Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1203

ตอนที่ 1203

บทที่ 1203 มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

โทรศัพท์ของลู่เซิ่นสั่นขึ้นมา

เป็นหลินยังที่ส่งข้อความมาหาเขา

เมื่อเปิดดู มันเป็นรายงานที่เป็นลายลักษณ์อักษร

“ยาควบคุมเส้นประสาท … รายงานผลการตรวจ” ลู่เซิ่นจ้องไปที่ข้อความ ก่อนอ่านออกเสียงช้าๆ

“อะไรนะ?” หลินยี่คิดว่าลู่เซิ่นกำลังพูดกับเขา

ลู่เซิ่นวางโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าหลินยี่ “รายงานการวิเคราะห์ยาบนผ้าเช็ดหน้า ฉันเคยเดาก่อนหน้านี้ว่ามันเป็นยาตัวล่าสุดจากทหาร ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเหมือนที่คิด”

หลินยี่ขมวดคิ้ว “งั้น… …ก็ไม่แปลกใจเลย”

ลู่เซิ่นหยุดชั่วครู่ เขาตระหนักว่าตัวเองกำลังจะพูดถึงอะไร “ซัพพลายเออร์ยานั่นของพวกทหาร… ….”

“มันคือพวกเฟิง” หลินยี่ตอบด้วยความมั่นใจ

ลู่เซิ่นกัดริมฝีปากแน่น

ตอนนี้ดูเหมือนว่าปัญหาทั้งหมดจะชี้ไปที่ชายคนนี้และองค์กรที่อยู่เบื้องหลังเขา

“ฉันจะไปพบถังย่า” ลู่เซิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

จากคำพูดของหลินยี่ เบื้องหลังขององค์กรที่มีชื่อว่า เฟิง นั้นลึกลับมาก ถ้าลู่เซิ่นต้องการใช้องค์กรนี้เป็นช่องทางในการบุกโจมตี กลัวว่าจะมีแต่ปัญหาเต็มไปหมด

ยิ่งไปกว่านั้น … ยังมีช่องทางอะไรที่สะดวกกว่านี้อีก

นั่นคือ ถังย่า

แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าถังย่าเป็นสมาชิกขององค์กรหรือไม่ แต่อย่างน้อยถังย่าก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรนั้น

เมื่อนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ได้พบและแยกจากกัน ถังย่าพูดว่า “ถ้าต้องการความช่วยเหลือให้มาหาฉัน” มันก็เหมือนกับ … แน่ใจว่าเขาจะพบองค์กรนี้แล้วจึงไปถามเธอ

ลู่เซิ่นรู้สึกไม่สบายใจ แต่ … เขาไม่มีทางอื่นจริงๆ

“ถังย่าคนคนนั้น… ดูไม่ธรรมดาเลย”หลินยี่กล่าว “ฉันมีความรู้สึกว่า เธอไม่ใช่คนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรนั้น แต่ … เป็นหนึ่งในผู้นำขององค์กรนั้น”

ลู่เซิ่นพยักหน้า “ฉันก็เดาว่าอย่างนั้น”

เขาตอบข้อความหลินหยัง และขอให้หลินหยังนำเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืน จากนั้นเตรียมนัดกับถังย่าครั้งที่สองโดยเร็วที่สุด

หลินหยังตอบรับอย่างรวดเร็ว “รับทราบครับ”

ลู่เซิ่นยืนขึ้น มองไปที่หลินยี่ ก่อนพูดว่า “มาเถอะ ฉันจะพานายไปที่ห้อง”

หลินยี่พยักหน้า พยุงโต๊ะเพื่อลุกขึ้นยืนช้าๆ

อวัยวะภายในเขาได้รับบาดเจ็บและตอนนี้ยังไม่ฟื้นตัวดี ยังไม่สะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆดังนั้นเขาจึงเคลื่อนไหวไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน ลู่เซิ่นก็ไม่มีอะไรทำพอดี ดังนั้นจึงอดทนพาเขาเดินไปที่ห้องช้าๆ

“จริงๆแล้ว ถึงจะมีภาพจากกล้องวงจรปิด ก็พิสูจน์อะไรไม่ได้เลย” เดินไปครึ่งทางจู่ๆหลินยี่ก็พูดขึ้นมา

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันไปมองเขา

หลินยี่พูดต่อ “ถึงแม้… …ภาพข้างในที่ถูกลบไป มันมีอะไรที่ดูไม่ปกติ แต่… …ตามที่รู้มาว่าเป็นองค์กรที่ลึกลับ เป็นเรื่องปกติ เขาไม่น่าจะหลงเหลือหลักฐานอะไรไว้”

“นายหมายถึง … นายสงสัยว่าชายคนที่ปรากฏตัวที่นั่นและเคยได้พบกับฉินซี ทั้งหมดมันเป็นเรื่องบังเอิญใช่ไหม?” ลู่เซิ่นถาม

หลินยี่พยักหน้า “เป็นแค่ความสงสัยของฉัน แต่ยังไงเราก็ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่าจะเป็นคนเดียวกันที่บุกเข้าไปในบ้านของนาย”

ลู่เซิ่นเงียบ

อันที่จริง ทุกอย่าง … เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่บังเอิญเป็นเรื่องถูกต้องที่จะทำให้เชื่อมโยงกันได้ แต่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจสาระของหลักฐานนั้นได้

ทำไมกล้องวงจรปิดทั้งหมดถึงถูกทำลาย แต่กลับไม่สนใจกล้องตัวนี้

เป็นกล้องตัวนี้ที่ทิ้งภาพของชายคนนั้นไว้

ทำไมกระทั่งการรักษาความปลอดภัยสูงสุดของชิงหยวนถึงจับคนที่แอบเข้ามาไม่ได้ และทำไมถึงทิ้งผ้าเช็ดหน้าไว้

ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น บังเอิญมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์กรที่ชายคนนี้อยู่พอดี

แต่ดันกลับไม่ทิ้งหลักฐานที่สำคัญที่สุด ฉินซีจะจากไปอย่างไร

แน่นอนว่าลู่เซิ่นไม่สามารถหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง สายตาของชายคนนั้นที่มองมายังฉินซีถูกใช้เป็นหลักฐานที่แสดงความสัมพันธ์ของเขากับเธอ เขาไม่สามารถทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้

อดีตตรงหน้าพันกันเป็นเกลียวที่ไม่สามารถคลี่ได้ มีเพียงปลายด้ายที่ดูเลือนราง แต่ไม่มีใครสามารถจับปลายด้ายได้ ทั้งยังไม่สามารถที่จะคลายปม

หลักฐานเหล่านี้ดูเหมือนจะเตือนลู่เซิ่นว่า ต้องการพาเขาไปยังทิศทางไหน

แม้ว่าลู่เซิ่นจะไม่ชอบความรู้สึกของการถูกจูงจมูกโดยคนอื่น แต่เขาก็ไม่มีทางอื่น

เบาะแสเหล่านี้ดูเหมือนจะชี้ว่า … ให้เขากลับไปหาถังย่า

เขาจึงได้แต่กลับไปหาถังย่า

ทั้งสองคนไม่ใช่คนสุภาพอะไรนัก เมื่อส่งหลินยี่กลับถึงห้อง ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไรมาก เขาจึงเตรียมตัวออกจากบ้านลู่ เพื่อกลับไปยังบ้านใหญ่ตระกูลลู่แทนเพื่อจัดการเรื่องต่างๆ

แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ถูกขวางโดยลู่โยวโยวไว้ก่อน

“พี่!” เธอจ้องมองไปที่ลู่เซิ่นด้วยสายตาตำหนิ “บอกฉันมาตรงๆนะ พี่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆเหรอ”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “ทำไมล่ะ ไม่ได้เหรอ?”

ลู่โยวโยวย่นหน้า “แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ชอบพี่นี่! ฉันจำได้นะ ตอนที่หลินยี่นอนอยู่โรงพยาบาล เธอปฏิเสธที่จะมาที่นี่เพราะคิดถึงคนที่ทำให้หลินยี่ปางตายแบบนั้น พี่จะอยู่กับเธอได้ยังไง!”

ลู่เซิ่นแค่มองก็รู้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไร เขาจงใจพูดเสียงเข้มขึ้น “เธอสนที่เวินจิ้งไม่ชอบพี่ หรือเวินจิ้งไม่มาหาหลินยี่ตอนเจ็บหนักกันแน่?”

ใบหน้าของลู่โยวโยวแดงระเรื่อ ก่อนพูดว่า “ฉันสนไม่ได้เหรอ? พี่ ถึงฉันจะชอบหลินยี่ แต่ อย่ามาคิดว่าฉันไม่ได้สนใจพี่นะ”

ลู่เซิ่นยิ้มจาง เอื้อมมือไปลูบศีรษะของลู่โยวโยว “เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพี่หรอกนะ พี่รู้ว่าเธอเป็นห่วงทั้งพี่และหลินยี่ แต่ … เรื่องบางเรื่องเธอจะเข้าใจเมื่อโตขึ้น”

ลู่โยวโยวเงยหน้ามองลู่เซิ่นด้วยสายตาสับสน

อันที่จริงช่วงเวลาแห่งความอ่อนโยนระหว่างพี่น้องของพวกเขาหาได้ไม่มากนัก

ลู่เซิ่นชอบเล่นกับลู่โยวโยว แต่เธอก็ชอบนำปัญหาต่างๆมาให้เขาปวดหัว

แต่ลู่เซิ่นยังคงห่วงใยน้องสาวของเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ฉินซีหายตัวไป ทำให้ลู่เซิ่นตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งการสูญเสีย

อาจเป็นการสูญเสียจริงๆ ที่ทำให้ผู้คนเข้าใจว่าทุกสิ่งรอบตัวเขาตอนนี้มีค่าแค่ไหน

ลู่โยวโยวน้องสาวคนนี้ … แม้ว่าเธอจะเป็นคนเสียงดัง น่ารำคาญ แต่ก็น่ารัก ถึงแม้ว่าเธอจะร้ายกาจไปบ้าง … แต่จากก้นบึ้งของหัวใจเขา ยังคงห่วงใยน้องสาวคนนี้เสมอ

เขาเพียงหวังว่าลู่โยวโยวจะมีความสุข

และตอนนี้ดูเหมือนว่าหลินยี่ … ไม่ใช่คนที่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้

ดังนั้นเขาจึงพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมอย่างที่เขาไม่เคยพูดมาก่อน “ลู่โยวโยว เธอชอบหลินยี่จริงไหม?

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท