉันจะนัดเธอไปดินเนอร์”

หลินหยังมองเขาด้วยความประหลาดใจ แต่พยักหน้าตอบรับ

หลังจากนั้นไม่นาน หลินหยังก็ผลักประตูเข้ามา และรายงานว่าได้จองร้านอาหารเรียบร้อยแล้ว

ลู่เซิ่นพยักหน้า

หากพบกันในห้องประชุมอาจเป็นสถานที่ที่คุ้นเคยสำหรับเขาและเธอ ดังนั้นพวกเขาจะเข้าสู่สถานะของการเจรจาในไม่ช้า

แต่สิ่งที่ลู่เซิ่นต้องการทำในวันนี้ไม่ใช่การเจรจา แต่เพื่อหาข้อมูลจากถังย่ามาให้ได้มากที่สุด

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกร้านอาหาร พยายามให้ถังย่าผ่อนคลายความระมัดระวังลง

แต่เมื่อเขามาถึงร้านอาหาร เขาก็ได้รู้ว่าวิธีนี้ดูเหมือนไม่มีประโยชน์สำหรับถังย่า

ลู่เซิ่นมาถึงเร็วกว่าเวลาที่นัด แต่เมื่อเขาลงจากรถ ถังย่าก็รออยู่ที่หน้าประตูแล้ว

“คุณลู่” เธอยิ้มด้วยอย่างสุภาพกว่าปกติ “ฉันคิดอยากจะจองร้านอาหารนี้มานาน แต่ไม่มีโอกาส”

ลู่เซิ่นทำธุรกิจมาหลายปี เมื่อเห็นท่าทีของถังย่าก็รู้ทันที ว่าเธออยู่ในสภาพที่ระมัดระวังตัวมาก

แต่เขาไม่สามารถกลับไปมือเปล่าจากการพบกันครั้งนี้ได้ เขายิ้มก่อนพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นเข้าไปกันก่อนครับ คุยไปทานไปดีกว่า”

หลินหยังเลือกร้านอาหารตะวันตก มีนักไวโอลินเล่นอยู่ที่ล็อบบี้ ดนตรีไพเราะและบรรยากาศก็ผ่อนคลาย ในอากาศมีกลิ่นหอมอ่อนๆ พนักงานเสิร์ฟเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวลและใช้น้ำเสียงโทนต่ำในการพูดคุยซึ่งสร้างบรรยากาศที่ดูไม่รีบร้อน

แต่ถึงแม้ว่าลู่เซิ่นและถังย่าจะตัดฟัวกราส์ด้วยท่วงท่าสง่างาม แต่หลังของพวกเขาก็ยืดตรงราวกับว่าพวกเขาพร้อมที่จะไปสนามรบอยู่เสมอ

ในตอนท้ายของมื้ออาหาร พวกเขาทั้งสองคนกำลังพูดอ้อมเรื่องอื่นไปเรื่อยไม่ยอมเข้าประเด็นสักที พวกเขารู้ดีว่าวันนี้อีกฝ่ายมาเพื่อทำอะไร แต่ไม่มีใครริเริ่มที่จะพูดถึงมันก่อน

บริกรนำขนมมาให้ แต่ถังย่าโบกมือ “ฉันไม่ต้องการของหวานแล้วค่ะ”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้วถาม “ขนมร้านนี้มีชื่อเสียงมากนะ คุณไม่ลองชิมสักนิดเหรอ?”

ถังย่ายิ้ม “ฉันไม่ทานอาหารเย็นเพราะคุมน้ำหนักมานานแล้วค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณลู่ ฉันก็คงไม่มา”

ลู่เซิ่นยิ้มจางๆ “พอดีเลย ผมก็ไม่ชอบของหวานเหมือนกันครับ”

หลังจากพูดจบเขาก็วางมีดและส้อมในมือลง

แต่มือที่จะล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบทิปให้พนักงาน พอดีกับหยิบถุงปิดผนึกขึ้นมาด้วย

แน่นอนว่าในกระเป๋าจะไม่มีสิ่งอื่นใด นอกจากจะเป็นผ้าเช็ดหน้าที่หลินหยังนำมาให้

ลู่เซิ่นวางกระเป๋าไว้ที่ข้างโต๊ะอย่างลวกๆ วางทิปไว้ข้างจาน เมื่อทำท่าจะลุก เขาก็มองไปที่ถังย่า

สายตาของถังย่าจับจ้องไปที่ผ้าเช็ดหน้าจริงๆ

“คุณถัง”เขาเรียกเสียงดัง “ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

ถังย่าไม่สามารถเก็บมันได้อีก จึงถามขึ้น “ประธานลู่ใช้ความพยายามในการเชิญฉันออกมาทานอาหารมื้อใหญ่แบบนี้ แต่มันไม่ใช่แค่นั้นใช่ไหมคะ… …คุณมีอะไรจะถามฉันไหม? ”

ลู่เซิ่นยิ้มจางๆ นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง มองตรงไปยังถังย่า “ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้ล่ะครับ?”

ถังย่าเหมือนจะไม่พูดอ้อมค้อมกับเขาอีกต่อไป พยักพเยิดไปทางสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ

ลู่เซิ่นไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น เขายังคงวางแผนบางอย่างที่จะฟังคำพูดบางอย่างจากถังย่าเขาจึงทำแค่หัวเราะ

“ก็แค่ผ้าเช็ดหน้า ทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของถังย่าจางลงอย่างช้าๆ “ประธานลู่ ฉันจะพูดตรงๆ บนผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ มีสัญลักษณ์ขององค์กรพวกเรา ฉันรู้ มันไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้าธรรมดา”

ลู่เซิ่นไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะพูดคำว่า องค์กร ออกมาโดยตรงและก็ไม่คาดหวังว่าเธอจะยอมรับมันง่ายๆเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าเขาค่อยๆจางหายไป

เขากระแอมในลำคอและพูดว่า “ดูเหมือนคุณจะรู้ว่าผมมาทำไม”

เธอพยักหน้า “ใช่”

ในเมื่อเธอพูดออกมาขนาดนี้แล้ว ลู่เซิ่นจึงไม่พูดอ้อมค้อมอีกต่อไป ออกปากถามไปตรงๆ “ฉินซีอยู่กับคุณหรือเปล่า?”

ถังย่าส่ายหัวก่อนแล้วพยักหน้าเบาๆ แต่แทนที่จะตอบคำถามของลู่เซิ่นโดยตรงเธอกลับถามเขากลับ “ฉันบอกว่าฉันเป็นคนในองค์กร คุณจะไม่ตกใจหน่อยเหรอ หรือรู้อยู่ก่อนแล้วว่าองค์กรของพวกเรามีจริง”

ลู่เซิ่นเห็นว่าถังย่าคงไม่ตอบคำถามของเขาอย่างตรงไปตรงมาแน่ เขาพยักหน้า ก่อนยื่นมือไปหยิบถุงที่ปิดผนึกแล้วถามต่อ “จงใจทิ้งสิ่งนี้ไว้ ไม่ใช่ให้ผมค้นหาหรือไง?”

ถังย่าชะงัก รอยยิ้มสุภาพบนใบหน้าเลือนหาย ราวกับคิดว่าคำถามของลู่เซิ่นมันน่าสนใจอย่างไรอย่างนั้น “แน่นอนประธานลู่ คุณเดาถูก”

ลู่เซิ่นยิ้มอย่างเย็นชา

เมื่อฉินซีหายไปนานขึ้นเท่าไหร่ เขาก็สงบมากยิ่งขึ้น

เมื่อใจเย็นลง ก็จะพบกับปัญหามากมายที่เคยมองข้ามไป

—— ทำไมผู้บุกรุกถึงไม่ตื่นตระหนกจากเสียงเตือนในชิงหยวน แต่กลับทิ้งผ้าเช็ดหน้าเอาไว้

——ถ้าหากกล้องวงจรปิดทั้งสี่มุมจับภาพไม่ได้ ทำไมถึงมีภาพที่ชัดเจนขนาดนั้นออกมา

ยกเว้นคำที่ฉินซีหลงเหลือเอาไว้ ผู้บุกรุกอาจไม่คาดหวังให้ลู่เซิ่นค้นพบเบาะแสใหญ่อื่นๆ มันคงจะง่ายเกินไป

เหมือน … โยนด้ายเส้นเล็กให้เขาสาวหาเบาะแสเอาเอง

หรือเป็นการยั่วยุ

พูดอย่างเช่น ถ้าเก่งพอก็หาตัวฉันสิ ฉันไม่กลัว

เมื่อรู้ถึงปัญหาข้อนี้ ประโยคที่ถังย่าพูดก็ดูไม่ได้น่าแปลกใจ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท