Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1213

ตอนที่ 1213

บทที่ 1213 ยากที่จะลืม

หลังจากลู่เซิ่นอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นกล่องสีขาวใบนั้นวางอยู่ในห้องแล้ว

เขาไม่รีบเดินไปดู แต่เช็ดผมให้แห้ง นั่งลงที่มุมหนึ่งของโซฟา หลับตาลงช้าๆ

เขายังจดจำได้ดี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันที่สั่งชุดแต่งงาน

หลังจากเข้าไปพบกับเวินจิ้งในคุก ในใจลู่เซิ่นไม่มีความคิดอื่น คิดแต่เพียงอย่างเดียว ทำอย่างไรถึงจะจัดงานแต่งงานยิ่งใหญ่ให้ฉินซี มอบภาพงานที่เมื่อเธอคิดขึ้นครั้งใดในชีวิตนี้ ยากที่จะลืม

เขาเร่งหลินหยังซ้ำๆ “คุณไปถามขนาดเสื้อผ้าของฉินซีกับคนรับใช้รีสอร์ทชิงหยวน แล้วไปหาร้านตัดเย็บที่ดีที่สุดสั่งตัดชุดแต่งงาน”

หลินหยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องน่าปวดหัวอย่างงานแต่งงาน จึงไม่รู้ความวุ่นวายในระหว่างทาง รีบเร่งไปทำตามที่ลู่เซิ่นกำชับ

แต่ผ่านไปไม่นาน เขาก็ทำหน้ายุ่งกลับมาหาลู่เซิ่น “ประธานลู่ สั่งตัดชุดแต่งงานดีที่สุดต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนถึงจะเสร็จครับ ถ้าหากคุณรีบ เกรงว่าจะไม่ทัน…”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว “สามเดือนเชียวหรือ”

หลินหยังหลุบตา พยักหน้า

สีหน้าลู่เซิ่นยุ่งยาก

แน่นอนว่าเขาไม่ระเบิดอารมณ์ตามอำเภอใจ เขาเองที่ลืมว่าของที่ต้องสั่งทำต้องเตรียมล่วงหน้า จะไม่พอใจคนอื่นได้อย่างไร

แต่หลินหยังเห็นสีหน้าของลู่เซิ่น เกรงว่าเขาจะไม่พอใจ รีบอธิบายเสริม “ผมติดต่อกับดีไซเนอร์หลายคนทำให้เราเป็นพิเศษ พวกเขามีชุดแต่งงานสำเร็จรูปหลายแบบ แก้ไขชุดตามขนาดของคุณผู้หญิงได้ ร่นเวลาเหลือไม่กี่วัน อย่างนี้ได้มั้ยครับ”

สีหน้าลู่เซิ่นยังคงไม่พอใจ

เขาอยากจะจัดงานแต่งงานสมบูรณ์แบบไร้ที่ติให้ฉินซี เช่นนั้น…ดูเหมือนต้องยอมปล่อยวางบางอย่าง

คิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่เซิ่นพยักหน้า “เอาชุดพวกนั้นมาให้ผมดูละกัน”

หลินหยังผ่อนคลายลง รีบส่งรูปให้ดู

ที่จริงลู่เซิ่นไม่เข้าใจเรื่องเสื้อผ้ามากนัก

ตระกูลลู่มีทีมที่รับผิดชอบดูแลภาพลักษณ์ของคนตระกูลลู่โดยเฉพาะ พวกเขารับผิดชอบซื้อเสื้อผ้า จัดการทรงผมของลู่เซิ่น แมทช์เสื้อผ้ากับเครื่องประดับแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นลู่เหวยหรือลู่เซิ่น แทบไม่ได้ใส่ใจรูปลักษณ์ภายนอก ทุกวันแค่กวาดตามองเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าที่จัดชุดเตรียมไว้เรียบร้อย เลือกชุดที่ไม่ขัดตามาใส่ก็พอ มีแต่สูหยิงที่กระตือรือร้นพูดคุยกับทีมนั้น

แม้ว่าลู่เซิ่นจะไม่เคยใส่ใจเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนนั้นกลับตั้งอกตั้งใจพลิกดูภาพชุดแต่งงานหลายสิบรูปที่ตัวเองไม่มีความรู้ ดูชุดแต่งงานแต่ละแบบ มีคำถามมากมาย

ในตอนแรกหลินหยังพยายามอธิบาย แต่เมื่อคำถามของลู่เซิ่นซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เขารับมือไม่ไหว ได้แต่ให้ลู่เซิ่นติดต่อกับดีไซเนอร์ เพื่อให้เขาสนทนากับดีไซเนอร์เอง

อันที่จริงจะตำหนิหลินหยังก็ไม่ได้ เพราะคำถามของลู่เซิ่นแปลกประหลาด อย่างเช่น “ชุดแต่งงานชุดนี้เปิดเผยความสวยงามของโครงไหล่ฉินซีได้มั้ย” คำถามเช่นนี้ หลินหยังจนปัญญาที่จะตอบได้

ลู่เซิ่นไม่เคยจริงจังกับรายงานใดๆ ขนาดนี้ แต่กลับจริงจังกับการเลือกชุดครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็เลือกชุดแต่งงานหางปลา

หลังจากตกลงเรื่องขนาดกับดีไซเนอร์เรียบร้อย ลู่เซิ่นกำชับให้อีกฝ่ายรีบทำงาน ก่อนวางสาย

“ฉินซีใส่ชุดนี้ จะต้องสวยแน่ๆ”

ลู่เซิ่นยังคงจำได้ดีตอนที่ตัวเองพูดประโยคนี้ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และหลินหยังพยักหน้าเห็นด้วย

สำหรับหลินหยังแล้ว คงจะโล่งใจ งานที่ยากลำบากจบแล้ว นึกไม่ถึงเขาเตรียมตัวจะผละไป กลับถูกลู่เซิ่นเรียกไว้

“คุณอย่าลืมเตือนทางนั้นนะ ให้ส่งชุดไปรีสอร์ทชิงหยวน ผมจะรับชุดเอง”

หลินหยังสีหน้าแปลกใจ แต่พยักหน้าตอบรับ “ครับ”

……

พอนึกย้อนถึงตรงนี้ สาเหตุที่พัสดุกล่องนี้มาปรากฏที่รีสอร์ทชิงหยวนในตอนนี้ ก็ชัดเจนแล้ว

ลู่เซิ่นถอนหายใจ ลุกขึ้น เดินไปที่กล่องของขวัญ

เดิมทีเขาคิดไว้ ตอนนี้ฉินซีควรจะอยู่กับเขา

เขาควรจะขอฉินซีแต่งงานด้วยอารมณ์เปี่ยมล้น จากนั้นยิ้มมองเธอแกะกล่องของขวัญ

รอจนเธอเห็นชุดแต่งงานข้างใน จะต้องดีใจจนน้ำตาริน

หรืออย่างน้อยก็ต้องซาบซึ้งจนทำตัวไม่ถูก

แต่ทั้งหมดนี้…กลายเป็นเพียงจินตนาการของเขา

ตอนนี้เขายืนอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ไร้ความรู้สึกแต่อย่างใด ไม่มีอารมณ์อยากจะแกะกล่องของขวัญ

ลู่เซิ่นหลับตา ระงับความรวดร้าวที่ปะทุขึ้นอีกครั้งในใจ ตัดสินใจจับหัวของริบบิ้น ดึงริบบิ้นที่ไม่ได้ผูกซับซ้อนออก ไม่ให้โอกาสตัวเองลังเล ยื่นมือไปหยิบฝาปิดกล่องออก

ชุดแต่งงานที่เขาคัดเลือกกับมือวางอยู่ตรงหน้า

ลูกไม้ทำมือ อัญมณีที่ประดับอย่างประณีต ส่องประกายวิบวับใต้แสงไฟ

แต่คนที่ควรจะสวมชุดนี้ กลับไม่อยู่ที่นี่

ลู่เซิ่นจ้องมองชุดแต่งงานเนิ่นนาน ไม่ยื่นมือไปจับ แต่กลับหยิบฝากล่องมาปิดดังเดิม

เขาจะรอจนเจ้าของชุดแต่งงานกลับมา

ฉินซีควรจะเป็นคนแรกที่ได้สัมผัสชุดนี้

ก่อนถึงเวลานั้น ใครก็ห้ามแตะ

เพียงแค่ดูชุดแต่งงาน เรื่องง่ายๆ เช่นนี้กลับทำให้ลู่เซิ่นต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มี

ความอ่อนล้าจากการอดหลับอดนอนหลายวัน จนถึงตอนนี้เหมือนจะระเบิดออกมา แม้แต่เดินยังโซเซ ล้มตัวลงบนโซฟา ผล็อยหลับไป

แต่ยังไม่ทันไร มือถือก็สั่นขึ้น

ลู่เซิ่นลืมตาแทบไม่ไหว แต่ยังคงหยิบมือถือขึ้นมาเหลือบดู

เบอร์ที่ส่งข้อความมาเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น

เนื้อหาในข้อความสั้นเหมือนดาบ รวมกับชุดแต่งงานที่วางตรงนั้น ทิ่มแทงใจของลู่เซิ่น

“เรียนคถณลู่ แหวนที่ท่านสั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรุณามารับที่ร้านของเรา หรือเลือกใช้บริการจัดส่ง กรณีที่ท่านเลือกบริการจัดส่ง จะ…”

รายละเอียดต่อจากนั้น ลู่เซิ่นไม่ได้อ่านโดยละเอียด

เขาไม่รู้ว่าความโกรธพรั่งพรูมาจากไหนน ทำให้เขาขว้างมือถือทิ้ง เหมือนหลบลี้ภัยพิบัติใหญ่

เขารู้สึกว่าทั้งหมดนี้ช่างไร้สาระ รู้สึกว่าตัวเองจริงจังขณะที่อีกฝ่ายเย็นชา รู้สึกว่าการที่ตอนนี้ฉินซีไม่อยู่กับตัวเอง…ทำให้การกระทำทุกอย่างของเขามีรสชาติของความเศร้า

ลู่เซิ่นไม่ใช่คนที่ชอบเปิดเผยอารมณ์ เมื่อพบอุปสรรคอย่างมากก็เพียงขมวดคิ้ว

แต่เวลานี้ เขารู้สึกว่าต้องหาทางระเบิดอารมณ์อัดอั้นในใจออกมา

ความเป็นห่วงฉินซีตลอดหลายวันมานี้ ความกระทบกระเทือนใจที่รู้ว่าฉินซีเป็นสมาชิกขององค์กร เกิดความอิจฉาจากการยั่วยุของจ้านเซิน จนควบคุมไม่ได้ เมื่อเห็นชุดแต่งงานและแหวนที่ตัวเองตั้งใจจัดเตรียมแล้วจึงรู้สึกไร้สาระ

ความรู้สึกหลากอารมณ์ประดังเข้ามา แม้จะเป็นเขา ก็รู้สึกว่ารับไม่ไหว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท