Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1208

ตอนที่ 1208

บทที่ 1208 ทำให้ฉินซีจำทุกอย่างให้ได้

ถังย่ากลับไม่ได้ตื่นตระหนกกบคำพูดของลู่เซิ่นแม้แต่น้อย “อย่าดูถูกฉันเลยค่ะประธานลู่”

ในตอนท้ายถังย่าก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “ประธานลู่ สิ่งเดียวที่ฉันพูดได้ตอนนี้ก็คือ คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของฉินซีเลย เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักขององค์กรเรา พวกเราใช้ความพยายามอย่างมากในการฝึกฝนให้เธอมีความสามารถที่เป็นเลิศ เรื่องแค่นี้ไม่สามารถส่งผลกระทบอะไรเธอได้ ไม่อย่างนั้นทางเราก็คงไม่ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการดึงตัวเธอกลับมาหรอกค่ะ ถ้าหากเราคิดจะทำอะไรไม่ดีกับเธอจริงๆ ก็คงไม่บอกเรื่องนี้ให้คุณทราบแน่”

บรรยากาศระหว่างคนสองคนที่ประจันหน้ากันมีบรรยากาศมาคุขึ้นเล็กน้อย

ความเครียดบนใบหน้าของลู่เซิ่นไม่ได้คลายลงแม้แต่น้อย “คุณเพิ่งจะพูดว่าที่คุณสะกดจิตเธอ เพื่อที่จะให้ความทรงจำกลับมา?”

ถังย่าพยักหน้า “ใช่ค่ะ พวกเรานำตัวเธอกลับมา เพราะจุดประสงค์นี้——”

“คุณรู้ไหมว่าถ้าทำให้เธอจำเรื่องทั้งหมดได้ จะทำให้เธอเจ็บปวด” ลู่เซิ่นพูดขัดจังหวะถังย่า ด้วยความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้า

เขาไปพบจิตแพทย์ครั้งแรกเป็นเพื่อนฉินซี

เขาจำได้ชัดเจนว่า ตอนนั้นหมอเสนอแผนสองแบบให้เธอ แผนแรกคือใช้การสะกดจิตเพื่อให้ฉินซีกลับมาจำทุกอย่างได้

ในเวลานั้นเขาไม่สามารถทนเห็นความเจ็บปวดของฉินซีได้ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกแผนการรักษาอันนั้นไป

และตอนนี้พวกเขาก็จะใช้แผนที่เขาล้มเลิกไปเพื่อเธอเนี่ยนะ!

ฉินซีจะเจ็บปวดแค่ไหน? จะรับได้ไหม?

เมื่อลู่เซิ่นนึกถึงสิ่งนี้ความเป็นปรปักษ์ของเขาต่อองค์กรก็เริ่มร้ายแรงขึ้น

“ประธานลู่” มีความประหลาดใจบนใบหน้าของถังย่าไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะใส่ใจกับปัญหาตรงนี้ “ร่างกายของฉินซีได้รับการจัดระเบียบและฝึกฝนมาดี เธอจะทนความเจ็บปวดนี้ได้แน่นอน ถ้าทำให้เธอจำเรื่องทุกอย่างได้ มันจะทำให้ดีกับทุกคนนะคะ”

ลู่เซิ่นหัวเราะ “พวกคุณที่เรียกตัวเองว่าองค์กร ไม่เห็นใจความเป็นคนสักนิดเหรอ? ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว? ถึงแม้ฉินซีจะรับมือกับความเจ็บปวดแบบนี้ได้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องมาทนทุกข์ทรมาน คุณบอกเองว่าตอนนี้เธอกำลังพักผ่อน ต้องการการฟื้นตัว? นี่ยังไม่ชัดอีกเหรอว่าเธอกำลังทรมาน?”

ดูเหมือนจะไม่สามารถยอมรับการใส่ร้ายของลู่เซิ่น ในองค์กรได้และการแสดงออกของเขาก็เย็นลง: “ประธานลู่ ฉันได้พูดทุกอย่างที่ฉันสามารถพูดได้แล้วปัญหาแบบนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตของการสนทนาของเรา”

ถังย่าดูจะยอมรับไม่ได้ที่เขาใส่ร้ายองค์กร “ประธานลู่ อะไรที่ฉันพอจะพูดได้ ฉันก็พูดไปหมดแล้ว ปัญหาของเรื่องนี้ ไม่อยู่ในขอบเขตในเรื่องที่เราต้องพูดกันค่ะ”

“คุณพูดตลอดว่าไม่ต้องให้ผมสนใจความปลอดภัยของฉินซี แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้กลับบอกว่าไม่เกี่ยว”ลู่เซิ่นหัวเราะเยาะ “ถังย่า เป็นคนเขาไม่ได้เป็นกันแบบนี้เหรอ?”

ถังย่าไม่ได้คิดว่าเขาจะมาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหานี้ เธออดไม่ได้ที่พูดกลับไปว่า

“ องค์กรรับรองว่าจะดูแลให้ทุกคนมีร่างกายและจิตใจที่ดี เป็นไปตามมาตรฐาน ประธานลู่ ถ้าหากคุณเป็นห่วงเรื่องนี้ มีแค่คำถามนี้เท่านั้น ที่ฉันจะตอบคุณได้”

ลู่เซิ่นรู้ดี ว่าพวกเขากำลังอยู่ในทางตัน

พวกเขาพาฉินซีมาโดยไม่ถามความสมัครใจเลยสักนิด ตอนนี้ก็ยังปฏิเสธที่จะให้เขาได้คุยกับฉินซีและไปเจอเธอที่องค์กรอีก แต่เขาเองก็ไม่สามารถมองเห็นฉินซีได้ แถมไม่มีวิธีที่จะวางใจสถานการณ์ของฉินซีได้เลย

การทำแบบนี้ต่อไป มีแต่จะทำให้สิ่งต่างๆแย่ลง

“ฉินซีต้องพักฟื้นอีกนานเท่าไหร่?” ลู่เซิ่นคิดสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้นมา

ถังย่าส่ายหัว “เรื่องนี้ฉันก็ไม่ทราบจริงๆ แต่เมื่อถึงเวลาโทรหาคุณที่เหมาะสม ฉันจะติดต่อคุณไป”

ลู่เซิ่นกลับจับคำพูดคำนี้ของเธอแทน

เวลาโทรหาเขาที่เหมาะสม คงจะเป็นเวลาที่พวกเขาจะมั่นใจได้ว่าฉินซีจะไม่สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ลู่เซิ่นรู้สึกหมดแรง

แต่ท่าทีของถังย่าก็แข็งกร้าวเช่นกัน ลู่เซิ่นรู้ว่าเขาคงจะไม่ได้ข่าวอะไรที่เป็นประโยชน์จากเธออีกต่อไปแล้ว

แต่เพียงแค่รู้ว่าตอนนี้ฉินซีปลอดภัย ก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเขาแล้ว

ลู่เซิ่นคิดอะไรได้สักพัก จึงหันไปถามเธออีกครั้ง

“พวกคุณนำเรื่องทุกอย่างมาบอกผม ไม่กลัวว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อฉินซี จะทำให้องค์กรคุณเดือดร้อนหรือไง? ”

เมื่อถังย่าได้ยินคำถาม พลันปรากฏร่องรอยของการดูถูกขึ้นมาบนสีหน้าของเธอ

“ประธานลู่” น้ำเสียงของเธอยังคงสุภาพ แต่ลู่เซิ่นกลับสัมผัสได้ถึงความหยิ่งยโสเล็กน้อยในน้ำเสียง “ถ้าองค์กรพวกเราโดนโค่นล้มได้ง่ายขนาดนั้น เกรงว่าคงจะไม่อยู่นานถึงขนาดนี้หรอกค่ะ”

ความหมายก็คือ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงหยิ่งผยอง กล้าที่จะเปิดโปงทุกสิ่งต่อหน้าลู่เซิ่น และกล้าที่จะทดสอบเขาอย่างโจ่งแจ้ง พวกเขาไม่กลัวว่าเขาจะค้นพบทุกอย่าง

พวกเขารู้ดีว่ากับลู่เซิ่นและตระกูลลู่นั้น ไม่สามารถสั่นคลอนอะไรองค์กรได้เลย

ลู่เซิ่นเม้มปากเป็นเส้นตรง

แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ถังย่าพูดได้

กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังองค์กรที่เรียกว่า เฟิง นี้น่าจะมีขนาดใหญ่มาก แม้ตระกูลลู่จะพยายามแค่ไหนก็สามารถได้รับผลจากการทำลายล้างได้เช่นเดียวกันและไม่มีทางที่จะสั่นคลอนรากฐานขององค์กรได้เลย

นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลลู่จะทำเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบนี้

ใบหน้าของถังย่าสงบลงหลายส่วน รอยยิ้มสุภาพของเธอก็ได้กลับมาที่บนใบหน้าอีกครั้ง

เธอยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก่อนพูดว่า “เลยเวลามามากแล้ว ฉันต้องกลับบริษัทก่อน ขอตัวนะคะ”

ลู่เซิ่นยิ้ม “ในเมื่อคุณก็เป็นบุคคลสำคัญขององค์กร แล้วทำไมถึงรับบทเป็นประชาสัมพันธ์ที่รอบคอบแบบนี้ล่ะ”

ถังย่าไม่รู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดที่ไม่สมเหตุสมผลของเขา เธอกลับตอบไปว่า “ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ที่ดีก็เป็นหน้าที่ขององค์กรเหมือนกัน ฉันต้องทำให้สำเร็จแน่นอนอยู่แล้ว”

เธอไม่มีความตั้งใจที่จะปิดบังอะไรจากลู่เซิ่นอีกต่อไป

เมื่อฟังคำพูดเธอจบ ลู่เซิ่นก็รู้สึกขำเล็กน้อย

“ถังย่า ผมเพิ่งเห็นคนแบบคุณเป็นครั้งแรก คนที่จะยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือ เมื่อถูกใช้เสร็จ ก็ยังภักดีต่อไปได้ ผู้นำองค์กรของคุณเป็นใครกันนะ? ฉันอยากจะไปเรียนรู้จากเขาสักหน่อย ว่าเขาสอนคุณยังไง”

เขาได้ค้นพบแล้วว่า สำหรับ ถังย่าที่ดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกอะไร องค์กรกลับเป็นจุดอ่อนของเธอ

แค่พูดต่อว่าองค์กรต่อหน้าของเธอ ก็ดูเหมือนป้อมปราการเหล็กของเธอ ก็ได้พังทลายลงมาอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าหลังจากที่เขาพูดจบ ดวงตาของถังย่าดูมีความขุ่นเคืองเล็กน้อย

เธอหันหน้าไปมองลู่เซิ่น ก่อนกัดปากแน่น

“ประธานลู่” ถังย่าพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเครื่องมือ”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นกลับฟังดูผยองมากขึ้นเรื่อย ๆ “ผมไม่คิดว่าคุณจะไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ ถ้าหากคุณกับผมประมือกันจริงๆจะไม่ตกอยู่ในอันตราย ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าหากวันนี้ผมควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ คุณคิดเหรอว่าจะได้ออกไปจากที่นี่”

ถังย่าเหล่มองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท