Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1233

ตอนที่ 1233

บทที่ 1233 สูญเสียสติ

ความโกรธทำให้คนขาดสติ

ในห้องน้ำความคิดเหล่านั้นถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปหมด ฉินซีกำลังคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร จะไปหาลู่เซิ่นได้อย่างไร จะถามให้เข้าใจได้อย่างไร

ตอนแรกเธอไม่สนใจการทรยศของลู่เซิ่น เพราะเธอรู้ว่า ตอนนั้นเธอกับลู่เซิ่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน

ไม่มีการแต่งงาน ไม่ใช่คู่รัก ดังนั้นสิ่งที่ลู่เซิ่นทำ ก็เพียงทำให้เธอผิดหวังเท่านั้น

แต่ถ้าลู่เซิ่นทำอะไรแบบนั้นระหว่างแต่งงานกัน …

ฉินซีกำมือขึ้นมา จนเกิดเสียงดังท่ามกลางความมืด

เธอไม่สามารถให้อภัยการทรยศต่อการแต่งงานของเธอได้

ไม่ว่าจะเป็นเพราะเงาของการแต่งงานของพ่อแม่ของเธอ หรือความหลงใหลในตัวเธอเอง ถ้าการทรยศของลู่เซิ่นเป็นการแต่งงานจริงๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่ฉินซีจะจากไปง่ายๆ

โชคดีที่ตอนนี้ทั้งห้องมืดลง ไม่อย่างนั้นถ้าจ้านเซินเห็นท่าทางของเธอตอนนี้ ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเธอคงจะสูญเปล่า

และฉินซีได้ตัดสินใจแล้ว

… เธออยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

อย่างน้อยก็ต้องถามลู่เซิ่นให้เข้าใจ ว่าเขาทรยศต่อการแต่งงานหรือไม่

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินซีตื่นเช้ามาก

ไม่รู้ว่าทำไม จ้านเซินจึงยืนเฝ้าอยู่ที่ประตูแต่เช้า แทนที่จะผลักประตูเข้าไปเหมือนแต่ก่อน

แน่นอน สำหรับฉินซีแล้ว สองคนนี้ไม่มีความแตกต่างระหว่างกันมากนัก

“นี่คุณ…” ฉินซีเลิกคิ้วด้วยความสับสน

จ้านเซินยิ้ม “วันนี้คุณเปลี่ยนตารางอีกแล้วไม่ใช่หรอ ผมมาดูว่าคุณปรับตัวได้จริงหรือเปล่า”

เขาพูดพลางสแกนใบหน้าของฉินซีอย่างอยากรู้อยากเห็น

ฉินซีเข้าใจความตั้งใจของเขาทันที

เขาอยากจะดูว่าทุกอย่างที่ทำไปเมื่อคืนนั้นเป็นการแกล้งหรือไม่ ตอนที่เขาออกไป เธอไม่ได้นอนใช่หรือไม่

ฉินซีดีใจที่เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนไม่หลับ ดังนั้นจึงไม่มีอาการเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเธอ

เธอจึงยิ้มจางๆ “ขอบคุณค่ะ”

จ้านเซินก็ดูพอใจมากกับผลลัพธ์ที่เขาเห็น ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย และถอยหลังออกไป “ดูเหมือนว่าคุณจะปรับตัวเข้ากับตารางเวลาใหม่ได้ดี งั้นคุณรีบไปทานอาหารเช้าเถอะ ผมยังมีเรื่องที่ต้องไปทำ ไปล่ะ”

ฉินซีพยักหน้า และหัวเราะเย็นๆในใจ ขณะที่มองเขาเดินจากไป

เพียงแค่เธอรักษาระดับการแสดงออกของเธอดีๆ แม้จะเจอกันระหว่างทาง เขาก็จะไม่มีทางรู้สึกผิดปกติอะไร

กำหนดการใหม่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก

ในช่วงเวลานี้ ความสามารถเดิมของเธอกลับสู่ระดับเดิมแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกเหนื่อยเกินไป เมื่อต้องทำแบบทดสอบเหล่านี้

ส่วนงานเดิมของเธอ…

เธอก็เริ่มค่อยๆฝึกฝนทักษะก่อนหน้านี้อีกครั้ง

แม้แต่คนที่จู้จี้จุกจิกที่สุด ก็ยังรู้สึกว่าฉินซีปรับตัวเข้ากับชีวิตขององค์กรได้อย่างสมบูรณ์

ดูเหมือนเธอจะกลายเป็นคนแบบที่องค์กรต้องการที่สุด นั่นก็คือหุ่นยนต์ที่ไม่มีอารมณ์ มีเพียงความภักดีต่อองค์กรเท่านั้น

เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ฉินซีก็เงยหน้าขึ้นมามองปฏิทิน ก่อนจะพบว่าเธออยู่บนมาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว

เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วจากวันนั้นที่เธอเห็นข่าวว่าลู่เซิ่นกำลังจะแต่งงาน

ฉินซีรู้สึกงงเล็กน้อย

แม้ว่าจะมีการติดตั้งทีวีในห้องนอน แต่ฉินซีก็กลัวว่าตัวเองจะหลุด ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ดูข่าวใดๆที่เกี่ยวข้องกับลู่เซิ่นเป็นพิเศษ

ในอาคารสำนักงานใหญ่แห่งนี้ เธอรู้สึกได้ว่ารอบตัวมีการจับสังเกตอย่างใกล้ชิด ทำให้เธอแทบไม่สามารถซ่อนตัวได้

เมื่อเธอได้ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำเท่านั้น ที่จะทำให้รู้สึกปลอดภัยได้ชั่วคราว

แม้ว่าเธอจะได้รับข่าวสารจากโลกภายนอก แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่า…ตอนนี้ลู่เซิ่นเป็นยังไงบ้าง

ลู่เซิ่นในประเทศ F ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าหน้าต่างบ้านตระกูลลู่

ในข่าวรายงานได้ถูกต้อง เขาไม่ได้กลับไปพักผ่อนที่รีสอร์ทชิงหยวนช่วงนี้

เพราะเมื่อเขากลับไป…เขาก็นึกถึงฉินซีขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

เลิกกันแล้วสามเดือน

เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคันธนู และกำลังจะถึงขีดสุด

ถ้าเขาไม่สามารถเจอฉินซีได้อีก….

ลู่เซิ่นกำมือแน่น แล้วคลายออก

เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ในตอนแรกเขาพบกันเพียงครั้งเดียวในช่วงสั้นๆ แต่เขาก็สามารถอดทนตามหาได้เป็นปี และมาที่ประเทศ F โดยเฉพาะ

ตอนนี้พวกเขาแต่งงานกันแล้ว และจากกันไปเพียงแค่สามเดือน แล้วเขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร

เขาจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำให้ฉินซีปรากฏตัว

หลังจากที่ฉินซีปรากฏตัว …

ลู่เซิ่นรู้สึกว่าเขาโกรธเล็กน้อย และอาจจะเจ็บปวดเล็กน้อยด้วย

แต่ความคิดเหล่านี้มักจะฉายผ่านมาในใจของเขา และหายไป

เขาไม่ชินกับการปล่อยใจไปตามอารมณ์

แทนที่จะคิดว่าเขาจะทำยังไงในวันที่ฉินซีกลับมา เขากลับอยากทำอย่างอื่นมากกว่า ทำอะไรที่ทำให้เข้าใกล้การค้นหาฉินซีให้เจอมากขึ้น

แต่นี่ก็เป็นเวลาสามเดือนแล้ว….กลับไม่มีอะไรคืบหน้าเลย

สำนักงานใหญ่ขององค์กรถูกซ่อนไว้อย่างแน่นหนา แม้ว่าลู่เซิ่นจะใช้การติดต่อทั้งหมดของเขา เขาก็ไม่พบข่าวใดๆเลยสักนิด ในทางตรงกันข้ามมันกลับทำให้สูหยิง และลู่เหวยตื่นตกใจ

สูหยิงยังโทรมาถามเขาเป็นพิเศษว่า ทำไมเขาถึงตามหาองค์กรนั้นจริงจังขนาดนี้

ในเวลานั้น เหตุผลที่หลินยี่จัดหาให้มีความสำคัญมาก

“แม่” ลู่เซิ่นพูดอย่างใจเย็น “แม่จำการระเบิดที่เกือบคร่าชีวิตหลินยี่ และผมได้ไหม หลินยี่พบเบาะแสบางอย่างว่ากันว่ามันทำโดยองค์กรที่ผมกำลังตามหา ผม…ปล่อยผ่านไม่ได้”

หลังจากที่เขาพูดแบบนี้ สูหยิงก็ไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไป และปล่อยให้เขาทำมันต่อ

สูหยิงคิดไม่ถึงว่าลู่เซิ่นจะใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างในการเอาชนะตัวเอง

แต่แม้ว่าลู่เซิ่นจะค้นหาอย่างละเอียด แต่องค์กร “เฟิง” นี้ก็ดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นในอากาศ ไม่ทิ้งเงาอะไรไว้เลย

แม้แต่สำนักงานใหญ่ยังหาไม่เจอ นับประสาอะไรกับร่องรอยของฉินซี

ลู่เซิ่นรู้แค่ว่าฉินซียังมีชีวิตอยู่ แต่…อย่างอื่น เขาไม่รู้อะไรเลย

เธอโอเคไหม เจ็บปวดไหมที่ถูกสะกดจิตให้จำทุกอย่างได้ เธอจะเคยชินกับการอยู่ที่นั่นหรือไม่

เขามีคำถามมากมายที่เขาอยากจะถามฉินซีต่อหน้า แต่เขาหาเธอไม่เจอ ดังนั้นเขาจึงได้แต่อดกลั้นไว้ในใจ

“นายมาที่นี่ทำไมกันแน่ มากินลมชมวิวห้องฉันหรอ”

เสียงของหลินยี่ขัดจังหวะความคิดของลู่เซิ่น

เขาค่อยๆหันมองไปที่หลินยี่ “นายรู้ไหมว่าวันนี้คือวันอะไร”

หลินยี่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร เขาเพียงแค่เลิกคิ้ว และพูดว่า “อะไร วันเกิดนายหรอ”

ลู่เซิ่นยิ้มเบาๆ พวกเขาเป็นพี่น้องกันมาหลายปี เขาจึงรู้ว่าหลินยี่เพียงแค่แกล้งทำตัวโง่ เพื่อให้เขาเป็นคนเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นมาเอง

ดังนั้นลู่เซิ่นจึงไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป เขาพูดไปตรงๆว่า “วันนี้เป็นวันที่ฉินซีหายตัวไปครบสามเดือนพอดี และฉันสัญญากับนายว่า ถ้าฉินซีไม่ปรากฏตัว มันจะเป็นวันแต่งงานของฉันกับเวินจิ้ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท