Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1215

ตอนที่ 1215

บทที่ 1215 ผมกล้าทำทุกอย่าง

เมื่อเห็นฉินซีหยิบจานอาหารขึ้นมาจ้านเซินยิ้มพอใจ เขาไม่ไปไหน แต่ลากม้านั่ง มานั่งข้างเตียงฉินซี ทำท่าจะนั่งดูจนกว่าเธอจะกินหมด

ฉินซีทำเป็นไม่มีเขาอยู่ กินอาหารทีละคำ

ความอยากอาหารไม่ค่อยมากนัก เดิมเธอไม่อยากกินอาหารอยู่แล้ว เมื่อถูก จ้านเซินจ้องมองทำให้ไม่อยากกิน จึงกินลวกๆ ไม่กี่คำ ก็วางช้อนลง

สีหน้า จ้านเซินไม่พอใจอีกครั้ง “คุณกินน้อยขนาดนี้ ร่างกายจะไหวได้ยังไง”

ฉินซีไม่ตอบเขา เพียงแต่ชายตามองเขาเย็นชา ทันใดนั้นพูดขึ้น “ทำไมคุณไม่ให้ฉันออกจากห้องนี้”

จ้านเซินเลิกคิ้ว เหมือนคิดไม่ถึงว่าเธอจะถามตรงๆ จึงไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่ถอนหายใจ “ฉินซี คุณไปจากที่นี่แค่ปีเดียว เปลี่ยนไปมาก เมื่อก่อนเรื่องในองค์กร คุณไม่เคยถามมาก คุณ…”

“คุณตอบคำถามฉันมาดีกว่า ไม่อย่างนั้นก็เชิญออกไป” ฉินซีขัดคำพูดของจ้านเซินอย่างรำคาญ

จ้านเซินไม่เคยเจอคนทำเช่นนี้ สีหน้ายิ่งไม่พอใจ เขาหายใจเข้าหลายครั้ง ถึงค่อยสงบสติได้ หันไปมองฉินซี สีหน้าเย็นชา “เรื่องพาคุณกลับมาที่นี่เป็นเรื่องจำเป็น ตามแผนเดิม ผมควรจะพาคุณไปสาขาที่ห่างไกล รอคุณรักษาหายแล้ว ค่อยพากลับมา ตอนนี้คุณเพิ่งตื่น ยังไม่ได้สร้างความภักดีต่อองค์กร สำนักงานใหญ่มีความลับการทดลองมาก ให้คุณเดินเพ่นพ่าน…ไม่ปลอดภัย”

ฉินซีอดไม่ได้ยิ้มเย็นชา “ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าฉันไม่ได้ภักดีต่อองค์กรแล้ว งั้นคุณบังคับฉันมาจะมีความหมายอะไร สู้ให้ฉันไปแต่แรกไม่ดีกว่าหรือ คุณพูดมาตรงๆ เถอะ จะออกจากองค์กรต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง ฉันทำตามขั้นตอนก็ได้!”

จ้านเซินขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึม “ฉินซี คุณเพิ่งตื่น และยังเพิ่งจำทุกอย่างได้ ผมให้เวลาคุณได้ ให้คุณจำได้ว่าตอนแรกใช้ชีวิตที่นี่อย่างไร รอคุ้นเคยทุกอย่างแล้ว คุณก็จะรู้ ทำไมผมทำอย่างนี้”

ฉินซียิ้ม “จ้านเซินทำไมคุณมั่นใจขนาดนี้ ฉันจะภักดีองค์กรอีกมั้ย ทำไมคุณมั่นใจมากกว่าฉันอีก”

จ้านเซินถอนหายใจเบาๆ หันไปมองฉินซี “เพราะผมจัดชั้นเรียนใหม่เพื่อคุณ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีค่อยๆ หายไป ไม่อยากจะเชื่อ มองจ้านเซิน“คุณจะให้ฉันกลับไปเรียนงั้นหรือ”

จ้านเซินพยักหน้ายืนยัน “มีบางเรื่อง ที่คุณลืมในช่วงหนึ่งปีมานี้ ผมไม่ว่าคุณ ถึงได้ให้พวกเขาสอนคุณใหม่ รอเรียนจบ คุณก็จะจำได้ ความตั้งใจที่เข้าองค์กรมาในตอนแรก”

ฉินซีขมวดคิ้วแน่น “คุณอยากจะล้างสมองฉันอีกครั้งหรือ จ้านเซินคุณกล้าทำอย่างนี้ได้ยังไง!”

จ้านเซินสีหน้ากลับสงบนิ่งกว่าเธอมาก

เขาแค่ยืนขึ้น หยิบชามช้อนของฉินซี ลุกขึ้น

กระทั่งเดินไปถึงหน้าประตู ค่อยพูดขึ้นเบาๆ

“ฉินซี เพื่อให้คุณกลับมา ผมกล้าทำทุกอย่าง”

หลังพูดจบ เขาก็เปิดประตู เดินออกไป

เหลือฉินซีเพียงลำพัง จ้องมองประตูอย่างไม่กล้าเชื่อ

…คลาสเรียน

เธอย่อมรู้ดีว่า จ้านเซินพูดถึง คลาสเรียนอะไร

คลาสเรียนที่เธอต้องเข้าทุกวันตั้งแต่อายุสิบสามถึงสิบแปด

หรือพูดได้ว่า เทียบกับการเข้าเรียนแล้ว พูดว่าล้างสมองจะตรงกว่า

ครูที่มาสอนใช้น้ำเสียงประหลาดป้อนแนวคิดบางอย่างในสมองของพวกเขา ทำให้พวกเขาลืมความสามารถส่วนบุคคล วางองค์กรในตำแหน่งสำคัญที่สุด

ตอนนั้นฉินซีอาศัยความรักของเหยาหมิ่น จึงฝืนรักษาตัวเอง ไม่ถูกทำให้หวั่นไหว

แต่ตอนนี้ เหยาหมิ่นไม่อยู่แล้ว เธอต้องใช้วิธีอะไรรักษาความเป็นตัวเอง

ฉินซีหลับตา ค่อยๆ เอนหลังลงบนเตียง

ที่จริงคำตอบเห็นชัดอยู่แล้ว

ลู่เซิ่น

เธอต้องอาศัยเขา รักษาจิตใจของตนเองให้เหลือความเป็นคน ความรู้สึกพื้นฐานที่สุดพวกนั้น

ไม่ใช่ผ่านคลาสเรียนแล้ว เปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง เป็นเครื่องมือที่ดีขององค์กร

เธอนอนบนเตียงครึ่งหลับครึ่งตื่นทั้งวัน ตอนกลางคืน จ้านเซินไม่ได้มาส่งข้าวเอง แต่เป็นคนเฝ้าประตู

ฉินซีไม่มีกะจิตกะใจจะโต้เถียงอะไร เพียงแต่รับข้าวมา กินไม่กี่คำ ก็วางลง

คนนั้นไม่กล้าพูดอะไร เก็บจานชามแล้วปิดประตูออกไป

ในห้องกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง

ฉินซียืนที่หน้าต่าง มองออกไปนอกหน้าต่างท้องฟ้ามืดมิด ในใจเหมือนขาดวิ่นเป็นรูใหญ่

เธอไม่มีความหวังมากนักว่าลู่เซิ่นจะหาตัวเองเจอ

เธอรู้ดี จ้านเซินพาตัวเองมาที่นี่ จะต้องลงแรงไปมากแน่นอน ไม่มีทางยอมให้ใครแกะรอยเจอได้ง่ายๆ

ถ้าหาก จ้านเซินใช้วิธีต่างๆ เพื่อปิดบังร่องรอย คนรอบข้างคงไม่มีทางได้ข้อมูลว่าเธออยู่ที่ไหน ถ้าอยากจะหาให้เจอ คงจะต้องใช้เวลาและพลังไม่น้อย

ต่อให้ลู่เซิ่นยังคิดถึงเธอบ้าง ก็คงไม่ทุ่มเทมากขนาดนั้นเพื่อหาตัวเธอให้เจอ

อีกอย่างหนึ่ง ต่อให้ลู่เซิ่นรู้ว่าเธออยู่ที่นี่จริง ก็ไม่แน่ว่าเขาจะมาช่วยเธอหนีไป

เธอรู้ดี ต่อให้เป็นตระกูลลู่ ก็ไม่อาจต่อกรกับองค์กรโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

มากไปกว่านั้น…ถ้าลู่เซิ่นรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่องค์กร ย่อมต้องรู้ สถานะของเธอแล้ว

เขาจะเข้าใจผิดว่าเธอเต็มใจกลับมาที่นี่หรือเปล่านะ จะคิดว่าเธอไม่อยากไปจากที่นี่หรือเปล่า

ฉินซีไม่มั่นใจสักนิด

ถ้าแม้เธออยากจะให้มีคนช่วยหนีไป แต่…เขาจะทำได้อย่างไร

แม้อำนาจตระกูลลู่ล้นฟ้าร่ำรวยมหาศาล แต่อำนาจเบื้องหลังองค์กรซับซ้อนมาก

ที่เกาะห่างไกลอิสระจากอำนาจทุกประเภท อำนาจตระกูลลู่ทำอะไรไม่ได้

ฉินซียิ่งคิด ยิ่งรู้สึก เธอจะพึ่งพาลู่เซิ่นพาหนีไปจากที่นี่แทบเป็นไปไม่ได้

เธอถอนหายใจเบาๆ เดินกลับไปทางเตียงของตัวเอง

หรือว่าจะต้องพึ่งตัวเอง

ต่อให้ไม่ใช่เพื่อลู่เซิ่น เธอก็ต้องทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของฟางฟางไปจากที่นี่

องค์กรคือกรงที่กักขังอิสรภาพของเธอ

เธอไม่มีทางยอมกลายเป็นนกในกรง

เธอจะต้องหาทางหนีไปให้ได้

ส่วนจ้านเซิน…

ฉินซีเหมือนจะครุ่นคิดแต่ละเงื่อนไข ขมวดคิ้ว

ตั้งแต่นาทีที่ จ้านเซินใช้วิธีบังคับเธอให้ออกมาจากรีสอร์ทชิงหยวน เพื่อกลับมาที่นี่ เขาน่าจะรู้แล้ว

ฉินซีกับเขา ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว

ฉินซีไม่ใช่คนที่จะถูกข่มขู่ได้ เธอไม่มีทางยอมทิ้ง อิสรภาพของตัวเอง

ถ้าหากจะพูดว่าเมื่อก่อนเธอยังมีความรู้สึกดีด้วยสักนิด และยังเคยหวั่นไหว

แต่ตอนนี้ จ้านเซินสำหรับเธอแล้ว ไม่สำคัญอะไรกับเธอแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท