Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1216

ตอนที่ 1216

บทที่ 1216 คลื่นลมสงบ

ประเทศF รีสอร์ทชิงหยวน

ขณะที่ลู่เซิ่นลืมตาขึ้น ท้องฟ้าเพิ่งจะมีแสงสว่างรำไร

เขาหยิบมือถือขึ้นมาด้วยความเคยชิน อยากจะดูว่าตอนนี้กี่โมง แต่เพิ่งจะปลดล็อกมือถือ เขาก็เห็นข้อความนั้นบนหน้าจอที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อวานนี้

พักผ่อนทั้งคืนแล้ว ตอนนี้อารมณ์ของเขานิ่งสงบขึ้นไม่น้อย

เขาจึงทำแค่ส่งต่อข้อความนั้นให้หลินหยัง

หลินหยังแทบจะตอบกลับมาในทันที “ครับ”

เขาเข้าใจความหมายของลู่เซิ่นอย่างรวดเร็ว เข้าใจว่าลู่เซิ่นต้องการให้เขาไปรับแหวน

แต่ในใจของเขายังคงอดไม่ได้ที่จะสับสน

เขาจำได้ชัด ตอนนั้นที่สั่งทำแหวน

ลู่เซิ่นต้องการทุกอย่างรวดเร็ว จึงสั่งทำแหวนไม่ทำ ทำได้แค่เลือกแบบสำเร็จที่ลู่เซิ่นพอใจมากที่สุด แก้ไขบางส่วน

ลู่เซิ่นทุ่มเทเลือกแหวนที่พอใจ สั่งให้ปรับสีและความกว้างของเรือนแหวน ร้านคาดว่า ต้องใช้เวลาแก้สองวันถึงจะเสร็จ เมื่อเสร็จแล้วจะแจ้งเขาให้ทราบ

หลินหยังเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็หยิบนามบัตรของตัวเองออกมา

ลู่เซิ่นไม่เคยให้หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัว คนที่รู้ช่องทางติดต่อส่วนตัวของเขานั้นหลินหยังนับได้ไม่กี่คน

สถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าต้องให้หมายเลขโทรศัพท์ของหลินหยัง

แม้แต่นามบัตรปกติที่ลู่เซิ่นใช้ก็เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของหลินหยัง ไม่ใช่ของเขาเอง

นึกไม่ถึงลู่เซิ่นจะทำมือ เรียกให้หลินหยังหยิบนามบัตรของเขาออกมา

นามบัตรของเขาแทบจะไม่เคยได้ใช้ ยังดีที่หลินหยังพกติดตัวไว้ตลอด ในที่สุดก็ได้หยิบออกมาใช้

ร้านไม่รู้ว่าทั้งสองคนทำอะไร เพียงแต่รับนามบัตรไปอย่างนอบน้อม รับปากว่าจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด

หลินหยังเห็นคนของร้านทำแหวนเดินไปแล้ว ในใจเข้าใจชัดแล้ว ลู่เซิ่นใส่ใจกับงานแต่งงานของตัวเองมากแค่ไหน

ใส่ใจทุกขั้นตอน จนต้องการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้…ตอนนั้นหลินหยังเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เสนอตัวก้าวก่ายมากเกินไปที่เกี่ยวกับงานแต่งงาน

แต่เขาคิดไม่ถึง แค่ไม่กี่วันต่อมา ตัวเองจะได้รับข้อความที่ลู่เซิ่นส่งต่อมา

เขารีบเลี้ยวกลับมาอย่างรวดเร็ว

คงเป็นเพราะตอนนี้ฉินซีหายตัวไป ลู่เซิ่นไม่มีใจจะคิดเรื่องอื่น เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ จึงให้เขาไปทำแทน

เมื่อคิดเช่นนี้ หลินหยังก็นิ่งขึ้น ออกไปรับแหวนตามที่อยู่ในข้อความนั้น

……

ลู่เซิ่นในขณะนี้ เพิ่งจะเดินออกจากห้องน้ำ ก็เห็นชุดแต่งงานที่วางในห้องรับแขก

ในหัวของเขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคำพูดเมื่อคืนวานของหลินยี่อีกครั้ง

เขารู้ดีถึงความต้องการส่วนตัวของหลินยี่ และรู้ดีว่าถ้าเขาตัดสินใจทำเช่นนั้นจริงๆ ก็จะเป็นเรื่องบ้าไม่น้อย

แต่ในช่วงหนึ่งเขาไม่อาจสลัดข้อเสนอของหลินยี่ทิ้งไปได้

ใช้วิธีประกาศว่าจะแต่งงานกับคนอื่นเพื่อดึงความสนใจจากฉินซี ลองทดสอบฉินซี เป็นวิธีที่งี่เง่าที่สุดเท่าที่ลู่เซิ่นเคยได้ยินมา

แต่เมื่อเห็นชุดแต่งงานที่วางบนโต๊ะ เขาไม่อาจหยุดครุ่นคิดถึงข้อเสนอนี้ได้

เขารู้ดี เมื่อดูจากนิสัยของฉินซี ต่อให้เธอตั้งใจไปจากเขา ถ้าหากเขาจะแต่งงานกับคนอื่นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ขึ้นมาจริงๆ เธอไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกอะไร

ถ้าหากเธอเป็นอิสระ เธอต้องกลับมาหาเขาแน่

แต่ถ้าเธอไม่มีอิสระล่ะก็…เช่นนั้นเธอจะต้องอยากกลับมาอย่างรุนแรงแน่

ตามที่ถังย่าพูด ฉินซีมีความสำคัญในใจของคนที่ชื่อ จ้านเซินนั่นไม่น้อย ถ้าหากฉินซีอยากจะรีบออกมา เธอคงจะมีทางทำให้เธอบรรลุเป้าหมายของตัวเองแน่

นอกจากข่าวแต่งงาน เขานึกไม่ออกว่าตัวเองจะมีข่าวอะไร เพียงพอที่จะกระตุ้นเป้าหมายของฉินซีได้เหมือนกัน

ลู่เซิ่นยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่า ความคิดเห็นที่ฟังเผินๆ เหมือนจะไร้สาระ แต่ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ทำให้เขาบรรลุเป้าหมายได้เร็วที่สุด

เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองหวั่นไหวกับข้อเสนอนี้ ลู่เซิ่นส่ายหน้า เดินออกไปข้างนอก

วันนี้เป็นวันที่หลินยี่ตรวจร่างกายซ้ำ ไม่ต้องให้ลู่โยวโยวโทรมาร้องไห้โวยวาย เขารู้ว่าตัวเองควรจะต้องไป

เขารับหลินยี่มานานแล้ว ตั้งแต่ลู่เซิ่นรู้ข่าว ทุกอย่างเหมือนคลื่นลมเงียบสงบ

ไม่ว่าจะเป็น มู่วี่สิงหรือคนอื่น ไม่มีใครตั้งใจหาเบาะแสของหลินยี่

ดูเหมือนไม่มีศัตรูจับตาหลินยี่แล้ว

เช่นนี้แล้ว ลู่เซิ่นก็ค่อนสบายใจขึ้นหน่อย

ตระกูลลู่แม้ว่าจะมีหมอดีแค่ไหน อุปกรณ์ทางการแพทย์เทียบกับที่โรงพยาบาลไม่ได้ บาดแผลภายนอกของหลินยี่แม้ว่าจะเกือบหายดีแล้ว ลู่เซิ่นจัดการให้เขาไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลจงซิน

ตอนที่ทั้งสองคนพบหน้ากันที่โรงพยาบาลจงซิน หลินยี่สมแล้วที่รู้จักกับลู่เซิ่นมานานขนาดนี้ แค่มองปราดเดียวก็มองลู่เซิ่นทะลุปรุโปร่ง “ว่าไง อารมณ์ไม่ดีเหรอ”

ลู่เซิ่นจะบอกเรื่องที่เขาเตรียมงานแต่งงานจนหัวระเบิดกับหลินยี่ไม่ได้ เขาแค่พยักหน้า ไม่พูดอะไรมาก

หลินยี่ก็ไม่ซักไซ้ ถูกอู๋ชิงเข็นเข้าไปตรวจโดยละเอียด

ลู่เซิ่นหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาทำงาน แต่ใจลอยเป็นพักๆ

เวินจิ้งก็มาเช่นกัน เธอนั่งที่อีกด้านหนึ่งถือมือถือ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร

ลู่โยวโยวคงจะไม่อยากมาพร้อมกับเวินจิ้ง จึงไม่ได้มาด้วย เพียงแต่โทรมาสั่งลู่เซิ่น ถ้ามีอะไรให้รีบโทรหาเธอ

ลู่เซิ่นรับคำ

ครึ่งวันเช้าผ่านไป ในที่สุดหลินยี่ก็ตรวจร่างกายเรียบร้อย เมื่อทราบผลก็เป็นที่น่าพอใจ

“บาดแผลของคนไข้ท่านนี้ประสานดีมาก อวัยวะภายในที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ก็ฟื้นตัวจนแทบเป็นปกติแล้ว แต่ยังมีอาการเลือดจางบ้าง คนไข้จะต้องบำรุงต่อไปครับ” หมอหยิบรายการขึ้นมาอ่านรายงานโดยละเอียด

ที่จริงพวกเขาดูออกว่าบาดแผลที่ทะลุร่างกายหลินยี่คือกระสุนปืน พวกเขาไม่รู้สถานะของหลินยี่ แต่รู้ว่าลู่เซิ่นเป็นใคร จึงไม่ซักถามอะไรมาก และตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องที่ตนรู้เห็นไว้

ลู่เซิ่นพยักหน้า สีหน้าคลายกังวล

เป็นเรื่องที่ทำให้ดีใจจริงๆ

ความดีใจของเวินจิ้งยิ่งเห็นได้ชัดกว่า

เธอลุกขึ้นเดินไปข้างหลินยี่ นั่งลง ก้มศีรษะใกล้เข่าของหลินยี่ กระซิบอะไรบางอย่างกับเขา

บรรยากาศของพี่น้อง อู๋ชิงรู้หน้าที่เดินออกไป ส่วนลู่เซิ่นก็ไปสูบบุหรี่ที่ห้องสูบบุหรี่

จนถึงเวลากลับ เวินจิ้งไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลือแต่หลินยี่นั่งบนรถเข็นอยู่ที่เดิม

เมื่อเห็นลู่เซิ่นเดินมา จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น “เมื่อกี้ที่นายนั่งตรงม้านั่งยาวกับเวินจิ้ง เหมาะกันมาก ว่าไง จะไม่ลองคิดอีกทีที่ฉันพูดเมื่อวานหรือไง”

ลู่เซิ่นไม่ได้โต้แย้งทันทีแบบเมื่อวาน สีหน้าปกติ เขาเพียงแต่เหลือบมองหลินยี่ ไม่ได้พูดอะไร

หลินยี่รู้ว่า นี่เป็นหลักฐานว่าลู่เซิ่นเริ่มหวั่นไหว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท