Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1234

ตอนที่ 1234

บทที่ 1234 ความเงียบของเธอ

หลังจากที่ลู่เซิ่นพูดจบ ห้องก็เงียบลงทันที

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินยี่ค่อยๆหุบลง

ในช่วงสามเดือน ร่างกายของเขาเกือบจะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว เขายังคงนั่งอยู่บนรถเข็น เพื่อรักษาขาที่หักให้หายสนิทเท่านั้น

แต่ถึงแม้เขาจะนั่งอยู่ ดวงตาของเขาก็จริงจังมาก เมื่อเขามองไปที่ลู่เซิ่น

“นายคิดดีแล้วหรอ” หลินยี่หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะถาม

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงแค่ก้มหน้า และยิ้ม ก่อนจะพูดถึงหัวข้อที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องแทน “ตอนฉันเลิกงานวันนี้ ฉันได้รับอะไรบางอย่าง”

หลินยี่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นมา โดยไม่ตอบ

ลู่เซิ่นไม่สนใจที่เขาไม่ตอบ เขาพูดกับตัวเองว่า “คนที่โทรมาคือถังย่า”

หลินยี่หรี่ตา “เธอให้นายดูอะไรเกี่ยวกับฉินซีหรอ”

ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก และพยักหน้า “ใช่ เธอให้ฉันดูวิดีโอ”

ฉินซีในวิดีโอดูมีสุขภาพดี และไม่มีความทุกข์ แทบจะตรงกันข้ามกับเขาที่กังวล และนอนไม่หลับเกือบทุกวัน

ลู่เซิ่นไม่ได้พูดคำพูดเหล่านี้ออกมา

แต่หลินยี่ดูเหมือนจะรู้อะไรขึ้นมา

“ดังนั้นนายถูกกระตุ้นด้วยวิดีโอนี้ จึงยอมแต่งงานกับน้องสาวของฉันใช่ไหม” หลินยี่เลิกคิ้วสูง และมองลู่เซิ่นขึ้นลง “นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายสามารถทำได้”

ลู่เซิ่นยิ้มจางๆ และมองไปที่หลินยี่ “ตั้งแต่ฉันเห็นฉินซี ฉันทำอะไรแล้วเหมือนฉันบ้าง”

หลินยี่รู้สึกจุกขึ้นมากับคำพูดนี้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ลู่เซิ่นทำในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “จริง”

ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้น และหันเดินไปที่หน้าต่างอีกครั้ง “ที่นายพูดตอนนั้น ที่กระจายข่าวว่าฉันกับเวินจิ้งแต่งงานกันบางทีมันอาจจะไปกระตุ้นฉินซี และทำให้เธอปรากฏตัว ตอนนั้นฉันยังลังเล เพราะไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าฉินซีจะมา แต่….พอวันนี้ถังย่าส่งวิดีโอมา ฉันถึงค่อยมั่นใจในเรื่องนี้”

ตอนนี้หลินยี่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “นายกำลังจะบอกว่า ถังย่าบอกว่าฉินซีมีชีวิตที่อิสระงั้นหรอ”

ลู่เซิ่นส่ายหัว “เธอไม่ได้พูดแบบนั้น แต่ดูจากวิดีโอ ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น”

ความระแวงปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของหลินยี่ “เป็นไปได้ไหมว่าถังย่ากำลังหลอกอยู่”

ลู่เซิ่นดูเหมือนจะคิดเกี่ยวกับคำถามนี้มานานแล้ว จึงถามว่า “หลอกฉันแล้วได้อะไร”

หลินยี่ขมวดคิ้ว และพูดว่า “ถ้าเธอแค่โกหกนาย จริงๆแล้วฉินซีไม่ได้เป็นอิสระ ส่วนนายก็ประโคมข่าวมากมายว่ากำลังจะแต่งงานอีกครั้ง อย่างนี้แล้วปล่อยให้ฉินซีเห็นว่านายแต่งงานกับคนอื่น แล้วถ้าเกิดเธอหมดใจขึ้นมา จะทำยังไง”

ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับคนอื่น”

หลินยี่รู้สึกสับสนกับเขาอย่างจัง “ไม่สิ เมื่อกี้นายเพิ่งพูดเองว่าตกลงแต่งงานกับเสี่ยวจิ้ง แล้วทำไมจู่ๆถึงบอกไม่แต่งแล้ว จะเอายังไงกันแน่ พูดมาดีๆ”

ลู่เซิ่นส่ายหัวทิ้ง โดยไม่ตอบอะไร จากนั้นก็เดินไปที่ประตู และผลักไปทางอู๋ชิง แล้วพูดว่า “ช่วยไปบอกคุณเวินจิ้งมาหน่อย”

อู๋ชิงเหลือบมองไปที่หลินยี่ และเห็นว่าเจ้านายของเขาพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงเดินไปที่ประตูอีกบานที่ทางเดิน และเคาะประตู

หลินยี่หรี่ตามองลู่เซิ่น “นายต้องการพูดตรงๆกับเสี่ยวจิ้งหรอ”

ลู่เซิ่นยิ้ม “ไม่ ฉันต้องการปรึกษากับทั้งสองคน”

เวินจิ้งมาถึงประตูห้องนอนของหลินยี่อย่างรวดเร็ว เธอเคาะประตูเบาๆ และเมื่อเธอเดินเข้าไป เธอก็พบว่าลู่เซิ่นอยู่ที่นั่นด้วย ลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีก็เกิดขึ้นในใจของเธอทันที

แต่ตอนนี้เธอ และหลินยี่อาศัยลู่เซิ่นกินอยู่ เธอจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้า และทักทายลู่เซิ่น “ประธานลู่”

ลู่เซิ่นพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับ และหลินยี่ก็กวักมือเรียกเธอ “มานี่ นั่งลงข้างพี่นี่”

เวินจิ้งไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็ยังทำตาม

เมื่อเธอนั่งลงอู๋ชิงก็ปิดประตู ลู่เซิ่นเหลือบมองไปที่สองพี่น้องที่นั่งอยู่ด้วยกัน และค่อยๆเปิดปากของเขา

“เวินจิ้งคุณจำสิ่งที่ผมพูด ตอนที่ผมกำลังจะช่วยคุณออกจากคุกเมืองหนานได้ไหม”

ลู่เซิ่นพูด พลางกวาดตามองไปที่เวินจิ้ง

สีหน้าของเวินจิ้งเริ่มแข็งขึ้น มือของเธอบีบมุมเสื้อโดยไม่รู้ตัว และไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็เงยหน้าขึ้น และพูดว่า “แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้สัญญากับคุณ”

“โอ้” ลู่เซิ่นหัวเราะ “คุณรู้จักการกลับคำด้วยหรอ ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถเอาเสียงบันทึกให้คุณฟังก็ได้นะ ให้คุณคิดย้อนกลับไปว่า ตอนที่อยู่เมืองหนาน คุณทำท่ายังไง”

เวินจิ้งเม้มปาก

เธอไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแต่งงานของลู่เซิ่นโดยตรง แต่….ต่อหน้ามู่วี่สิงเธอไม่ได้ปฏิเสธข่าวที่ว่าเธอจะไปกับลู่เซิ่น และเธอก็ไม่ได้ห้ามลู่เซิ่นเรียกตัวเองว่า “ภรรยา”

ความเงียบของเธอ ถือเป็นการยอมรับ

เพราะตอนนั้นเธอกังวลเกี่ยวกับหลินยี่ และความปรารถนาของเธอที่จะมาประเทศ F นั้นแข็งแกร่งกว่าสิ่งอื่นใดดังนั้นเธอจึงไม่สนใจรายละเอียดเหล่านี้เป็นธรรมดา

แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า ลู่เซิ่นจะบันทึกทั้งหมดนี้ไว้

เวินจิ้งก้มหน้าลง และไม่พูด แต่หลินยี่กลับเป็นคนพูดแทน “ลู่เซิ่น พูดดีๆ จะแกล้งเสี่ยวจิ้งทำไม”

ลู่เซิ่นยิ้ม และหันไปมองหลินยี่ “นายตกลงให้เวินจิ้งแต่งงานกับฉันใช่ไหม”

หลินยี่มีสีหน้าตื่นๆ และไม่ได้ตอบคำถามของเขาในทันที แต่ถามว่า “นายกำลังทำอะไรอยู่”

ลู่เซิ่นยิ้มรับ และพูดทีละคำ “ฉันจะประกาศว่า ฉันจะแต่งงานกับเวินจิ้ง”

ทันทีที่เขาพูดจบ เวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วมองเขา “ฉันยังไม่ได้ตกลงแต่งงานกับคุณ!”

หลินยี่ก็พูดช่วย “ลู่เซิ่น ตอนนั้นฉันหวังว่านายจะได้แต่งงานกับเสี่ยวจิ้งจริงๆ แต่คุณไม่เหมาะที่จะแต่งงานกับเธอในสถานการณ์นี้ …ทำไมนายยังดึงดันอยู่ได้!”

ลู่เซิ่นยกมุมปากยิ้ม แต่ไปไม่ถึงดวงตาของเขา “ฉันจะประกาศว่าฉันจะแต่งงานกับเวินจิ้ง แต่….ฉันไม่ได้จะแต่งงานจริงๆ”

หลินยี่ยังคงมึนงง แต่เวินจิ้งกลับมีปฏิกิริยาที่เร็วกว่าเขา

“คุณกำลังจะแต่งงานหลอกๆกับฉัน”

เธอความประหลาดใจเล็กน้อย

ลู่เซิ่นส่ายหน้า “มันไม่ใช่การแต่งงานหลอกๆกับคุณ ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือ….ผมอยากขอยืมชื่อคุณ”

ครั้งนี้เวินจิ้งไม่ได้พูด แต่หลินยี่รีบพูด “นายหมายความว่ายังไง นายกำลังทำอะไรอยู่”

ลู่เซิ่นหันศีรษะมองไปที่หลินยี่ และพูดด้วยเสียงไม่ดัง แต่น้ำเสียงหนักแน่น “แผนตอนนี้ของฉันคือการประกาศให้โลกภายนอกรู้ว่าฉันจะแต่งงานกับเวินจิ้ง เพื่อที่โลกภายนอกจะได้รู้ว่าคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยคือเวินจิ้ง แต่จริงๆแล้ว ฉันจะไม่จดทะเบียนสมรสกับเวินจิ้ง และไม่จำเป็นต้องให้เวินจิ้งเข้าร่วมพิธีแต่งงาน”

หลังจากที่เขาพูดแบบนั้น สีหน้าของหลินยี่ก็ยิ่งดูสับสนมากขึ้น

“ไม่ใช่สิ….นายไม่ให้เสี่ยวจิ้งทำอะไรเลย แล้วทำไมนายถึงบอกว่านายจะแต่งงานกับเสี่ยวจิ้ง”

ลู่เซิ่นเพียงแค่ยิ้มจางๆ ไม่ได้อธิบายอะไรออกมา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท