Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1212

ตอนที่ 1212

บทที่ 1212 รับเองกับมือ

หลินยี่อยากจะใช้การแต่งงานครั้งนี้ผูกมัดเวินจิ้ง ทำให้เธอเลิกคิดเรื่องในอดีต และไม่คิดถึงผู้ชายคนนั้นอีก

แต่ลู่เซิ่นจะยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือง่ายๆ ได้ยังไง

ถึงแม้ว่าข้อเสนอของหลินยี่สำหรับเขาแล้วใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเอาเสียเลย แต่เขาก็ไม่สามารถทำตามความต้องการของหลินยี่ได้ง่ายๆ

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ หลินยี่ย่อมเข้าใจความหมายของเขา จึงแค่ยักไหล่ “ฉันแนะนำอย่างนี้ ไม่ได้จะบังคับ นายจะทำมั้ย ก็คิดอ่านเองละกัน”

ลู่เซิ่นเพียงแค่พยักหน้า ทันใดนั้นคนรับใช้เคาะประตู

พ่อบ้านสั่งคนรับใช้ให้มาส่งอาหารมื้อค่ำ

ห้องครัวทำอาหารมาไม่น้อย ลู่เซิ่นจึงกวักมือเรียก ให้อู๋ชิงเข้ามากินด้วยกัน ในห้องเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ลู่เซิ่นกับหลินยี่จึงไม่หารือกันต่อไปอีก สามคนกินอาหารเงียบๆ เรียบร้อยแล้ว ลู่เซิ่นก็ลุกขึ้นออกไปจากห้องหลินยี่

พ่อบ้านยังคงรอที่ห้องโถง เมื่อเห็นลู่เซิ่นทำท่าจะกลับ ก็รีบเรียก “คุณชาย ดึกแล้ว ผมเตรียมห้องไว้ให้แล้วครับ”

อยู่พักผ่อนที่นี่ดีมั้ยนะ

ถ้าเป็นเวลาปกติ ถึงเวลามืดค่ำอย่างนี้ ลู่เซิ่นคงจะไม่ยืนกรานกลับรีสอร์ทชิงหยวน พยักหน้าตกลงค้างคืนที่บ้านตระกูลลู่

แต่ตอนนี้สถานการณ์ต่างกัน

ฉินซีไม่อยู่กับเขา เมื่อนึกถึงความจริงเรื่องนี้ เขามีแรงจูงใจให้ต้องกลับรีสอร์ทชิงหยวน

ไม่แน่…จู่ๆ ฉินซีก็กลับมาล่ะ

เธอไม่กลับมาบ้านตระกูลลู่แน่นอน ถ้าเธอกลับมารีสอร์ทชิงหยวน แต่ไม่เห็นเขาอยู่ที่นั่น จะต้องคิดมากแน่

ลู่เซิ่นไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

ลู่เซิ่นจึงโบกมือ ปฏิเสธข้อเสนอของพ่อบ้าน ขึ้นรถให้คนขับรถมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ทชิงหยวน

บ้านตระกูลลู่ไกลจากรีสอร์ทชิงหยวนพอสมควร คนขับรถใช้เวลาตั้งนาน ในที่สุดก็ถึงรีสอร์ทชิงหยวน

พ่อบ้านรีสอร์ทชิงหยวนเมื่อเห็นเขากลับมาดึกขนาดนี้ก็รู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่รับเสื้อนอกของเขา เดินเข้าไปที่ห้องโถงตึกใหญ่พร้อมกับเขา

วันนี้เขาได้รับข้อมูลมากมายเหลือเกิน ลู่เซิ่นรู้สึกอ่อนเพลีย อยากจะรีบพักผ่อน

นึกไม่ถึงเพิ่งเดินเข้าไปในห้องโถงเห็นกล่องใบใหญ่วางอยู่

ลู่เซิ่นแปลกใจหันไปมองพ่อบ้าน พ่อบ้านรีบอธิบาย “พัสดุกล่องนี้ส่งมาให้คุณครับ พวกเราไม่กล้าเปิดโดยพลการ การ์ดใช้เครื่องตรวจจับโลหะแล้ว ไม่มีปัญหา พวกเราเลยเอามาวางที่นี่ รอให้คุณกลับมาเปิดเองครับ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วสงสัย

เขาแทบไม่เคยจัดการพัสดุเอง ปกติหลินหยังจะเป็นคนรับของที่ส่งมาให้เขา ถ้าไม่ใช่ของสำคัญหลินหยังก็จะจัดการเอง ถ้าเป็นของที่ต้องให้เขาจัดการเอง หลินหยังก็จะทำความสะอาดกล่องจนแน่ใจว่าปลอดภัย และฆ่าเชื้อแล้ว ค่อยเอามาให้เขา

เขาจึงไม่ได้จัดการกับพัสดุด้วยตนเองมานานมากแล้ว

ลู่เซิ่นเองก็งุนงง เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครส่งของมาให้เขา และยังส่งมาที่รีสอร์ทชิงหยวน ไม่ใช่ส่งไปที่บริษัท แถมยังเป็นพัสดุกล่องใหญ่ขนาดนี้ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนของธรรมดา

เขายืนอยู่ที่เดิมคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ลู่เซิ่นก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยื่นมือไปจับป้ายที่อยู่นอกกล่อง

กล่องนั้นหุ้มห่อสวยงามมาก ต่างจากกล่องพัสดุธรรมดาที่โยนไปโยนมาจนสกปรก กล่องสีขาวบริสุทธิ์ไม่เปรอะเปื้อนแม้แต่นิดเดียว ผูกริบบิ้นสีขาว ดูแล้วประณีตมาก

ป้าย หรือเรียกว่าการ์ดใบเล็กๆ ติดกับริบบิ้น ด้านนอกมีซองจดหมายสีเงินเสียบอยู่ ลู่เซิ่นไม่ลังเล ยื่นมือไปเปิดออก

แต่เมื่อเขาก้มดูแวบหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไป

“ขออวยพรคู่บ่าวสาวมีความสุขมากๆ”

ในที่สุดลู่เซิ่นก็รู้ว่าของที่อยู่ข้างในกล่องคืออะไร

นั่นคือชุดแต่งงานที่เขาให้หลินหยังสั่งให้ฉินซี

คิดให้ละเอียด เวลาเพียงไม่กี่วันก่อน ตอนที่เขานอนกระสับกระส่ายที่เมืองหนาน คิดว่าเมื่อกลับมาแล้วจะทำอย่างไรเพื่อจัดงานแต่งงานที่ทำให้ฉินซีประทับใจไปตลอดชีวิต และยังโทรไปหาหลินหยังกลางดึก สั่งให้เตรียมพิธีแต่งงานของตัวเอง เมื่อออกมาจากคุกก็ไม่คิดอะไรทั้งนั้น จำได้แต่ว่าเร่งให้หลินหยังไปสอบถามขนาดตัวของฉินซีเพื่อสั่งตัดชุดแต่งงานล่วงหน้า

ทีแรกเขาคิดว่าจะใช้งานแต่งงานครั้งนี้เซอร์ไพรส์ฉินซี แต่เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงฉินซีกลับเป็นฝ่าย “เซอร์ไพรส์” เขาก่อน ด้วยการหายตัวไป

นับแต่วินาทีที่รู้ว่าเธอหายตัวไป ลู่เซิ่นแทบจะไม่ได้คิดเรื่องอื่น เรื่องที่ตั้งใจจะจัดงานแต่งงานถูกลืมไปเสียสนิท

แต่เมื่อเห็นชุดแต่งงานที่ส่งมา ทุกอย่างก็แล่นกลับมาอยู่ในหัวของลู่เซิ่น

ตอนที่เขาอยู่ที่เมืองหนานจิตใจจดจ่อกับการวางแผนงานแต่งงานสมบูรณ์แบบให้ฉินซี ตอนนั้นฉินซีกำลังทำอะไรอยู่นะ

พบกับจ้านเซิน หลังจากกันมานาน พูดคุยกันหวานชื่นหรือไม่นะ

ลู่เซิ่นที่จิตใจนิ่งสงบมาตลอดคืน เมื่อเห็นชุดแต่งงาน ความโกรธในใจก็ถูกจุดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

ไม่ใช่สิ เมื่อเทียบกับความโกรธแล้ว เรียกว่าความอิจฉาจะเหมาะสมกว่า

เขารู้ว่า ฉินซีสูญเสียความทรงจำ นึกอะไรไม่ออก จึงไม่ได้ตั้งใจปิดบังเขา ไม่บอกสถานะของตัวเอง และรู้ด้วยว่าตอนนี้ฉินซีจำทุกอย่างได้แล้ว คงจะไม่มีหนทาง จึงไม่ติดต่อกับตัวเอง

แต่ทั้งหมดนี้คือวิธีคิดที่สมองของลู่เซิ่นควบคุม

ความรู้สึกในใจของเขาพลุ่งพล่าน ไม่อาจถูกสมองควบคุม

เขาเข้าใจเหตุผลทุกอย่าง รู้เรื่องทั้งหมด แต่ยังคงรู้สึกน้อยใจ กระทั่งรู้สึกโกรธ

เพราะหลายวันมานี้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นห่วงฉินซี หลังจากถังย่าเปิดเผยความจริง มันช่างน่าขัน เพราะตัวเองตั้งอกตั้งใจวางแผนจัดงานแต่งงาน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องที่ฉินซีหายตัวไป เขาดูเหมือนเป็นตัวตลก

พ่อบ้านยืนข้างหลังลู่เซิ่น แม้ว่าจะไม่เห็นสีหน้าของลู่เซิ่น แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขามีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

รออยู่นานหลายนาที ลู่เซิ่นยังคงยืนนิ่ง เขาอดไม่ได้ลองถามขึ้น “ประธานลู่ พัสดุนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

เพราะคำถามของพ่อบ้าน ลู่เซิ่นค่อยมีสติคืนมา

เขายิ้มเหมือนเยาะตัวเอง ส่ายหน้า “พัสดุไม่มีปัญหาอะไร”

ที่มีปัญหา คือตัวเอง

“อย่างนั้น…” พ่อบ้านสีหน้าลังเล จะถามต่อ ลู่เซิ่นก็สั่งขึ้นมาก่อน

“ช่วยเอากล่องนี้ขึ้นไปวางที่ห้องผมด้วย”

พ่อบ้านสีหน้าแปลกใจ แต่ด้วยความเป็นพ่อบ้านมืออาชีพ จึงไม่ปากมากซักถาม เพียงแต่พยักหน้ารับทราบ “ครับ ผมจะเอาขึ้นไปให้ครับ”

ลู่เซิ่นเหลือบมองกล่องของขวัญสีขาวบริสุทธิ์ แล้วดึงสายตากลับ เดินตรงขึ้นบันไดไป

เขาเหนื่อยเหลือเกิน ต้องการอาบน้ำอุ่น ให้ตัวเองผ่อนคลาย

ถึงจะมีกำลังและจิตใจ จัดการเรื่องที่ประเดประดังเข้ามาหลังจากนี้

พ่อบ้านมองตามด้านหลังเขา สายตามีแววสับสน

เขายังคงหันไปอย่างคนที่เคารพในหน้าที่ เรียกคนรับใช้สองคน “เอาขึ้นไประวังหน่อยนะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท