Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1206

ตอนที่ 1206

บทที่ 1206 ถ้าหากเด็กหญิงคนนี้คือ ฉินซี

ทำไมตอนเช้าถังย่าถึงพูดว่า “ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาเธอได้ทุกเมื่อ?”

เพราะเธอคาดเดาเอาไว้แล้วว่าลู่เซิ่นจะไปที่นั้นและตรวจสอบกล้องวงจรปิด

ถ้าหากลู่เซิ่นมีความสามารถในการหาภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่อยู่รอบๆได้ แล้วการหาผู้ชายคนนั้น ไม่ช้าก็เร็วก็คงเจอ

แต่เธอก็ไม่ได้เร่งรีบ พูดตรงๆก็คือ รอให้ลู่เซิ่นเจอทุกอย่าง แล้วค่อยมาหาเธอ

“ในเมื่อพวกคุณไม่กลัวที่จะทิ้งเบาะแสไว้ให้ผมเจอ พวกคุณโทรหาผมเพื่อบอกทุกอย่างไม่ดีกว่าเหรอ” ลู่เซิ่นพูดด้วยเสียงเยาะเย้ย “ทำไมต้องทำอะไรให้มันซับซ้อน? ถ้าหากผมไม่เอะใจเบาะแสที่คุณทิ้งไว้ หรือผมไม่ตั้งใจที่จะสืบหาล่ะ?”

ถังย่ายังคงยิ้มอย่างแผ่วเบา “มันก็หมายความว่าคุณฉินไม่มีความสำคัญกับคุณยังไงละคะ”

ในที่สุดเธอก็เอ่ยชื่อฉินซีขึ้นมา ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว พลันน้ำเสียงของเขาก็เย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด “ฉินซีอยู่กับคุณจริงๆ!”

ถังย่าโบกมือ “อย่าเพิ่งกังวลเลยค่ะประธานลู่ ฟังเรื่องราวที่ฉันจะเล่าให้คุณฟังก่อนดีไหมคะ”

ลู่เซิ่นมองเธอ

แต่ในสายตาที่จับผิดคนของเขา ถังย่ายังคงยิ้มจางๆ ราวกับว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเหมือนเดิมเลย

ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะหนึ่งและในที่สุดลู่เซิ่นก็พูดขึ้น “พูดมา”

ถังย่าดูเหมือนจะคาดเดาคำตอบของลู่เซิ่นเอาไว้ก่อนแล้ว เธอยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นคุณต้องอดทนรอให้ฉันเล่าให้เสร็จ แล้วค่อยถาม”

ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก ไร้คำตอบ

ถังย่าไม่สนใจเขา ก่อนที่จะเริ่มพูด

“สิ่งที่คุณพูดถูกทุกอย่าง ผ้าเช็ดหน้าและกล้องวงจรปิด เป็นหลักฐานที่เราทิ้งไว้ให้คุณเจอ” ถังย่ายิ้มจาง “ถ้าคุณตั้งใจที่จะค้นหามันต่อไป คุณก็จะเจอแน่นอน เพียงใช้คอนเน็กชั่นเล็กๆน้อยๆ ก็จะเจอว่าองค์กรของเรามีอยู่จริงๆ ฉันเคยพูดกับคุณไว้อย่างนั้น รอให้คุณพบเจอทุกอย่าง แล้วค่อยมาหาฉัน”

ลู่เซิ่นยังคงมองเธออย่างเงียบๆ ด้วยดวงตาที่เย็นชา

“ถึงมันจะค่อนข้างน่ารำคาญ และซับซ้อนไปสักหน่อย จริงๆก็เป็นบททดสอบอย่างหนึ่งของคุณล่ะนะ” ถังย่าพูดเหมือนเป็นเรื่อง “ถ้าหากคุณสนใจคุณฉินไม่มากพอ หรือไม่มีปัญญาหาองค์กรของเรา พวกเราก็คงไม่จำเป็นต้องอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังหรอกนะ”

ลู่เซิ่นหรี่ตาลง

ทั้งหมดทั้งมวลที่ถังย่าพูดมา ก็คงเป็นการประเมินเขาเล็กๆน้อยๆ

ตั้งแต่ตอนที่เขาลืมตาดูโลกจนถึงตอนที่เขาเข้ามาดูแลตระกูลลู่ ลู่เซิ่นอยู่ในตำแหน่งที่ต้องเป็นผู้ประเมินคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกประเมินเสียเอง ทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยภายในใจเขา

แต่เขาก็ไม่ได้พูด

เขากำลังรอให้ถังย่าพูดถึงฉินซี

ถังย่ายิ้มเล็กน้อย และเมื่อเธอพูดอีกครั้ง เธอก็เอ่ยชื่อฉินซีขึ้นมาจริงๆ

“แต่คุณเจอทุกอย่างเร็วเกินไป มันทำให้พวกเราค่อนข้างแปลกใจนะ คุณฉินคงสำคัญสำหรับคุณมากจริงๆ”

หลังจากที่ฟังเธอพูดเรื่องไร้สาระมานาน ในที่สุดลู่เซิ่นก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้อีก เขาขมวดคิ้ว ก่อนพูด

“ตอนนี้ฉินซีอยู่ที่ไหน? พวกคุณเอาฉินซีไปไว้ไหน”

แต่ถังย่าก็ไม่ได้รีบร้อนตอบกับคำถามของเขา น้ำเสียงของเธอยังคงเอื่อยๆไม่มีความเร่งรีบ “ประธานลู่ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ คุณสนใจคุณฉินจริงๆ ฉันเข้าใจแล้ว แต่คุณเคยคิดไหม ว่าสำหรับคุณฉินแล้ว คุณสำคัญกับเธอหรือเปล่า?”

ใบหน้าของลู่เซิ่นเคร่งขรึมทันที “หมายความว่าอะไร?”

ถังย่ามองตรงไปที่ลู่เซิ่นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ดูเหมือนว่ายิ่งเขาโกรธมากเท่าไหร่ถังย่าก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

“คุณเคยคิดบ้างไหม ว่าที่คุณฉินความจำเสื่อม ไม่ใช่เพราะแม่ของเธอกระโดดตึก?”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วมุ่น “หมอตรวจสอบแล้วว่าจริง เขาไม่โกหกฉันแน่”

ถังย่าส่ายหัว “หมอไม่ได้โกหกคุณก็จริง แต่ว่า ถ้าหากมันมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น และเขาไม่สามารถบอกเหตุผลการวินิจฉัยที่แท้จริงให้คุณได้ล่ะ”

ลู่เซิ่นมุ่นคิ้ว มองไปยังถังย่า “อะไรคือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด?”

ถังย่าพยักหน้า “อย่างเช่น ถ้าหากความทรงจำนี้ ไม่ได้หายไปเพราะสมองสั่งการเอง แต่เป็นเพราะ มีคนปิดกั้นความทรงจำส่วนนั้นของเธอล่ะคะ”

ลู่เซิ่นเข้าใจทุกคำที่ถังย่าพูด แต่เมื่อเอามาเชื่อมต่อกันมันก็ทำให้เข้าใจยากขึ้นเล็กน้อย

“ปิดกั้นความทรงจำ?” เขาย้ำ

ถังย่ายิ้ม “ฉันเลยบอกยังไงล่ะ ว่าไม่ต้องรีบร้อนกังวลใจ รอให้ฉันเล่าให้จบก่อน คุณจะเข้าใจ”

สีหน้าลู่เซิ่นมืดมนลง แต่เขาก็ไม่พูดโต้แย้งอะไรออกไป

ถังย่าเห็นว่านี่เป็นการยอมเงียบของลู่เซิ่น เธอจึงเล่าต่อ

“สาวน้อยคนหนึ่ง ที่เข้าร่วมในค่ายฝึกเมื่อตอนเธออายุได้สิบขวบ ในระหว่างการฝึกเธอโดดเด่นขึ้นมาเพราะความสามารถในการสังเกตและความจำที่เป็นเลิศ” ถังย่ายังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่รีบร้อน “หลังจากผ่านไปสามปี เธอก็สามารถผ่านการประเมินและก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกในองค์กรอย่างเต็มตัว”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว

สาวน้อย?

ใคร?

ฉินซี?

แน่นอนว่าเขารู้ว่าถังย่าจะไม่เล่าเรื่องไร้สาระขึ้นมาในตอนนี้ แต่สิ่งที่ถังย่าพูดอยู่ตอนนี้มันค่อนข้างแปลก

ถ้าสาวน้อยคนนี้คือ ฉินซี …

แล้วตอนอายุได้สิบสาม ก็เข้าร่วมเป็นสมาชิกในองค์กร?

เมื่อเห็นว่าลู่เซิ่นต้องการถามคำถาม ถังย่าจึงโบกมือไม่ให้เขาพูด ก่อนพูดต่อ “ตั้งแต่อายุสิบสามเรื่อยไปจนถึงยี่สิบปีเธอเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร และทำงานให้องค์กรโดยสำเร็จมาตลอด แต่มีครั้งหนึ่ง …เหตุการณ์กู้ระเบิดที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองหนาน หน้าที่ของเธอตอนนั้นคือต้องหารหัสกู้ระเบิด เพื่อให้ตำรวจสามารถรื้อระเบิดส่วนใหญ่ได้ และเพื่อที่จะให้งูมันออกมาจากโพรง เลยต้องเหลือระเบิดไว้เพื่อให้มันระเบิดตรงเวลา ”

ใบหน้าของลู่เซิ่น มืดลงทันที

ถังย่า เธอกำลังพูดถึงใคร เขาสามารถแน่ใจได้

คนที่เธอกำลังพูดถึงคือ ฉินซี

เหตุการณ์ระเบิดของนิทรรศการภาพถ่ายของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองหนาน บนโลกนี้คงไม่มีเรื่องที่มันบังเอิญแบบนี้

เหตุการณ์ครั้งนั้น เป็นตอนที่เขาเจอฉินซีครั้งแรกหรือไม่?

ตอนนั้นที่เธอกล้าหาญและมีท่าทีไม่หวั่นต่อสิ่งใด ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนกล้าหาญ อาจแต่เป็นเพราะ … เธอรู้ทุกอย่างแล้ว

ลู่เซิ่นรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไร

ในเวลานั้นเขาเห็นฉินซีแตกต่างจากคนอื่น มันเป็นแค่การแสดงของเธอ

แต่ตอนนี้รู้เหตุผลหมดแล้ว … ถ้าการแสดงของเธอและตัวตนสัมพันธ์กับใจที่เต้นครั้งแรกของเขา

ดูเหมือนจะเป็นไร้สาระ

แม้ว่าจะมีความคิดมากมายดังก้องอยู่ภายในใจของเขามากมายก็ตาม หากแต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย เพื่อไม่ให้ถังย่าเห็นความผิดปกติ

ถังย่ายังคงเล่าเรื่องราวของเธอ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่เร่งรีบ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท