Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1224

ตอนที่ 1224

บทที่ 1224 มีวิธีหนี

“เข้ามาสิ” คนที่อยู่ในห้องพูดเสียงเรียบ

แต่ฉินซีกลับตกใจ ท่าทางก็เปลี่ยนไประวังมากยิ่งขึ้น

เธอยืนนิ่งที่ประตูห้องตรวจ ในใจคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะกลับไปนั้นมีมากน้อยแค่ไหน

แต่กว่าที่เธอจะคิดได้ ประตูห้องตรวจก็เปิดออก

คนสวมชุดกาวน์จับที่บานประตูพลางมองลงมาที่ฉินซี “มาหาฉันไม่ใช่เหรอ”

เมื่อฉินซีเห็นว่าไม่สามารถซ่อนตัวได้ เธอจึงใช้ความหิวของตัวเองมาเป็นข้ออ้าง “ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย เลยจะมาดูว่ามียาให้กินไหม”

นี่เป็นสาเหตุที่เธอจงใจไปที่โรงอาหารวันนี้ และจุดประสงค์ที่ออกมาก่อนเวลา

เธอจงใจทำให้ทุกคนรู้ว่าวันนี้เธอไม่สบาย เพราะหากมีคนจับได้ก็จะได้มีเหตุผลไว้อธิบาย

คนสวมชุดกาวน์ยักไหล่ ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรกับคำพูดของเธอ พูดขึ้น “เข้ามาคุยกันข้างในสิ”

ฉินซีมองไปรอบๆอย่างระมัดระวังพลางเดินตามเขาเข้าไป

ห้องตรวจไม่ได้แตกต่างไปจากที่มาครั้งก่อนนัก อย่างน้อยก็ในสายตาของฉินซี หลังจากที่คนสวมชุดกาวน์บอกให้เธอเข้าไป ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธออีก เขาเดินไปที่กองเครื่องจักรพวกนั้น ไม่รู้ว่ากำลังพิมพ์อะไรอยู่บนแป้นพิมพ์

ฉินซีรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้จะพูดอะไร เธอจึงเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยปาก “คุณรู้ว่าทำไมฉันถึงมาหาคุณ”

มือของคนสวมชุดกาวน์ยังคงพิมพ์ไม่หยุด แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้น “ฉันไม่รู้”

ฉินซีเม้มปาก ไม่มัวพูดอ้อมค้อม พูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้ว่าจะหนีออกไปจากที่นี่ยังไง”

มือของคนสวมชุดกาวน์หยุดนิ่ง เขาเงยหน้ามองเธอจากนั้นก็เอ่ยถาม “เธอบอกว่าไม่สบายไม่ใช่เหรอ ไม่สบายตรงไหน”

ฉินซีเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่ระมัดระวัง “ฉันปวดหัวนิดหน่อย”

คนสวมชุดกาวน์ใช้คางชี้ไปทางเตียง “งั้นเธอขึ้นไปบนเตียงก่อน เดี๋ยวฉันตรวจให้”

ฉินซียืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นอนลงบนเตียงตามที่เขาบอก

ครั้งนี้คนสวมชุดกาวน์ไม่ได้มาพร้อมกับแผ่นแปะเหมือนครั้งที่แล้ว แต่มาพร้อมกับเครื่องฟังตรวจ

เขาเข้ามาใกล้มาก มากถึงจุดที่ฉินซีคิดว่าไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้ขนาดนี้ เขาเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “เธออยากไปงั้นเหรอ”

ฉินซีไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดที่จะเปิดเผยทุกอย่างในเวลานี้ เธอเพียงแต่ถามกลับอย่างระมัดระวัง “คุณมีวิธีไปจากที่นี่งั้นเหรอ”

คนสวมชุดกาวน์หัวเราะเบาๆ “แน่นอนว่าฉันเป็นอิสระ”

ฉินซีไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองไปที่เขา

คนสวมชุดกาวน์รู้ได้ทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร แต่เขากลับไม่พูดอะไรออกมา เขาเปลี่ยนไปหยิบเครื่องวัดความดันเลือดเพื่อวัดความดันให้ฉินซี จากนั้นจู่ๆก็เอ่ยขึ้น “ถ้าเธออยากไปจากที่นี่ ฉันก็พอจะมีลู่ทาง”

ฉินซีมองเขาอย่างระมัดระวัง ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

คนสวมชุดกาวน์พูดขึ้นแต่กลับไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่แก้สายรัดวัดความดันเลือดที่แขนของเธอออก จากนั้นก็ก้มหน้าเขียนสองสามประโยคลงบนกระดาษ “ทำตามกำหนดการนี้ กลับไปพักสักนิดก็หายแล้ว”

ฉินซีรับกระดาษโน้ตมาพลางกวาดสายตา สีหน้าของเธอผงะจากนั้นมันก็ถูกเธอซ้อนเอาไว้อย่างรวดเร็ว เธอพยักหน้าพลางพูดขึ้น “ค่ะ”

“งั้นก็กลับไปพักได้แล้ว” คนสวมชุดกาวน์ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว จากระยะไกลนี้ เขามองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้งซึ่ง ฉินซีไม่สามารถเข้าใจได้

ฉินซีลุกขึ้นจากเตียง แต่ไม่ได้รีบออกไป แต่กลับเดินไปหาคนสวมชุดกาวน์ ถามขึ้นด้วยเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “คุณ…ชื่ออะไรเหรอ”

คนสวมชุดกาวน์ยิ้มเล็กน้อย “คำถามนี้รักษาอาการปวดหัวเธอไม่ได้หรอกนะ”

เมื่อพูดจบเขาก็หันกลับไปที่กองเครื่องจักรของตัวเอง

ฉินซีรู้ว่าตัวเองไม่สามารถถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติมได้ เธอจึงหยิบกระดาษโน้ตและกลับไปที่ห้องของตัวเอง

เธอปิดประตูอย่างระมัดระวัง ฉินซีครุ่นคิดพลางเดินไปที่ห้องน้ำ จากนั้นจึงค่อยๆเปิดกระดาษโน้ตดูอย่างละเอียด

“เป็นเหมือนฉันเมื่อไหร่ เธอถึงจะไปจากที่นี่ได้”

ฉินซีจ้องมองคำเหล่านี้เป็นเวลานาน

เธอไม่สามารถเข้าใจความหมายของประโยคนี้ได้โดยทันที

แต่เธอก็รู้อีกเช่นกันว่าไม่สามารถเก็บกระดาษโน้ตนี้ไว้ได้

ดังนั้นฉินซีจึงแช่กระดาษให้เปียกก่อน แล้วจึงฉีกเป็นชิ้นๆทิ้งลงชักโครก

หลังจากแน่ใจว่าทิ้งเศษกระดาษพวกนั้นไปหมดแล้ว ฉินซีจึงเปิดประตูและเดินออกไป

ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท เธอไม่มีโทรศัพท์มือถือ ทีวีก็ดูไม่ได้ ช่วงเย็นการไม่มีแพลนอะไรทำให้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูนั่นนี่ในหอพัก

แต่คืนนี้เธอไม่ได้เชยชม ไฟในห้องปิดอยู่ เธอเพียงแค่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างอย่างเงียบๆ มองไกลออกไป

เมื่อเห็นท่าทางของคนสวมชุดกาวน์ในวันนี้ มันแสดงออกว่าเขารู้เจตนาของตัวเธอเองมานานแล้ว

แต่…เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขาคอยช่วยเธอมาโดยตลอด ทำไมวันนี้กลับไม่พูดอะไรเลยล่ะ

ฉินซีกลอกตาพลางคิดได้ว่า…ที่ห้องตรวจมีกล้องวงจรปิด

อาจเป็นเพราะทุกการเคลื่อนไหวของเขาถูกบันทึกเอาไว้ เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่ยอมพูดอะไรออกมาและทำได้แค่ยื่นกระดาษโน้ตให้ตัวเองเท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงเกิดคำถามใหม่ขึ้น…สิ่งที่เขาเขียนในกระดาษโน้ตนั้น หมายความว่าอย่างไร

เป็นเหมือนกับเขาอย่างนั้นเหรอ

ฉินซีครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นในใจของเธอ เธอเข้าใจแล้ว

ที่คนสวมชุดกาวน์บอกว่าเขาสามารถออกไปจากที่นี่ได้ นั่นก็เพราะว่าตอนที่เขาไปทำงาน แน่นอนว่าต้องออกไปได้สิ

เป็นเหมือนกับเขา…นั่นหมายความว่าหากเธอได้รับโอกาสได้ทำงาน เธอก็จะสามารถออกจากไปได้

จะกำจัดองค์กร ขั้นแรกต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน

ทันใดนั้นความจริงก็กระจ่างแก่ฉินซี คิ้วของเธอค่อยๆคลายออก

แผนการค่อยๆปรากฏขึ้นในใจของเธอ

เธอหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านไปพลางๆ ก่อนจะหลับไปโดยไม่รู้ตัว

……

เช้าวันรุ่งขึ้น เธอไม่ได้ถูกปลุกด้วยนาฬิกาปลุกของตัวเอง แต่ตื่นขึ้นเพราะใครบางคน

“ฉินซี”

เสียงนี้มัน…

ฉินซีลืมตาขึ้นทันที ก็สบตากับจ้านเซินพอดี

จ้านเซิน…กลับมาแล้วเหรอ

ฉินซีถอยไปด้านหลังโดยทันที เมื่อออกห่างจากจ้านเซินแล้วเธอก็ค่อยๆลุกขึ้นนั่งตัวตรง

เธอไม่สามารถบ่นเรื่องการเข้า-ออกห้องตามอำเภอใจโดยไม่บอกกล่าวของจ้านเซินได้ ทำได้เพียงแค่เหล่มองเขาอย่างระแวดระวัง “มีอะไร”

“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ” ท่าทางของจ้านเซินดูสุขุมมาก เขาเป็นฝ่ายถอยหลังไปสองสามก้าว ราวกับว่ารับรู้ได้ถึงการระวังตัวของฉินซี

แต่ท่าทีของเขาไม่ได้ทำให้ฉินซีรู้สึกสบายใจ เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างระมัดระวัง ล้างหน้าล้างตาเสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกมา

จ้านเซินยังคงนั่งอยู่บนโซฟา ไม่ออกไปไหน

…เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มาเพื่อปลุกเธอให้ตื่นเพียงเท่านั้น

ฉินซีตั้งสติพลางเดินไปหยุดที่ด้านข้างของเขา “คุณมาหาฉันมีธุระอะไร”

จ้านเซินเลื่อนสายตามองมาที่เธอ จากนั้นไม่นานก็เริ่มเอ่ยปาก “ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ก็แค่…มีเรื่องอยากจะถามเธอ”

ฉินซีรู้สึกไม่ดีโดยสัญชาตญาณ แต่ก่อนที่เธอจะถามว่าเรื่องอะไร จู่ๆประตูหอพักก็ถูกเปิดออก

คนที่เข้ามาก็คือ…คนสวมชุดกาวน์

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท