Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1210

ตอนที่ 1210

บทที่ 1210 ยังไม่ตายใจ

ลู่เซิ่นจะหวั่นไหวง่ายๆ ด้วยคำพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไม่ว่าใครจะอยู่ข้างกายฉินซีนานที่สุด หรือจะอยู่ข้างกายเธอตอนนี้

ฉินซีสูญเสียความทรงจำ ก็ยังสามารถอยู่กับตัวเธอเองได้

นั่นหมายความว่า เธอควรเป็นของตัวเธอเอง ไม่ใช่ของชายคนไหนที่ไปบังคับเธอให้มาอยู่ข้างกัน

… แต่ถังย่า อาจจะไม่ได้แสดงละครทั้งหมด

อย่างน้อยก็เป็นความผิดพลาดของเธอที่เอ่ยชื่อจ้านเซินออกมา

ไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอไม่ได้ทุ่มเทแสดงละครมากพอ แต่เป็นเพราะว่า… เธอกำลังพูดถึงเรื่องเศร้าของเธอเองที่อยู่ในใจ

รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏบนใบหน้าของลู่เซิ่น

ดูเหมือนว่าถังย่า… จะมีใจให้จ้านเซินจริง

นี่คือจุดอ่อนของเธอ

หากใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้ คงมีหวัง

ทางด้านของถังย่าเมื่อเธอเดินกลับไปที่ลานจอดรถ พลันใบหน้าของเธอกลับขาวซีด

เธอรู้ดีว่าเธอทำงานไม่เสร็จสมบูรณ์ ใช่ … เธอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด

แต่ … เมื่ออารมณ์ของเธอปะทุขึ้นมาแบบนั้น เธอจึงรู้ว่า จริงๆแล้วเธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เลย

เธอไม่เคยกล้าคิดถึงเรื่องนี้ และไม่อยากยอมรับ ว่าเธอมีความรู้สึกบางอย่างกับจ้านเซิน

แต่เธอรู้ดี ว่าความรู้สึกนี้จะไม่เผยออกไปแน่นอน ไม่เพิ่มขึ้น และไม่มีวันเป็นจริง

สิ่งที่เธอทำได้คือ ต้องซ่อนทุกอย่าง

แม้ในบางครั้งเธอจะรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ เมื่อเห็นความรักของลู่เซิ่นที่มีต่อฉินซี ความขมขื่นในอก มันทำให้เธอเสียการควบคุมของตัวเอง

เธอเข้าไปนั่งในรถ ยังไม่ทันที่จะสตาร์ท โทรศัพท์กลับสั่นขึ้นมา

ถังย่าตัวสั่นอย่างกะทันหัน กุญแจที่อยู่ในมือของเธอก็ตกลงที่พื้นรถ

เธอยื่นมืออันสั่นเทา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

ไม่แสดงหมายเลขในโทรศัพท์ว่าใครเป็นคนโทรมา แต่เธอรู้ว่าคือใคร

เธอหลับตาลง ก่อนจะรับโทรศัพท์

“ฉันเอง” เสียงของจ้านเซินดังขึ้นจากปลายสาย

เสียงของเขาเหมือนเช่นปกติ แต่มันทำให้ขนอ่อนของถังย่าลุกชัน

“ทานข้าวกับลู่เซิ่นเสร็จแล้วเหรอ?”เสียงของเขาสงบ เหมือนเช่นคุยกับเธอทุกที

ถังย่าใช้เวลานานในการพูดออกมาเพียงสั้นๆ “ใช่”

“สิ่งที่ควรพูด ก็พูดแล้ว?” เสียงของเขายังคงดูไม่ใส่ใจนัก แต่ ถังย่าก็ตัวสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง

“พูด…ฉันพูดแล้ว” ถ้ามีคนเห็นถังย่าที่ปกติหัวแข็ง ดื้อรั้น แต่ตอนนี้พูดติดอ่างแบบนี้ คงจะต้องรู้สึกตกใจอย่างแน่นอน “พูดไปแล้วว่า ตอนนี้ฉินซีอยู่กับเรา พูดถึงสถานะของเธอ และความสัมพันธ์ของคุณกับเธอแล้ว”

“ลู่เซิ่นคนนั้น ยังไม่ตายใจสินะ” จ้านเซินถาม

เธอพยักหน้าตอบแม้จะแค่คุยผ่านโทรศัพท์ก็ตาม “ใช่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้คิดอะไร”

“อย่างนั้นสินะ” จ้านเซินลากเสียง ก่อนพูดขึ้น “แล้ว เธอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดไปหรือเปล่า?”

ถังย่ามือสั่นเทา

“ฉัน… …”ถังย่า พูดไม่ออก แต่เธอไม่สามารถโกหกอะไรเขาได้ เงียบไปสักพักอย่างไม่รู้ว่าจะสารภาพอย่างไรดี

“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ”น้ำเสียงของเขานุ่มนวลขึ้น แต่มันกลับทำให้ ถังย่ารู้สึกกลัวมากกว่าเดิม “แต่ ความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ ยังไงก็คือความผิด ใช่ไหม?”

ถังย่าทำได้เพียงพยักหน้า “ใช่”

“รอเธอกลับมาแล้วค่อยตัดสินโทษของเธอแล้วกัน” เสียงของเขาฟังดูโอบอ้อมอารี แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ได้มีความเมตตาสักนิดเลย “จะโดนอะไร เธอรู้ใช่ไหม?”

ถังย่าพยักหน้าอย่างยากลำบาก “ฉันรู้”

“ก็ดีที่รู้”คำพูดของจ้านเซินดูเร่งรีบ คล้ายกับมีเรื่องอะไรที่เร่งด่วน “ยังดีที่ได้พูดกับลู่เซิ่นแล้ว แต่ยังไงเหมือนมันจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่อย่างงั้นเธอก็ต้องกลับไป หาวิธีทำให้มันลืมชื่อของฉันสะ กลับไปหาเสี่ยวA เขารู้ว่าจะต้องทำยังไง แค่นี้แหละ ฉันวางก่อน”

หลังจากพูดจบ เขาก็วางสายไปโดยไม่รอให้ถังย่าพูดจบ

หน้าของถังย่าซีดขาว ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ในตอนนี้หลังของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬแตกพลั่ก

ผู้ที่ต้องรับผิดชอบการลงโทษในองค์กรมีทั้งหมดห้าคน ทุกคนไม่รู้จักชื่อจริงของพวกเขา แต่จะเรียกแทนพวกเขาด้วยชื่อรหัสเท่านั้น ตั้งแต่เสี่ยว A เล็กไปจนเสี่ยว E และการลงโทษหนักเบาขนาดก็จะตามชื่อเลย เสี่ยวA จะรับผิดชอบการลงโทษสถานเบา ส่วนเสี่ยวE จะลงโทษสถานหนัก

ครั้งนี้ จ้านเซินเตรียมเสี่ยวA มาให้ แสดงว่า … เธอก็ไม่ได้ก่ออาชญากรรมอะไรที่ร้ายแรงขนาดนั้น

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ถังย่าก็โล่งใจ ก่อนหยิบกุญแจขึ้นมาเพื่อสตาร์ทรถ และขับตรงดิ่งกลับไปที่ บริษัท

ลู่เซิ่นนั่งอยู่ในร้านอาหารได้สักพัก เขาจัดการข้อมูลที่ถังย่าเพิ่งจะเผยออกมาให้เรียบร้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกไปจากร้านอาหาร

เดินออกมาได้สักพัก ทันใดก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา

คนที่โทรมาคือหลินยี่

ลู่เซิ่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ช่วงนี้หลินยี่ทำตัวไร้สาระมาก ไม่น่าจะมีอะไรมาติดต่อกับเขาได้

ทำไมโทรมากะทันหัน

แม้ว่าลู่เซิ่นจะงงงวย แต่เขาก็ยังรับโทรศัพท์

เสียงของหลินยี่ดังขึ้นจากปลายสาย “ลู่เซิ่น อยู่ไหน”

“เพิ่งเจอกับถังย่า” ลู่เซิ่นพูดอย่างรวบรัด “มีอะไร?”

“ฉันเจอข้อมูลอะไรบางอย่าง ถ้าหากแกอยากเห็น พรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปส่งที่บริษัทแก”หลินยี่กล่าว

แน่นอนลู่เซิ่นก็รู้ว่า “ข้อมูล” ที่หลินยี่พูดถึงในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฉินซีหรือเกี่ยวข้องกับองค์กร เขามองขึ้นไปข้างบน ร้านอาหารก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านตระกูลลู่เสียด้วย เขาตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวฉันจะกลับไปที่บ้านตระกูลลู่ ฉันมีอะไรจะพูดกับแกพอดี”

หลินยี่ตอบรับ ทันใดลู่เซิ่นก็สั่งให้คนขับรถหันทิศทางขับกลับไปยังบ้านตระกูลลู่

ตั้งแต่มาที่ประเทศ F และชิงหยวนได้ตกแต่งใหม่เสร็จสรรพ ลู่เซิ่นแทบไม่ได้กลับมาอยู่ในบ้านตระกูลลู่อีกเลย

ยากมากที่วันหนึ่ง จะกลับไปมาสองครั้ง

พ่อบ้านรู้สึกยินดีเล็กน้อยที่เขามา แถมยังต้องการให้ลู่เซิ่นร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันอีก

คืนนี้ลู่เซิ่นไม่ได้จะมากินอะไร เขาโบกมือให้พ่อบ้าน ก่อนกำชับว่าห้ามบอกลู่โยวโยวว่าเขากลับมา และเดินตรงไปยังห้องของหลินยีทันที

ประตูห้องของหลินยี่เปิด วู๋ชิงก็รออยู่ที่หน้าประตูห้องพอดี เมื่อเขาเห็นลู่เซิ่นมาถึงเขาก็พยักหน้าอย่างนอบน้อมก่อนพูด “คุณชายลู่”

ลู่เซิ่นพยักหน้า เดินตรงเข้าไปในห้อง

หลินยี่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง เขาถือแท็บเล็ตในมือ สายตาจดจ้องอยู่ที่หน้าจออย่างตั้งใจ

“อะไร”ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไรไร้สาระ เดินไปข้างเขา ก่อนเปิดปากถาม

หลินยี่ยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้เขาโดยตรง “ฉันขอให้คนขององค์กรหยินเฟิง รวบรวมข้อมูลทั้งหมดตลอดสิบปีที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนั้นมาให้ แกดูสิ พอมีประโยชน์อะไรไหม?”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท